อยากเปลี่ยนชะตาชีวิต มีโชคใหญ่ ต้องเข้าใจที่มาเสียก่อน

อยากเปลี่ยนชะตาชีวิต มีโชคใหญ่ ต้องเข้าใจที่มาเสียก่อน

อยากเปลี่ยนชะตาชีวิต มีโชคใหญ่ ต้องเข้าใจที่มาเสียก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ธรรมะที่จะกล่าวในวันนี้ เป็นธรรมะที่จะแก้ปัญหาในปัจจุบัน การที่จะทำให้ตนเองมีโชคลาภนั้น แบบให้มาทันการณ์ทันเวลาที่ต้องการ ก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนว่า โชคลาภที่ได้นั้นจะต้องมาจากเหตุเสียก่อน เพราะผลนั้นจะออกมาอย่างไรต้องมีเหตุ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพ้อพกแต่อย่างใด ถ้าเราเคยหว่านอะไรต้องได้ผลตามนั้นเสมอ ปลูกข้าวต้องได้ข้าว ปลูกกล้วยต้องได้กล้วย ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ไม่มีการสลับผลลัพธ์กันแน่นอน เรื่องนี้เป็นกฎแห่งกรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้ตั้งขึ้นมาเอง เป็นกฎธรรมชาติกฎหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบขึ้นมาและนำมาสั่งสอนให้เหล่าสรรพสัตว์ได้ทราบที่มาทั้งหมดในชีวิต

แต่การที่ผลนั้นจะเกิดผลดีแค่ไหนนั้นอยู่ที่เราดูแล รักษาดูแลอย่างไร ตั้งใจ มีเจตนาที่ดี มีปัจจัยด้วยเช่นกันแล้วโชคลาภ โชคใหญ่ที่จะพลิกชีวิตคนนั้น จะมาได้อย่างไรกัน ลองพิจารณาดูก่อนเราจะได้เข้าใจทั้งหมด คำว่า โชค นั้นจริงๆ แล้วเป็นคำกลางๆ ในความหมายที่แท้จริงครอบคลุมไปหลายเรื่อง แต่คนไทยนั้นพอพูดถึงโชคมักจะหมายถึงสิ่งดีๆ เสมอ ซึ่งในความจริงหมายถึง สิ่งที่ได้มาที่ทำให้คนที่ได้รับนั้นมีความสุขมากขึ้นหรือทุกข์มากขึ้นอยู่ที่ว่าโชคนั้นจะอยู่ในฝั่งไหน ฝั่งดีหรือฝั่งร้ายมาจากกรรมดีหรือกรรมไม่ดี

แต่ที่สำคัญไม่ว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตนั้นจะเป็นวัตถุ เงินทอง โอกาสต่างๆ ต้องมาจากการลงมือทำทั้งนั้น มีคนไปถามว่า” โชค” หมายถึงอะไร กับพระสงฆ์ท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากในการเทศน์ ที่นำคนสู่แสงสว่างแห่งชีวิต ท่านตอบว่า โชคของอาตมาคือ จุดบรรจบกันระหว่างความพร้อมและโอกาส ซึ่งท่านเสริมให้ชัดขึ้นในเวลาต่อมาโดยเฉลยว่า ท่านเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลา 6-7 ปี เมื่อโอกาสมาท่านก็พร้อมที่จะรับโชคนั้น

โชคดีในชีวิตนั้นต้องสร้างขึ้นเองด้วยมือสองข้างมาจากการทำงานหนัก และแสวงหาโอกาส แสวงหาโชคอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ได้นั่งรอให้โชควิ่งเข้ามาหา แต่เขาวิ่งไปหาโชคหาโอกาสดีๆ ในชีวิตทุกวัน เศรษฐีส่วนใหญ่มักจะมองเห็นเป้าหมายของตัวเองว่า “อยากจะทำอะไร” เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ความร่ำรวย ที่เกิดขึ้นมานั้นไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ

โชคและวาสนา นั้นก็คือ บุญทำกรรมแต่งที่เราทำมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน คำว่า กรรม ก็คือการกระทำของเรานั่นเอง โชคหรือบุญวาสนา ย่อมมาจากการกระทำของเราในอดีตและปัจจุบัน คงเคยได้ยินว่า “วาสนาไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรือไม่ได้ตามที่หวัง” ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่าวาสนาไม่ถึงก็คือ บุญไม่ถึงหรือมีบุญไม่พอนั้นเอง แต่ถ้าบุญนั้นมีมากพอหรือบุญถึงเสียอย่าง แม้แต่ฟ้าก็ยังมาขวางกั้นไม่ได้เลย

“โชคดี” นั้นก็เกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้นไม่ได้มาแบบลอยๆ หรือบังเอิญโชคดีแต่ต้องมาจากความเก่ง ประสบการณ์ มีฝีมือและมีโอกาสได้ทำ คนที่ได้เลื่อนขั้นได้ดีจากการทำงานอย่าไปดูถูกตัวเองว่ามาจากการเคลื่อนที่ของดาวบนฟากฟ้า โชคมาจากมือตนเองทั้งนั้นที่ทำให้เกิดโชค เพราะตนเองมีผลงานดี มีความขยันหมั่นเพียร มีทิศทางในการดำรงชีวิตและการทำงานที่ถูกต้อง ถูกธรรม

