5 ประเภทเบียร์ที่คุณควรรู้จัก

5 ประเภทเบียร์ที่คุณควรรู้จัก

5 ประเภทเบียร์ที่คุณควรรู้จัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในวันที่เบียร์มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จากแบรนด์ที่เราคุ้นเคยเพียงไม่กี่เจ้า ก็มีตัวเลือกที่หลากหลายทั้งนำเข้า หรือแม้แต่ คราฟต์เบียร์นานาชนิด

ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่คุณต้องทำความรู้จักเอาไว้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เบียร์นั้นมีหลากหลายประเภท อย่างน้อยเพื่อให้เวลาที่คุณดูฉลากเบียร์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือ อ่านเมนูของร้านเบียร์ แล้วเข้าใจมากขึ้นมาว่า แก้วที่คุณกำลังสั่งมาลิ้มลองนั้นคุณจะได้พบกับ รูป รส กลิ่น สี และระดับแอลกอฮอล์ขนาดไหน แต่ต่อไปนี้คือ 5 ประเภทของเบียร์ที่คุณควรรู้จักเอาไว้

IPA
ย่อมาจาก India Pale Ale เป็นเบียร์ที่ใส่ฮ็อพเยอะขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่งจากเพลเอล เน้นความขม และจะได้กลิ่นที่ชวนกินมากขึ้น รากของเบียร์ชนิดนี้มาจากเมื่อก่อนอังกฤษทำเบียร์เพลเอลส่งไปอินเดียซึ่งเป็นประเทศอาณานิคม แต่การขนส่งทางเรือที่ใช้เวลานานจึงทำให้เบียร์เสีย เพราะสมัยนั้นยังไม่มีการพาสเจอร์ไรซ์ ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านของคนในยุคนั้น พบว่าถ้าทำเบียร์ให้แอลกอฮอล์สูงขึ้นอีกนิด แล้วใส่ดอกฮ็อพลงไป ตัวน้ำมันของดอกฮ็อพจะมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเกิดแบคทีเรียทางธรรมชาติ จากนั้นเมื่อส่งเบียร์แบบนี้ไปอินเดียอีกครั้ง ปรากฏว่าเบียร์อยู่ได้ และมีข้อดีเพิ่มขึ้นคือ เมาง่ายขึ้น เพราะแอลกอฮอล์สูงขึ้น และมีกลิ่นบางอย่างกับรสขมซึ่งเป็นธรรมชาติของฮ็อพ จึงกลายเป็นเบียร์ที่โด่งดังในอินเดีย และดังกลับมาที่อังกฤษ สุดท้ายจึงถูกเรียกว่า India Pale Ale

Popular options: Lagunitas IPA, Harpoon IPA, Brew Dog Punk IPA, Fuller’s IPA, Anderson Valley Hop Ottin IPA

PILSNER
เป็นเบียร์ที่ได้รับความนิยมและผลิตมากที่สุดในโลก รูปแบบของเบียร์ที่มีลักษณะของรสชาติเฉพาะคือรสชาติอ่อนๆ รสหวานน้อย สีเหลืองอำพัน ดื่มแล้วสดชื่น โดยคำว่า Pilsner มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Pilsen ในประเทศสาธารณรัฐเชค ที่เริ่มผลิตเบียร์รูปแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงปี 1800's มีแอลกอฮอล์ประมาณ 3.2-4.5 ดีกรี นิยมเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 4-7 องศาเซลเซียส

Popular options: Pilsner Urquell

Porter
เบียร์สีเข้ม แต่ไม่ถึงกับสีดำสนิท มีรสขมอมหวานนิดๆ และจะมีความหอมของกลิ่นมอลต์เป็นจุดเด่น มีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่กรุงลอนดอนนิยมดื่มแบบผสมเอลเบียร์ และ twopenny (เป็นเบียร์ที่แรงที่สุด) ในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน ผู้ผลิตชื่อ "ฮาร์วูด" เรียกเครื่องดื่มที่ผสมนี้ว่า "Entire" ช่วงปี ค.ศ. 1720 ต่อมาเครื่องดื่มนี้ได้กลายมาเป็นที่รู้จักในนาม "พอร์ทเทอร์"

Popular options: Stone Smoked Porter, Founder’s Porter

Stout
คือเบียร์ดำอีกชนิดที่เรียกได้ว่าเข้มที่สุดทั้งสีและรสชาติ เนื่องจากใช้เมล็ดข้าวมอล์ต นิยมดื่มกันมากในอังกฤษ และไอร์แลนด์ มีรสฝาดขมนิดๆ เข้มข้น และมีดีกรีแอลกอฮอล์สูง
คำว่า"สเตาท์ (Stout)" นั้น เริ่มใช้ครั้งแรกจาก "สเตาท์-พอร์ทเทอร์ (Stout-Porter)" ผลิตโดยบริษัทกินเนสในไอร์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1820สเตาท์ต่างจากพอร์ทเทอร์ คือ จะมีสีเข้มกว่า เนื่องจากการใช้ปริมาณของข้าวมอล์ตคั่วมากกว่า (สเตาท์และพอร์ทเทอร์บางครั้ง แยกแยะความแตกต่างได้ยาก ถ้าไม่ได้สังเกตจากป้ายฉลาก)

Popular options: Guinness, Anderson Valley Barney Flats Oatmeal Stout, Murphy’s Irish Stout, Hitachino Nest Espresso Stout

Witbier
วีทเบียร์คือเบียร์ที่ทำจากข้าวสาลี เป็นรากศัพท์มาจากภาษาเบลเยียมWit มาจากคำว่า White แต่ถ้าเยอรมันเรียก Weizen หรือไวเซน ซึ่งมาจากคำว่า Wheat แต่โดยคอนเซ็ปต์คือการเอาข้าวสาลีมาทำเป็นเบียร์เหมือนกัน ทีนี้ถ้าเอาวีทไปคั่วก็จะเรียกว่า Dunkel Weizen หรือดุงเคล ไวเซน เพิ่มคำว่าดำเข้ามา

Popular options: Hoegaarden Original White Ale, Paulaner, Erdinger, Weihenstephaner, Schneider

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook