“พระคาเรน แลนส์ ” จากลูกเศรษฐี แว้น ติดยา สู่พระนักเทศน์ ศิษย์เอกท่านว.

“พระคาเรน แลนส์ ” จากลูกเศรษฐี แว้น ติดยา สู่พระนักเทศน์ ศิษย์เอกท่านว.

“พระคาเรน แลนส์ ” จากลูกเศรษฐี แว้น ติดยา สู่พระนักเทศน์ ศิษย์เอกท่านว.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ องคุลีมาลยังกลับใจ แล้วคาเรนท่านเป็นใคร.. จึงไม่กลับตัว” ท่านว. วชิรเมธีเคยกล่าวไว้

พระคาเรน แลนส์ เป็นพระหนุ่มลูกครึ่งไทย-สวิส คุณแม่เป็นชาวอำเภอพญามังราย ส่วนคุณพ่อเป็นชาวสวิสพูดภาษาไทยกลางไม่ได้ แต่พูดภาษาเมือง หรือ อู้กำเมืองเก่งมาก เพราะอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก

ก่อนบวชพระคาเรนเป็นเด็กเกเร ลองสารเสพติดมาแล้วทุกชนิด เป็นเด็กแว้น ชอบขับมอเตอร์ไซค์ซิ่งเป็นชีวิตจิตใจ ประสบอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง ทั้งเกือบพิการและเอาชีวิตไม่รอด ทำให้พ่อแม่ต้องร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้ง

กระทั่งได้มาบวชเรียนกับท่าน ว. วชิรเมธี ที่ไร่เชิญตะวัน หลังจากได้รับคำสอน เตือนสติ ป้อนปัญญาอันล้ำเลิศเป็นประจำ ปัจจุบันพระคาเรนเป็นพระนักเทศน์ 2 ภาษาที่พัฒนาทักษะการเทศน์มากขึ้น เพราะไม่ว่าท่าน ว.จะเดินทางไปเทศน์ที่ใด มักจะมีพระคาเรน ติดตามไปด้วย

จากชีวิตเสพติดความสบาย ความมั่งมี ติดยา แต่สามารถกลับตัวกลับใจมาสู่ร่มกาสาวพัสตร์ได้นั้นมีที่มาอย่างไร ติดตามได้ที่ Sanook! Men

อะไรคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

ความจริงเรามาบวชเพื่อแม่แค่ 9 วัน พอครบกำหนดแม่ก็บอก “ลูกสึกได้แล้วมันถึงเวลาแล้ว” หลังจากนั้นพ่อก็ขับมอเตอร์ไซค์มาหาอาตมา (พอดีพ่อเป็นฝรั่ง) พ่อบอกว่า “ตุ๊การเป็นพระนี้มันไม่ใช่ของถูกๆ นะ ต้องจ่ายค่าบวชด้วย ต้องจ่ายอุปัชฌาย์ ค่าห่มผ้า ค่าสวด กับงานเลี้ยงทุกๆ คน” พ่อก็เลยบอกว่าอยู่ 15 วัน มันจะได้คุ้มกับเงินที่พ่อจ่าย

ถึงปัจจุบันท่านบวชมานานแค่ไหนแล้ว

2 พรรษา 1 ปี กับ 6 เดือน

แสดงว่าท่านตั้งใจแค่บวชให้คุณแม่ 9 วัน แต่หลังจากนั้นกลับอยู่ยาว

พอดีตอนที่บวชใหม่ๆ มีแฟนด้วย แล้วตอนนี้แฟนไม่มีแล้ว ไปมีคนอื่นแล้ว

พอรู้ว่าแฟนทิ้ง ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง เจ็บปวดเหมือนกับความรู้สึกแบบคนทั่วไปไหม

ตอนแรกก็เจ็บใจ แต่ไปๆ มาๆ เรามาคิดในใจ เรามีแฟนมาหลายคนแล้ว เรามีเรื่องเยอะแยะมาแล้ว เพื่อนที่เราคบมา เอามีดมาแทงหลังเรา เพื่อนเก่านี่ไม่มีเลย ไม่คบเลย ไม่เจอเลย

