จำได้ไหม ? “สายเชีย” จน เครียด กินเหล้า จากลูกชาวนา ขอข้าววัด สู่นักธุรกิจอสังหา

จำได้ไหม ? “สายเชีย” จน เครียด กินเหล้า จากลูกชาวนา ขอข้าววัด สู่นักธุรกิจอสังหา

จำได้ไหม ? “สายเชีย” จน เครียด กินเหล้า จากลูกชาวนา ขอข้าววัด สู่นักธุรกิจอสังหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากโฆษณาชุดจน เครียด กินเหล้า ของสสส.นอกจากทำให้ “เชีย สายเชีย วงศ์วิโรจน์” นักแสดงตัวประกอบหน้านิ่งได้รับรางวัลสิงโตคานส์แล้วยังทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น ไม่เพียงผลงานโฆษณาเท่านั้นเพราะเขายังได้แสดงหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่องทั้งTomb Raider ภาค 2 ,Batman Begins , Rambo 4 , Rescue Dawn , Only God Forgives หรือหนังจีนที่ดังเป็นพลุแตก Lost in Thailand  นั่นหมายถึงการมีโอกาสได้ร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดหลายๆ คนโดยเฉพาะแองเจลีนา โจลีที่เคยทานอาหารไทยฝีมือของเขามาแล้ว

เชียเป็นลูกชาวนาและใช้ชีวิตอยู่ในท้องทุ่งมาตั้งแต่จำความได้ ความยากแค้นในวัยเด็กทำให้เขาเรียนหนังสือไม่จบม.3 เพราะทางบ้านขาดแคลนทุนทรัพย์ ข้าวอาหารก็ขาดแคลนต้องหาปลาไปแลก รับจ้างทำงานทุกอย่างให้ได้เงินทั้งดายหญ้า ดำนา เรียกได้ว่าสู้และดิ้นรนมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆ เรื่องทำงานแลกเงินอาจเป็นความสนุกสำหรับเด็กผู้ชายที่ชอบชีวิตโลดโผน แต่เมื่อโตเป็นวัยรุ่นสักอายุ 17 เชียเริ่มนั่งมองชีวิตตัวเองและตั้งคำถามว่า “ ทำไมเราไม่มีบ้าน ? ” เป็นเหตุผลให้เขาและครอบครัวตัดสินใจย้ายจากเชียงรายไปอยู่กำแพงเพชรหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่

ความหวังจะตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดกำแพงเพชรเริ่มต้นขึ้นด้วยการเช่าที่ดินเพื่อนพ่อทำนา ปลูกบ้านหลังเล็กๆ ตรงยุ้งข้าว หว่านข้าวเอง ใช้ควายไถนา ต้นข้าวเติบโตแตกรวงดี แต่ละวันเขานั่งเลื่อยไม้เก็บสะสมวันละแผ่นๆ เพื่อสร้างบ้านเป็นของตัวเอง แต่ฟ้าไม่เป็นใจ เพราะฝนที่ตกหนักในปี 2527 ทำให้น้ำท่วม นาทั้ง 50 ไร่ที่ครอบครัวเช่าทำ ข้าวที่หวังจะเก็บเกี่ยวขายได้กำไร เหลือไว้กินมีค่าเท่ากับศูนย์ ชีวิตพังทลาย ทุกอย่างไปกับสายน้ำ เป็นอีกครั้งที่เขาต้องทิ้งทุ่งนามุ่งหน้าสู่เมืองกรุงเพื่อเริ่มต้นอีกครั้ง

กรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่เขาบอกว่า “ ไม่เห็นลู่ทางว่าจะทำอะไร ไม่มีจุดหมาย” แม้จะเคยมาอยู่ที่สมุทรปราการตอน 5 ขวบแต่ก็ไม่รู้จะพึ่งพาใคร เขากับเพื่อนที่หิ้วกระเป๋าเข้ากรุงมาด้วยกันจึงเริ่มต้นคิดจากจะไปเป็นนักมวย เพราะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ต้องขอข้าววัด นอนวัดและขอเงินพระเป็นค่าเดินทาง ก่อนจะย้อนกลับไปทำงานแลกข้าว แลกที่นอนในมูลนิธิที่พี่ชายบกพร่องทางร่างกายพักอยู่ ในตอนนั้นเขาทำงานในมูลนิธิไปพร้อมๆ กับทำงานก่อสร้างได้ค่าจ้างวันละ 120 บาท

ชีวิตที่หวังว่าจะดีขึ้นก็ยังไม่ดี จุดเปลี่ยนทำให้เขากลายเป็นนักแสดงคือเขาเห็นโฆษณารับสมัครนักแสดงตัวประกอบเล่นหนังต่างประเทศจากหนังสือพิมพ์ “ตอนแรกตั้งใจจะไปดูเฉยๆ เพราะเขาเก็บเงินค่าสมัคร 150 บาท แต่เราไม่มี” ต่อมาเชียเริ่มเข้าไปคลุกคลีกับคนในบริษัท นั่งกินเหล้ารู้จักคนนั้นคนนี้จนได้เป็นนักแสดงตัวประกอบรับค่าจ้างวันละ 150 -300 บาท จากตัวประกอบ เดินผ่านฉากนั้นฉากนี้ เห็นแวบๆ ในหนัง ละคร กว่า 10 ปีเขาจึงได้มาเล่นโฆษณาชุดจน เครียด กินเหล้าของสสส.และทำให้เขากลายเป็นนักแสดงโฆษณาที่มีผลงานให้เราได้เห็นเรื่อยๆ

เชีย สายเชียจึงเป็นนักแสดงชาวไทยคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงมีชื่อหลายๆ คน การได้ร่วมงานกับคนเก่งมีฝีมือสำหรับเขาแล้วเขารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดี แต่ย่อมขึ้นอยู่กับตัวเองด้วย “แต่เราดีใจที่เราเป็นตำนาน มันเป็นสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ยังมีคนพูดถึงอยู่ คำว่าดารามันคือสิ่งที่คนให้เรามา แต่เราเรียกตัวเองว่าเราเป็นนักแสดงทั่วไป ใครจ้างเราก็ไป”

ปัจจุบันเขายังคงรับงานนักแสดงทั้งโฆษณา ละคร ภาพยนตร์แถมยังเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวของลูกๆ ทั้ง 3 คน และมีธุรกิจแบ่งที่ดินให้เช่ารวม 600 ไร่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้เชียบอกว่าเป็นเพราะคำว่าสู้ “คนไม่มีกิน ต้องดิ้นรนอย่างเดียว ไม่มีเราต้องหา ไม่มีต้นทุนต้องสร้าง”

ลูกชาวนาฐานะยากจนในอดีตมีวันนี้ได้เพราะหลักการดำเนินชีวิตเคารพการตัดสินใจของตัวเอง บริหารจิตทำให้มันมีความสุข ไม่มีความทุกข์…บางทีชีวิตที่เราว่ามันอยู่ยากขึ้นทุกวัน มันจะง่ายกว่าไหมถ้าเริ่มจากความคิดสุขง่ายๆ ของเราเอง

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ จำได้ไหม ? “สายเชีย” จน เครียด กินเหล้า จากลูกชาวนา ขอข้าววัด สู่นักธุรกิจอสังหา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook