“ครั้งหนึ่งที่ใกล้ชิดพ่อ” หลากเรื่องเล่าความประทับใจในหลวงรัชกาลที่ 9
ความประทับใจของประชาชนที่มีต่อ “พ่อ” เล่ากี่พันครั้งก็ไม่มีวันหมด เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านได้สร้าง คิดค้น ต่อยอด ให้กับ พสกนิกรชาวไทยมากมายมหาศาล สำหรับ 3 บุคคลที่ได้แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตจากในหลวงรัชกาลที่ 9 จนทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป จากคนขับรถ มุ่งมั่นเรียนตามรับสั่ง ท้ายที่สุดได้บรรจุเป็นข้าราชการ ต่อด้วยเรื่องราวของ อดีตช่างภาพผู้ตามเสด็จ ในหลวงรัชกาลที่9 เล่าชีวิตขณะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช ปิดท้ายด้วย ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง ที่นำหลักคำสอนพ่อ “ให้ประมาณตน” มาปรับใช้ในชีวิต จนสามารถปลดหนี้ 10 ล้าน ได้สำเร็จ
“ศรีวิชัย ทรงสุวรรณ” เล่าย้อนเรื่องราวสุดประทับใจ กับ“ครั้งหนึ่งที่ใกล้ชิดพ่อ” อดีตพนักงานขับรถศูนย์อนามัยแม่และเด็ก ที่มีวุฒิการศึกษาเพียงระดับชั้นป.4 สู่บัณฑิตมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการศึกษา จากการรับสั่งของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ไปศึกษาต่อ จนได้เป็นข้าราชการ กรมอนามัย
“ผมตั้งมั่นไว้ว่า จะต้องรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ได้” จากความตั้งมั่นในครั้งนั้นของพนักงานขับรถธรรมดาๆคนนึง ถึงแม้ว่าจะพลาดโอกาสในการรับเสด็จ แต่เมื่อในวัย 27 ปีเขาได้มีโอกาสรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างใกล้ชิด พระองค์ทรงตรัสถามชื่อ นามสกุล การทำงานและการศึกษา และทรงตรัสให้ “ศรีวิชัย” ไปศึกษาต่อ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อครั้งได้มีโอกาสรับเสด็จเป็นครั้งที่ 2 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงจำได้ และตรัสถามว่า “ไปเรียนมาแล้วหรือยัง?” นับจากวันนั้นมา “ศรีวิชัย” ได้น้อมนำพระกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มามุ่งมั่นตั้งใจเรียนจบประสบความสำเร็จและได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกด้วย และได้มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น จากพนักงานขับรถสู่ข้าราชการในศูนย์อนามัย,อาจารย์สอนระดับมหาวิทยาลัยและนักข่าวท้องถิ่น
ขณะที่ “เทวินทร์ จรรยาวงษ์” อดีตช่างภาพผู้ตามเสด็จ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มานานกว่า 40 ปี เผยเรื่องราวชีวิต ขณะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช กับการทำหน้าที่ถ่ายภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ซึ่งถือเป็นความโชคดีของชีวิตที่ “ครั้งหนึ่งที่ใกล้ชิดพ่อ” และได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ท่านทรงงานหนักมาตลอดเพื่อประชาชนชาวไทย
โดย “เทวินทร์” เผยในรายการเปอร์สเปกทิฟ ถึงความประทับใจที่ได้ตามเสด็จ ว่า “ตั้งแต่ผมได้ทำงานใกล้ชิดพระองค์ท่านรู้ว่าพระองค์ท่าน รักประชาชนเหลือเกิน ท่านหายใจเข้าออกเป็นประชาชนของท่าน ไม่ว่าท่านจะไปทำงานโครงการ ไม่ว่าจะทำอะไรพระองค์ท่านก็นึกถึงประชาชนตลอด เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านเสด็จไปกับแผนที่ตลอด แต่ผมจะเห็นอะไรมากกว่านั้น ผมได้ยินพระโอษฐ์ของพระองค์ท่านตลอด พระองค์จะพูดถึงงานของพระองค์เสมอว่า “ทำไมทำไม่ได้ มันต้องได้สิ ประชาชนเขารอเราอยู่นะ...”
สำหรับ “อนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ” เขาเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่มีโอกาสถวายงาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเป็นช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่งมากว่า 10 ปี ยึดหลักคำสอนพ่อ “ให้ประมาณตน” มาปรับใช้ในชีวิต จนปลดหนี้ 10 ล้าน ได้สำเร็จ
“อนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ” ช่างทำสีผู้มีคุณสมบัติ "ปราณีต ประสิทธิภาพ และมาตรฐาน" เผยว่า “จุดเริ่มต้นของผม ผมเคยเร่ร่อน หนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 12 ปี ดิ้นรนเอาชีวิตรอด จากเด็กอู่ธรรมดาๆ ไต่เต้าจนกลายเป็นเจ้าของอู่ สู่จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต คือการได้เข้าสู่การแข่งขันช่างรถยนต์ในประเภทสีรถยนต์ จนชนะเลิศ และภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน ผมก็ได้ออกมาเปิดอู่เล็กๆ เป็นของตัวเอง พอปี พ.ศ.2540 ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสในเรื่องของเศรษฐกิจ ในกองราชรถจึงเลือกที่จะทำสีรถยนต์พระที่นั่งภายในประเทศ ตามหาช่างที่มีคุณสมบัติ "ปราณีต ประสิทธิภาพ และมาตรฐาน" ผมก็ได้มีโอกาสเข้าถวายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์ จุดเปลี่ยนที่สำคัญของผมคือ ผมเคยถวายค่าใช้จ่ายในการทำสีรถยนต์พระที่นั่งให้ในหลวงฟรี แต่ในหลวงมทรงโปรด และตรัสว่าให้ประมาณตน นี่คือคำสอนที่ผมน้อมนำมาใช้ในชีวิตของผมมาโดยตลอด จนผมปลดหนี้ 10 ล้านบาทได้”
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