แสดงว่าเพื่อนกิน ไม่ใช่เพื่อนตาย

ประมาณนั้นก็เลยคิดในใจ ตอนนี้ไม่มีงานพอดีเลย และตอนนั้นลางานเพราะเกิดอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์จนกะโหลกร้าวเลยคิดในใจ เอ๊ะ เป็นพระมันก็โอเคอยู่นะ

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นพระทำอาชีพอะไรมาก่อน

ทำบาร์เทนเดอร์ ที่เลอ เมอริเดียนได้ 1 ปี

คิดอย่างไรถึงบวชเป็นพระ

ตอนนี้ 21 ยังหนุ่มอยู่สำหรับการเป็นพระ บางคนก็เดาว่าเป็นเณร บางคนก็เดาว่า 28 -29 โหเราคิดในใจเราแก่จริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้เราบวช พูดง่ายๆ เราเป็นลูกครึ่ง เราชอบอยู่ห่างคนเยอะๆ แต่มันน่าจะไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แต่มันน่าจะเป็นเพราะ มันมีความสุขนะ เพราะมันเจอหลายคน สมัยก่อนมันไม่ใช่เป็นเพื่อนแท้ มาโกหกเรา มาขโมยของเรา อย่างนี้เชื่อใจไม่ได้ ก็คิดในใจ มีเงินคนก็มาสนใจ ไม่มีเงินก็ไม่มีคนสนใจ เราก็คิดอย่างเนี้ยะแหละ เราก็คิดว่าการเป็นพระมันก็มีความสุข มันไม่ใช่เรื่องแย่

ความสุขที่ว่านั้นเป็นอย่างไร ใจเย็นลง หรือไม่ต้องคิดมาก

พูดง่ายๆ ตั้งแต่มาบวชไม่เคยรักพ่อกับแม่เหมือนสมัยนี้ คือสมัยก่อนไม่รัก ตอนนี้รักพ่อแม่มากขึ้น ไม่รู้ทำไม เพราะว่ามันไม่เคยนึกถึงเพราะพ่อกับแม่ก็อยู่กับเรา แต่มาสมัยนี้พ่อกับแม่เป็นคนที่รักเราเยอะที่สุด เราคบเพื่อนมาหลายคน ไม่เคยมีใครรักเราเท่าพ่อกับแม่สักคน แฟนที่เราเคยมีก็ไม่เคยรักเราเท่าพ่อกับแม่ คุณจะเป็นคนจน คนร้าย คนบ้า อะไรก็ตาม พ่อกับแม่ก็จะคอยอยู่ข้างหลังเราตลอด กับอีกเรื่องการที่เรามาบวชเราก็จะได้อ่านหนังสือ

ก่อนหน้านี้ท่านเคยสนใจเรื่องธรรมะบ้างไหมคะ
ไม่มีเลย

ตอนนี้บวชมา 2 พรรษา แล้วมีแผนว่าจะสึกหรือว่าจะบวชศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ

ไปเรื่อยๆ เพราะเรายังไม่ได้คิดว่าจะทำสิ่งอื่น พูดง่ายๆใส่ผ้าเหลืองมันรู้สึกดี เวลาที่เราทำอะไรผิดเราก็จะย้อนดูนี้คือผ้าเหลือง มันก็จะทำให้เราอยู่ในกรอบ สิ่งที่ไม่ดีเราก็ไม่เอาเก็บมาคิด คิดแต่สิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตครอบครัว

ตอนนี้ท่านยังมีห่วงคุณพ่อกับคุณแม่บ้างไหมคะ

ทุกวันนี้ยังห่วงพ่อแม่ เพราะแม่มีโรคเยอะ เราเป็นลูกคนเดียว แม่เป็นคนอ้วน ทำให้เป็นโรคความดัน และอีกหลายๆ โรค ตอนนี้แม่อายุ 47 ปี แต่ห่วงจริงๆ ก็ห่วงพ่อด้วย พ่ออายุ 65 ปี อายุเยอะแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเสียวันไหน

