Born to be “ดีเจบุ๊คโกะ” เจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุ

Born to be “ดีเจบุ๊คโกะ” เจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุ

Born to be “ดีเจบุ๊คโกะ” เจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ ฉันมีชีวิตจิตใจ ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างมีทุกข์มีสุขผิดหวัง ไม่ต่างอะไร กับคนอื่น ถึงฉันจะเป็นอย่างนี้ ก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคน ฉันสู้ ฉันทนดิ้นรน ไม่ขอใครกิน”

ทันทีที่ได้ยินเนื้อหาเพลงนี้เราเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงเหล่าเพศที่สามที่มีความชัดเจนในตัวตน และหนึ่งคนที่ทำให้เรานึกถึงทันทีนั้นคือ “ดีเจบุ๊คโกะ” ที่ขึ้นแท่นเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุและฮอตสุดในยุคนี้ แต่หากย้อนกลับไปถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ดีเจบุ๊คโกะต้องผ่านบทพิสูจน์ความเป็นตัวตนต่างๆ มาแล้วมากมาย กับการเกิดมามี “กายเป็นชายและใจเป็นหญิง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณพ่อที่แม้จะไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่สนับสนุนกับสิ่งที่เขาเป็น Sanook! Men ขอพาทุกคนย้อนกลับไปดูเส้นทางชีวิตและการพิสูจน์ตัวเองของดีเจบุ๊คโกะ

บุ๊คโกะเกิดและโตมาก็รู้ตัวเองเลยใช่ไหมว่าเกิดมาเพื่อเป็นแบบนี้
บุ๊คโกะเกิดในครอบครัวข้าราชการ คุณพ่อเป็นทหารคุณแม่ก็เป็นทหาร เกิดมาก็อยู่ในกรมทหารใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวในกรมทหาร แน่นอนการเป็นลูกทหารความเป็นระเบียบต้องมีอยู่แล้ว เพราะคุณพ่อเป็นทหารค่อนข้างมีกฎระเบียบ แต่เราเป็นคนที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะอยู่ก็เฉพาะต่อหน้าเขา พอเขาไม่อยู่เราก็จะไม่มีกฎระเบียบเลย เรียกว่าฉีกกฎ เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่เป็นกฎระเบียบเราเป็นคนที่

รู้สึกว่า เรามีคาแรคเตอร์ของตัวเอง เราไม่ชอบอยู่ในกรอบจะไม่เรียบร้อยเหมือนคนอื่น เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อเราก็จะนิ่งๆ เพราะเรารู้สึกเกรงใจเขา เราก็นิ่งๆ เหมือนเด็กทั่วไป ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ แต่อยู่กับเพื่อนเราก็จะเป็นโลกของเรา แต่กับแม่เราก็สบายๆ เพราะแม่ก็ไม่ค่อยว่าอะไรค่ะ คือบุ๊คโกะรู้ตัวตั้งแต่เด็กเกิดมาก็ Born to be เกิดมาเพื่อสิ่งๆ นี้ คือเรารู้สึกว่าชอบเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ ชอบทำกิจกรรม ชอบอยู่กับเพื่อนผู้หญิง แต่ในมุมคุณพ่อเขาไม่โอเคอยู่แล้ว แต่เขาก็มีเส้นให้เราคิดเองด้วย แต่เขาคงอยากให้เราเป็นผู้ชาย แต่มันเป็นไม่ได้จริงๆ แต่พ่อหนูถือว่าเป็นข้าราชการที่หัวโบราณไหม ก็ไม่โบราณมาก แล้วก็ไม่ทันสมัยมาก เขารู้ว่าลูกเป็นนะเขาก็หาวิธีแก้ไข อย่างเช่น หากีฬาให้เล่น หาอะไรให้ทำคือเราเล่นกีฬาได้เราทำได้ทุกอย่างแต่เข้าใจใช่ไหมคะด้วยความที่เป็นตัวเรา เราก็เป็นตัวเราอยู่วันยังค่ำค่ะ

ถึงแม้ว่าบุ๊คโกะจะเติบโตมาแบบตัวเป็นชายใจเป็นหญิง แต่ก็เชื่อว่าทำให้พ่อภูมิใจได้
ตอนนี้พ่อบุ๊คโกะไม่ได้อยู่แล้ว แต่เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้พ่อภูมิใจคือการดูแลครอบครัวได้ ตอนที่บุ๊คโกะอยู่ม.6 คุณพ่อบุ๊คโกะป่วยหนักมาก ก่อนจะเสียเขาไม่อยากให้บุ๊คโกะเต้นกินรำกิน เขาไม่ชอบ เขาอยากให้บุ๊คโกะเป็นเชฟ อยากให้มีอาชีพที่จบมาแล้วทำกับข้าวเลี้ยงดูครอบครัวได้ เขาคิดว่าอาชีพเชฟเนี่ยะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ และอยู่ในครัวอย่างน้อยเราก็มีอาหารกินได้ อาชีพนี้จะเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่เราไม่ได้ชอบแบบนั้นแต่ถามว่าเราทำตามเขาไหมเราทำนะ แม้ในใจเราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น แต่เราก็ทำให้พ่อสบายใจโดยที่ทำตามพ่อ

อยากให้ทำแต่พอพ่อเสียปุ๊ปเราเต็มที่เลย คือวันนี้เรามาอยู่จุดนี้ได้ มีบ้านใหม่ กลับไปเห็นรอยยิ้มของแม่ ปลดหนี้ให้แม่ ซื้อบ้านตากอากาศให้ตัวเองอีกหลังที่เชียงใหม่ แล้วก็มีคอนโดของตัวเอง บุ๊คโกะคิดว่าพ่อเขาภาคภูมิใจมากถ้าเขามองลงมามันเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถพิสูจน์ได้ว่าถึงแม้ว่าเราจะเป็นอะไร พ่อรู้พ่อมองเราไม่ผิด เราสามารถที่จะเป็นคนดีของสังคมได้ เป็นคนที่เลี้ยงครอบครัวได้อย่างที่เขาหวัง แล้วก็เลี้ยงได้จริงๆ

อยากให้บุ๊คโกะเล่าถึงเส้นทางชีวิตจนประสบความสำเร็จเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุ
ตอนนั้นจำได้ว่าเราทำกิจกรรมที่โรงเรียนบ่อยๆ คว้ารางวัลมาตลอด ที่ 1 ที่ 2 เขาก็เริ่มเห็นแวว แต่เขาคิดว่าการที่จะมาอยู่ในวงการบันเทิงมันยาก ตอนนั้นก็มีแค่คนหล่อคนสวยเท่านั้น คนที่มีคาแรคเตอร์ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ตอนนั้นบุ๊คโกะก็ไม่ได้หน้าตาน่ารักเหมือนตอนนี้ (หัวเราะ) และเริ่มจากปรบมือตามรายการก่อน ไม่น่าเชื่อเลยนะพอปรบมือก็ขยายมาเป็นตัวประกอบในละครได้วันละ 250 บาท เป็นเอ็กซ์ตร้าละครแบบวัยรุ่น ใส่ชุดนักเรียน

ทำหมดทุกอย่าง หลังจากนั้นมีอะไรก็ทำตลอด มีไรประกวดก็ประกวดตลอด จนมาประกวดที่คุณลิขิตช่อง 7 ได้ที่ 2 หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามาบ้าง อยู่ระหว่างเรียนหนังสือตอนนั้นอยู่มหาลัยปี 1 ปี 2 ก็เรียนๆ พอเรียนเสร็จก็ฝึกงานที่ GTH ตอนนั้นเป็น PR พอฝึกเสร็จ คนก็เริ่มเห็นแววก็เริ่มมีงานบ้าง อ่านข่าวช่องทรูข่าวบันเทิงบ้าง พอเรียนจบปุ๊ปก็ได้งานก่อนรับปริญญาเลย ทำงานที่เคเบิลแห่งหนึ่งเป็นเคเบิลที่ให้โอกาสบุ๊คโกะยังจำได้ว่าเขาให้โอกาสมาเป็นนักข่าวบันเทิงได้เป็นประมาณปีนึงก็จัดรายการทีวีช่องทรู แล้วผู้ใหญ่เห็นแววเลยเรียกมาทำเดโม่ ได้เล่นละครก็จากรายการนี้เพราะคนดูเยอะ มีคาแรคเตอร์ ก็มาทำทั้งถ่ายละครด้วยหลังจากนั้นก็มาเป็นดีเจที่เอไทม์แปดปีแล้วค่ะ

นอกจากงานในวงการบันเทิงจะให้ชีวิตที่ดีและเปลี่ยนชีวิตของเราแล้วยังต่อยอดการธุรกิจให้บุ๊คโกะด้วย
ใช่ค่ะ อย่างที่บอกว่าเรื่องวงการบันเทิงบุ๊คโกะประความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว หลายคนบอกว่าเป็นจุดพีคมากเป็นปีทองแล้วก็ดังมาก บุ๊คโกะบอกว่ายังไม่ดัง เรายังพัฒนาไปเรื่อยๆ ดีกว่า นั่นคืองานในวงการบันเทิง ส่วนเรื่องการต่อยอดมาถึงธุรกิจ ตอนนี้ก็มีธุรกิจอาหารเสริมเป็นของตัวเอง ถือว่าเป็นธุรกิจที่เปิดตัวเร็วแรงและประสบความสำเร็จมากค่ะ ในระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาเราโตเร็ว บวกกับน้ำหนักเราลดลงด้วยลดไปเกือบ

30 กิโล ซึ่งเราทานเองพิสูจน์ให้เห็น อย่างที่บอกเราไม่เคยผอมในชีวิต คนเห็นหน้าเปลี่ยนตัวเปลี่ยนทุกอย่าง มันแปลกใจ เพราะมันเห็นผลจริงๆ ตอนนี้หนักประมาณร้อยกว่า ปีนี้ก็จะเหลือ 85 กะเอาไว้แล้วมันเป็นธุรกิจที่คนเห็นเรากินเองมันไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่ดีมันส่งผลให้เราเติบโตได้ค่ะบุ๊คโกะเชื่อแบบนั้น

สุดท้ายอยากให้บุ๊คโกะฝากเคล็ดลับการทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ
จริงๆ บุ๊คโกะคิดว่าความที่เราเป็นแบบนี้ ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหนบุ๊คโกะบอกก่อนเลยว่าคนเราเกิดมาเป็นมนุษย์และทุกคนเท่าเทียมกันหมด สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเราเองต่างหากที่จะบอกตัวเราว่าจะเดินไปทางไหน คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ บุ๊คโกะคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับตัวเรา วันนี้ขอให้เราตั้งใจทำในสิ่งที่เราอยากทำ แม้ว่าจะไม่ถึงร้อยก็จงภูมิใจในสิ่งที่เราทำวันนี้เราเริ่มต้นจากศูนย์เรามาถึงแค่ห้าสิบ ทำต่อไปอย่าเพิ่งถอดใจทำในสิ่งที่เราชอบเรารักสักวันจะต้องมีคนเห็น เมื่อโอกาสมาถึงให้รีบไขว่คว้าอย่านอนอยู่เฉยๆ เราต้องวิ่งไปหาโอกาสไม่ใช่ให้โอกาสวิ่งมาหาเรา บุ๊คโกะไม่เคยนอนรอโอกาสบุ๊คโกะวิ่งไปหาโอกาสทุกครั้งค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook