รายละเอียดแห่งความอร่อยของ “น็อต-อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล”
เรื่อง : RealPetal
ภาพ : วัจนนท์ ภาคะ
“ผมเคยบอกใครหลายคนไว้ว่า ถ้าไม่ได้ทำงานวงการบันเทิง ตอนนี้ผมต้องดำรงตำแหน่งคนอ้วนอยู่แน่ๆ เพราะผมเป็นพวกสายอยู่เพื่อกินครับ (ยิ้ม)”
พิธีกรหนุ่มหน้าใสอารมณ์ดีแห่งรายการรถโรงเรียน “น็อต-อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล” ย้ำเสียงหนักแน่นเมื่อเราชวนคุยถึงไลฟ์สไตล์ด้านอาหารการกิน หลังจากมีโอกาสแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนร้านอาหารญี่ปุ่น “Bekku Tonkatsu” ที่เขาเข้ามาสานต่อกิจการจากเจ้าของเดิม และเปลี่ยนจากตำแหน่งลูกค้าขาประจำผู้หลงใหลในรสชาติอาหารมาเป็นเจ้าของร้านที่พกพาความตั้งใจและความรัก (การกิน) มาเต็มกระเป๋า
“คำว่าอยู่เพื่อกินสำหรับผมหมายถึงเรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญมากในชีวิต เราต้องกินอาหารทุกวันทุกมื้อ ดังนั้นเวลาจะกินอะไรผมเลยต้องมีรายละเอียด เลือกกินแต่ของดีๆ ในมุมมองของผม คือเราทำงานหนักมาก ทำไมยังต้องมากินอาหารที่ไม่ดี ผมว่ามันเป็นการทำร้ายตัวเองสองต่อเลยนะ
“มันอาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ บ้านผมไม่ได้มีเงินมาก เลยไม่ค่อยได้กินอะไรอร่อยๆ มากนัก ส่วนใหญ่ก็จะกินข้าวแกงเหมือนเดิมทุกวัน แล้วเวลาเจอข้าวแข็งเป็นก้อนๆ เราก็จะคิดตลอดว่า ทำไมคนขายเขาไม่ใส่ใจสักหน่อย บดหรือเกลี่ยข้าวให้เราสักนิดได้ไหม พอโตมาเลยรู้สึกว่ารายละเอียดอะไรแบบนี้มันเป็นเรื่องสำคัญนะ” ฟังหนุ่มน็อตเล่าให้ฟังอย่างออกรสขนาดนี้ เราเลยอดถามต่อไม่ได้ว่าแล้ว “รายละเอียด” ในการกินของเขาในปัจจุบันนี้นั้นเป็นอย่างไร พิธีกรคนเก่งอธิบายให้ฟังพร้อมรอยยิ้มว่า
“ถ้าให้ยกตัวอย่างนะ คืออาหารจานร้อนมันต้องร้อน ไม่ใช่มาแบบเย็นชืดหรือมาแบบมันเคยร้อน (หัวเราะ) ความร้อนมันคู่กับความอร่อย ส่วนอาหารจานเย็นต้องคู่กับคุณภาพ กินแล้วต้องสด เช่น เนื้อชิ้นนี้หวาน ปูชิ้นนี้เนื้อแน่น น้ำปลาถ้วยนี้มันไม่ดำ ซึ่งมันอาจจะดูมีดีเทลเกินไป จริงๆ เรื่องนี้เราไม่ค่อยอยากเล่าให้ใครฟังนะ เพราะใครรู้ก็จะแบบ โห...เยอะจัง มันขนาดนั้นเลยเหรอ (หัวเราะเสียงดัง) แต่ความจริงเราสามารถใช้ชีวิตกับคนอื่นได้ตามปกติ ถ้าไปกินข้าวกันหลายๆ คน ผมไม่ซีเรียส เขาอยากกินอะไรกันผมก็กินได้นะ (ยิ้ม)”
นอกจากรายละเอียดและความละเมียดละไมในการกินแล้ว ความพิถีพิถันในการใช้ชีวิตของหนุ่มคนนี้ยังไม่ธรรมดา แบบที่น็อตบอกว่าเห็นเป็นคนบุคลิกสบายๆ อย่างนี้ แต่เขากลับซุกซ่อนสไตล์สุดเนี้ยบเอาไว้ ไม่เว้นแม้กระทั่งการแต่งตัวที่พิถีพิถันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เรื่องการแต่งตัวผมก็ต้องมีรายละเอียดครับ อย่างผมใส่แว่นเหมือนคนอื่น แต่ของผมเป็นแว่นขอบหนัง เป็นของเก่าตั้งแต่คุณพ่อ หรือกางเกงยีนผมก็จะเอาไปตัดขาให้มันขาดๆ หน่อย เป็นกิมมิก อย่างชุดวันนี้เสื้อผมก็มีดีเทลตรงคอเสื้อ แต่คนอื่นจะดูไม่รู้หรอก ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เช่น ร้านของผมแม้การตกแต่งจะดูขาวๆ ไม้ๆ ธรรมดา แต่จริงๆ มีรายละเอียดเยอะนะ อย่างกระเบื้อง เวลาเอาเท้าลูบไปมันจะรู้สึกถึงลายไม้ สันไม้ ซึ่งไม่มีใครรู้สึกหรอก แต่ผมอยากรู้สึกเอง ผมถือคติคนอื่นไม่รู้ไม่เป็นไร ขอแค่ตัวเราสบายใจก็พอครับ”
ด้วยความหลงใหลในรายละเอียดที่แฝงมาในความเรียบง่าย เราจึงไม่แปลกใจที่อาหารจานโปรดของเจ้าของร้านทงคัตสึคนนี้จะเป็น “อาหารญี่ปุ่น” แทบทุกประเภท ที่น็อตบอกว่าทุกจานจะมาพร้อมความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเสมอ
“เสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นคือความมีลูกเล่น มีความใส่ใจจากผู้ผลิตมาถึงผู้บริโภค ทุกอย่างต้องค่อยๆ คิด บรรจงทำออกมาอย่างพิถีพิถันจริงๆ และผมกินอาหารญี่ปุ่นได้ทุกประเภท ถ้าซูชิร้านโปรดของผมคือ Kase แถวทองหล่อ หรือถ้าราเมง ผมชอบ Bankara Ramen ซึ่งสาขาที่ไทยก็อร่อยแทบไม่ต่างจากญี่ปุ่นเลยครับ
“ส่วนอาหารชาติอื่นผมก็กินนะ อาหารไทยผมก็กินบ่อย ผมชอบร้านบ้านไอซ์ เมนูอาหารที่นี่เขาคัดสรรมาอย่างดี แม้จะเป็นแค่ปูนึ่งผัดพริกเหลือง แต่มันก็ทำให้เราร้องว้าวได้ตลอด ปูสดเนื้อแน่นเต็มจาน คือเวลาเรากินปูจะรู้ว่าปูสดหรือไม่สด คนที่กินบ่อยๆ จะรู้ว่าปูเนื้อหวานนี่เป็นอย่างไร เวลาเราได้กินของดี กินของที่คนทำใส่ใจทำ เราก็มีความสุขแล้วครับ
“ผมเลือกกินแต่อะไรดีๆ เพราะไม่อยากรู้สึกว่าวันหนึ่งเราอาจตายไปโดยไม่รู้ว่าอาหารจานนี้อร่อยมาก ดังนั้น “รายละเอียด” ในชีวิตพวกนี้จึงสำคัญมากสำหรับผมครับ”
หนุ่มน็อตปิดท้ายบทสนทนาไปแบบที่เราขอยกมือเห็นด้วยทุกประการค่ะ
เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ
ร้าน Bekku Tonkatsu ชั้น B1 อาคารจัสมิน ซิตี้ ซอยสุขุมวิท 23 โทร. 08-7909-2550
เนื้อหาโดย : นิตยสาร Gourmet & Cuisine