แล้วขณะที่ท่านมาบวชใครดูแลคุณพ่อคุณแม่

ไม่ต้องดูแล เขาจะบอกตลอดเวลา อย่างเช่น ลูกไปบวชนี่พ่อกับแม่จะได้ขึ้นสวรรค์ แต่เราบวชไม่ได้ขึ้นอยู่กับการได้ขึ้นสวรรค์นะ มันอยู่ตรงที่พ่อกับแม่ได้นอนหลับสบายทุกวัน ซึ่งทุกวันนี้พ่อกับแม่ก็มีความสุข มาเจอลูกพ่อก็จะมีความสุข พ่อเป็นคนคิดนะว่า แกยังมีความสุขเลย ปัญหาในบ้านก็ไม่มีแล้ว ไม่ด่า ไม่ทะเลาะกัน เพราะอยู่ด้วยกันเลยมีความสุข

เมื่อได้เป็นลูกศิษย์ท่านว.ท่านเผยแพร่พระพุทธศาสนาอย่างไรบ้างคะ

ตั้งแต่เป็นลูกศิษย์ท่าน ว. มีคนมานิมนต์มากขึ้น มีครั้งนึงมีคนมานิมนต์วัดบ้านของพระ แม่ปลื้มใจมากเลย แม่หัวเราะดังที่สุดกว่าทุกคนเลย เวลาเทศน์คนอื่นก็หัวเราะ แต่แม่หัวเราะดังกว่าคนอื่น

ทุกวันนี้ท่านมักจะสอนหรือเทศน์เรื่องใดเป็นหลัก

ตอนนี้มันมีอยู่อันนึงที่ชอบมากเลย “เป็นเรื่องของพระกับต้นไม้ พระคือเรา ส่วนต้นไม้เป็นครอบครัวหรือคนทั่วไป ใบไม้ที่ตกจากต้นไม้เป็นปัญหา พระองค์หนึ่งตื่นทุกเช้าเห็นใบไม้ร่วงเต็มไปหมดแต่ไม่สนใจ เดินหนี ใบไม้ก็เยอะขึ้นๆ อีกองค์หนึ่งตื่นเช้าเห็นใบไม้กับต้นไม้ ท่านนี้เห็นใบไม้ เลยตัดต้นไม้ทิ้ง อีกองค์หนึ่งตื่นเช้ากลับมีความสุข มีสติกวาดใบไม้ทุกวัน คำถามอยู่ตรงที่คนเราจะเป็นคนยังไง ? ธรรมะคือวัดธรรมชาติเราจะเห็นอยู่ทุกที่ ถ้าคุณลองไปนั่งดูธรรมชาติคุณจะเห็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ”

ทุกวันนี้การใช้ชีวิตในสังคม มันแย่ลงด้วยโลกออนไลน์ เราเห็นคนฆ่าตัวตายเยอะอยากให้ท่านช่วยเตือนสติ

เราคิดว่าโลกโซเชียลเป็นเรื่องตลก ตอนมาประเทศไทยใหม่ๆ เห็นคนไทยเล่นมือถือทั้งวัน พอเราบวชเป็นพระเราว่ามันน่าจะเป็นบาปเป็นกรรมชาติเก่า เพราะว่ามันต้องเขี่ยๆ เคยเห็นไก่ไหม มันจะเขี่ยทั้งวัน เขี่ยทุกวัน คนเราต้องการศาสนา ตำรวจก็มีกฎหมาย ถ้าเราไม่มีศาสนาเราจะทำอะไรก็ทำ ศาสนาจะทำให้เรารู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

ประตูแห่งความดีไม่เคยปิด ขอเพียงกลับตัวกลับใจ เท่านี้คุณก็เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุดแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook