75 ปี ตำนานรักแสนเศร้าของโลก สุลต่านกับนางโชว์

75 ปี ตำนานรักแสนเศร้าของโลก สุลต่านกับนางโชว์

75 ปี ตำนานรักแสนเศร้าของโลก สุลต่านกับนางโชว์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

บีบีซีไทย เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวดับความรักของนางโชว์กับสุลต่านในอดีตที่ครบรอบ 75 ปีมาแล้ว

วันเวลาได้ล่วงเลยมาถึง 75 ปีแล้ว นับแต่ซิสซี ฮิลล์ หญิงคนรักของสุลต่านอิบราฮิมแห่งรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย ผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในโลก ได้เสียชีวิตลงจากการทิ้งระเบิดโจมตีของเครื่องบินกองทัพเยอรมนี โดยในช่วงก่อนที่เธอจะเสียชีวิตนั้นเรื่องราวความรักของเธอกับสุลต่านรัฐยะโฮร์ เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ทว่าตำนานรักต่างชนชั้นนี้กลับมีจุดจบอันแสนเศร้า

เรื่องราวความรักระหว่างลิเดียเซซิเลีย“ซิสซี” ฮิลล์ นางโชว์จากครอบครัวสามัญชนกับสุลต่านรัฐยะโฮร์ ผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เริ่มต้นขึ้นที่โรงแรมโกรฟเนอร์ เฮาส์ ในกรุงลอนดอนเมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 และดำเนินเรื่อยมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น โดยในตอนนั้น ซิสซี ฮิลล์ วัย 20 ปีเศษ ได้จากบ้านในเมืองเฮิร์นเบย์ มณฑลเคนต์ เพื่อเข้าไปทำงานเป็นนางโชว์ในคณะคาบาเรต์ของโรงแรมโกรฟเนอร์ เฮาส์ ซึ่งที่นั่นเอง ความงามของเธอได้ไปต้องตาสุลต่านรัฐยะโฮร์ วัย 60 ปีเศษซึ่งเสด็จเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าวพอดี

ทั้งคู่พยายามเก็บเรื่องความสัมพันธ์ครั้งนี้ไว้เป็นความลับเนื่องจากขณะนั้นสุลต่านอิบราฮิมได้ทรงสมรสและมีพระชายาอย่างออกหน้าออกตาอยู่แล้วในช่วงที่ทั้งคู่คบหากันนั้น สุลต่านอิบราฮิมได้ทรงปรนเปรอซิสซี ด้วยของกำนัลราคาแพงไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง หรือบ้านริมทะเลสไตล์ อาร์ต เดคโค ในเมืองเฮิร์นเบย์ ที่พวกเขาตั้งชื่อว่าเมย์แฟร์คอร์ท

แต่ในที่สุดเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แดงขึ้นมาหลังจากมีคนร้ายบุกเข้าไปกวาดทรัพย์สินในเมย์แฟร์คอร์ทแล้วขโมยเอาเครื่องประดับมูลค่ามหาศาลไป ซึ่งเครื่องประดับหลายชิ้นมีชื่อย่อของสุลต่านอิบราฮิมสลักไว้ด้วย ส่งผลให้เรื่องราวความรักของทั้งคู่ถูกเปิดโปงและกลายเป็นที่โจษจันไปทั่ว ทำให้สื่อมวลชนตามติดความสัมพันธ์ของพวกเขาทุกฝีก้าว

เมื่อปี ค.ศ. 1938 ซิสซีถูกถ่ายภาพที่เผยให้เห็นแหวนหมั้นเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ และแม้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องการหมั้นหมาย แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยประกาศเรื่องดังกล่าวออกมาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากขณะนั้นสุลต่านอิบราฮิม ทรงต้องเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างรุนแรงทั้งจากรัฐบาลอังกฤษที่ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่รวมทั้งแรงกดดันจากรัฐยะโฮร์แม้ในช่วงแรกสุลต่านอิบราฮิมทรงพยายามต่อต้านกระแสดังกล่าว แต่ในที่สุดก็ทนกระแสคัดค้านไม่ไหว จึงทรงจำใจถอนหมั้นซิสซี แม้ว่ายังทรงรักใคร่ในตัวเธออยู่มากก็ตาม

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในเดือนต.ค.1940 เมื่อซิสซี ซึ่งขณะนั้นอายุ 27 ปี ได้ออกไปช้อปปิ้งที่เมืองแคนเทอร์บิวรี ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เครื่องบินกองทัพเยอรมนีทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายดังกล่าว ทำให้ซิสซีเสียชีวิตทันที และสิ่งเดียวที่สามารถระบุอัตลักษณ์ศพของเธอได้ก็คือ เครื่องประดับที่สุลต่านได้ทรงมอบให้นั่นเอง

หลังจากซิสซีจากไป สุลต่านอิบราฮิมซึ่งทรงหัวใจสลายได้สร้างหลุมศพของเธอไว้ที่เนินเขาแห่งหนึ่งในเมืองเฮิร์นเบย์ ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่ถึงเดือน สุลต่านได้ทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับหญิงสาวชาวโรมาเนียชื่อมาร์เซลลา เมนเดิล โดยตอนนั้นทรงให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดลี มิเรอร์ว่า ทรงต้องการให้การเสกสมรสดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ช่วยให้ทรงปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยสุลต่านอิบราฮิมสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 1959 ที่ห้องพักของโรงแรมโกรฟเนอร์ เฮาส์ ขณะมีพระชนมายุ 85 พรรษา

ที่มา บีบีซีไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook