“พล ตัณฑเสถียร” จากพระเอกสู่เชฟผู้สร้างศิลปะบนจานอาหาร

ห่างหายจากการแสดงไปนานหลายปีสำหรับอดีตพระเอกหนุ่ม "พล ตัณฑเสถียร" ซึ่งเคยโด่งดังจากผลงานละครมากมาย แต่ปัจจุบันเขากลับผันตัวไปเอาดีกับการเป็น “เชฟ” ผู้สร้างศิลปะบนจานอาหาร แบบเต็มตัว เพราะต้องการต่อยอดงานในวงการบันเทิงที่ตนรักควบคู่ไปกับอาชีพเชฟที่เขาเชื่อว่าจะทำให้เขาเติบโตไปพร้อมๆ กับแฟนละครของตนเองในอดีต

“หนุ่มพล” จึงเป็นคนทำอาหารอยู่บนหน้าจอทีวีกับรายการ “พลพรรครักปรุง” ที่ออกอากาศมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ปี เหตุใดเขาจึงหลงใหลงานหน้าเตาจับกระทะ จับตะหลิวแทนการโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง และงานเชฟให้อะไรกับชีวิตเขา Sanook! Men มีคำตอบ

จุดเปลี่ยนนักแสดงกลายเป็นเชฟมืออาชีพ
วงจรชีวิตนักแสดงทุกคนเหมือนอาหารที่มีวัน “หมดอายุ” สำหรับพล ตัณฑเสถียร เข้าใจข้อเท็จจริงนี้ดีทำให้หลังจากสัมผัสชีวิตคนเบื้องหน้าได้ไม่นานเขาจึงเริ่มคิด และมองหาอาชีพใหม่เพื่อทำให้ตนเองยังคงอยู่บนหน้าจอทีวีได้ต่อไปแม้จะไม่ได้เป็นนักแสดงเช่นเคย และ “เชฟ” กลายเป็นอาชีพที่เขาเลือก

“ต้องบอกว่าตอนเล่นละครผมอายุยี่สิบกว่าแล้วไม่ได้เริ่มเร็วเลย ช่วงนั้นจบปริญญาโทแล้ว ส่วนมากแฟนๆ ละครของผมจะเป็นผู้ใหญ่ ละครที่เล่นก็ไม่ได้แบบละครชีวิตรักนักศึกษา เป็นละครที่ค่อนข้างบทผู้ใหญ่ แฟนคลับของเราก็อายุเท่าๆ กับเรา พอเราโตขึ้นมาแฟนคลับเขาไม่มีเวลามากรี๊ดเราแล้ว เขาจะดูตามบ้าน นั่งเลี้ยงลูก เราจึงต้องโตตามเขาก็เลยคิดว่าจะมีอาชีพอะไรที่เราจะโตไปพร้อมกับแฟนคลับของเราได้บ้าง เราก็คิดว่าเราลองมาทำอาหารดีกว่า นั่นเป็นจุดเปลี่ยนของพล และพลก็ตัดสินใจทำอาหารเพราะเราอยากโตไปพร้อมกับแฟนๆ ครับ”

การเรียนรู้ไม่เคยทำให้ชีวิต “ขาดทุน”
เชฟจึงเป็นอาชีพใหม่ที่นอกจากจะช่วยต่อยอดงานในวงการบันเทิงของอดีตพระเอกหนุ่มแล้ว บทบาทนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เขามองว่า มันไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือทำให้ขาดทุน

“อาชีพเชฟไม่เคยอยู่ในความฝันเลยครับ จริงๆ ฝันตอนเด็กๆ ผมฝันอยากเป็นพระเอก สมัยนั้นมีละครจักรๆ วงศ์ๆ พระเอกลอยได้เหาะได้ก็จะเป็นคนละภาพกับเรา พระเอกที่เราเป็นส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ ซึ่งก็ตรงกับความฝัน แต่เรื่องการทำอาหารไม่เคยฝันมาก่อน แต่มันเป็นเรื่องของการลองเรียนรู้ การวางแผนว่าในช่วงที่เราเล่นละครแล้วเรารู้สึกว่าถ้าเราไม่เล่นละครแล้วเราจะทำอะไรที่มันจะทำให้เป็นประโยชน์ เอาไปต่อยอดได้อย่างไรก็เลยคิดว่าในเมื่อเราเป็นคนที่คนรู้จักอยู่แล้วเราน่าจะมาเป็นคนทำอาหารที่คนรู้จัก แต่เราก็ไม่รู้ว่าเราทำได้ดีหรือเปล่า จริงๆ อาชีพมันก็เกิดขึ้นจากการลองการเรียนรู้ และมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรครับ”

มนต์เสน่ห์ในอาชีพเชฟ
แม้เชฟจะไม่ใช่อาชีพในฝันตั้งแต่ต้น แต่เมื่อตัดสินใจและเลือกเส้นทางแล้ว เขาจึงเริ่มเรียนรู้และลงมือทำ จนได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะการที่ผู้ชมสามารถนำสูตรอาหารและวิธีทำไปปฏิบัติได้จริง นั่นจึงเป็นเสน่ห์และคุณค่าที่ทำให้หนุ่มพลรู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จ

“คนทำอาหารมีหลายด้านเหลือเกิน เราสามารถเป็นพ่อครัวในครัวก็ได้ เราสามารถเป็นฟู้ดสไตล์ลิสต์ก็ได้ พลเลือกจะเป็นคนทำอาหารที่อยู่หน้ากล้อง เพราะมันเป็นสิ่งที่เราอยู่ๆ แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่คนชมเขาได้ไปคือความรู้ ดังนั้นเสน่ห์ตัวงานของพลมันไม่เหมือนเชฟทั่วไปที่เขาจะตอบว่า “รอยยิ้มของคนที่รับประทานอาหารของผม” แต่เสน่ห์ของพลคือคนที่บอกว่าพลพูดจารู้เรื่อง อธิบายเข้าใจเลยไปทำได้ เสน่ห์ของพลคือทำให้คนประสบความสำเร็จจากที่เขาทำเค้กตัวนี้ ฟังแล้วเขาเข้าใจ เมื่อไปทำแล้วประสบความสำเร็จ อันนั้นก็คือความสำเร็จของพล”

หัวใจ “เชฟ” มืออาชีพ
ความเคารพและซื่อสัตย์ในงานที่ตนเองทำถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกอาชีพ เช่นเดียวกับการสวมบทบาทเชฟของหนุ่มพลที่เขายังคงยึดหลักสำคัญทั้งสองข้อในการทำงาน ทำอาหาร เลือกวัตถุดิบ จึงเป็นที่มาของการได้รับการยอมรับจากวงการเชฟ

“หัวใจของการทำงานเชฟกับงานด้านอื่นๆ แทบไม่ต่างกันเลย หัวใจของมันอยู่ที่คำว่า “ความเคารพ” เคารพในตัวงานที่เราทำ เคารพในตัวเอง เคารพในผู้ชม ผู้ฟัง เคารพในลูกค้า ถ้าเผื่อเราเคารพในสิ่งที่เราทำแล้วเราจะทำด้วยความระมัดระวัง เวลาที่โอกาสเข้ามาแล้วเราจะไม่ทำแบบปล่อยไปที พลจะพูดกับน้องๆ รุ่นใหม่เสมอว่าการเดินเข้าหาโอกาสสมัยนี้มันง่ายกว่าสมัยของพลเยอะเพราะว่ามันมีช่องทางที่ทำให้เราสามารถบอกว่าตัวเราเองคืออะไร ซึ่งบางทีคนรู้จักเราแล้ว แต่จะทำให้เขารักเราต่อจะทำอย่างไรมันเป็นเรื่องที่ยากกว่า ดังนั้นเราจะต้องรักษาไว้ ส่วนหัวใจหลักอีกอย่างสำหรับตัวพลเราจะต้องซื่อสัตย์กับอาชีพของเรามันเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันครับ”

ตัวตนและแนวคิดของหนุ่มมาดคุณชายที่รู้จักวางแผนและมองหาทางออกให้กับชีวิตของตนเองในวันที่เริ่มอิ่มตัวกับการแสดงบทบาทพระเอกและเลือกต่อยอดผลงานมาเป็นเชฟผู้สร้างศิลปะบนจานอาหารบนหน้าจอทีวีได้อย่างลงตัว นี่แหละ “พล ตัณฑเสถียร”