หรือแม้แต่คนที่ได้รับการส่งเสริมด้วยวิธีพิเศษ อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรที่มาจากการกระทำมาก่อนเช่นกัน มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีความกตัญญู มีคนหนุนนำซึ่งอาจจะมาจากเคยมีบุญร่วมกันมา หรือบางกรณีคนที่สนับสนุนนั้นอาจจะต้องมาชดใช้กรรมให้เรา ครูบาอาจารย์ท่านเน้นมากว่า การสร้างโชคให้ตัวเองนั้นที่รวดเร็วทันใจนั้นการสร้างบุญใหญ่ที่เป็นกรรมหนักฝ่ายดีบ่อยครั้ง ตรงเป้า ผลบุญนั้นอาจจะให้โชคใหญ่ได้ทันการณ์ ทันเวลาที่เราต้องการได้

ส่วน “โชคร้าย” ก็เช่นกันต้องมาจากการกระทำทั้งนั้น ส่วนมากคนที่ยังไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรมดี ถ้าโชคร้ายมาเยือนก็จะไปเพ่งโทษมาลงที่ "กรรมเก่า" เรียกว่า ถ้าตนเองมีเรื่องร้ายๆ มีเคราะห์อะไรก็ตาม ส่วนมากจะไม่ค่อยโทษตัวเองแต่ไปโยนโทษนั้นให้กรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวรเสียก่อน เพราะมันทั้งง่ายดีและแสนจะมักง่ายสิ้นดี ทั้งๆ ในบางกรณีเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ได้ทำไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ตัวการสำคัญที่ส่งผลกับสรรพสัตว์ทั้งปวง เป็นตัวกำหนดชะตากรรมชีวิตทั้งหมดไม่ว่าจะเลวร้ายหรือดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกรรม หรือการกระทำทั้งสิ้นโดยมีกฏแห่งกรรมควบคุมอยู่ ที่เรียกว่า "กรรมลิขิต"

ชีวิตของทุกคนที่พบโชคไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายทั้งหลายมาจากกรรม อาจจะเป็นกรรมเก่าก็ได้ หรือกรรมใหม่ที่เราที่ในชาติปัจจุบันนี้ก็ได้ หรือแม้แต่กรรมเก่าผสมกับกรรมใหม่ ที่ทำให้เร่งเรื่องราวให้เกิดขึ้น คือ มีทั้งเหตุทั้งปัจจัยพร้อมสรรพ ผลนั้นจึงเกิดขึ้นมา หากกินเหล้าเมายาจนเกือบรุ่งเช้า อดหลับอดนอนร่างกายอ่อนเพลีย ตาใกล้จะปิดจะหลับมิหลับแหล สมองมืนงงเพราะฤทธิ์เหล้าไปกดประสาททำให้ตัดสินใจอะไรก็เชื่องช้า จากสติที่มีเต็มร้อยก็เหลือเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ขับรถออกมาจากร้านเหล้าไปชนคนอื่นเขา ต้องเสียเงิน เสียทอง หรือติดคุกหรือแม้แต่ตนเองต้องตายไปแบบไม่น่าจะตาย

หากเป็นผู้มีนิสัยไม่ดีติดตัวมาแต่เกิด โลภโมโทสัน ถือว่าเป็นกรรมเก่าที่ส่งมาเกิดหรือแต่งให้มาเกิดในชาตินี้ แถมยังได้รับกรรมสนับสนุนคือได้รับการเลี้ยงดูที่ผิด ถูกสอนจนทำให้ไม่มีความอดทน อดกลั้น ทำอะไรก็ทิ้งๆ ขว้างๆ เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวซึ่งถือว่าเป็นกรรมใหม่ในชาตินี้ เมื่อมารวมกันเมื่อเชื้อไฟที่มีอยู่แล้ว พอมาเจอไม้ขีดไฟหรือประกายไฟหรือกรรมใหม่ที่ทำซ้ำเข้าไปอีก มันจึงลุกพรึ่บติดเป็นไฟได้ง่ายดาย ที่ทำลายล้างทุกอย่าง จนกลายเป็นผู้ไม่มีทรัพย์ ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีเงินที่จะพอจุนเจือช่วยเหลือตัวเอง มีปัญหาเรื่องเงินมาตลอด ไร้ซึ่งเครดิตไม่มีใครคบหาสมาคมหรือให้ความช่วยเหลือ จึงชอบพูดว่า ชีวิตนี้อาภัพ มีแต่เรื่องร้ายๆ หรือโชคร้ายอยู่เสมอ

เพราะเป็นผู้ประมาทในกรรม ไม่เชื่อในคำว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จึงสร้างกรรมชั่วไม่หยุดหย่อน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบทำร้ายทำลายเบียดเบียนผู้อื่น จึงต้องเป็นผู้ทุกข์ทรมานกับโรคร้ายต่างๆ นานาอายุสั้น โชคร้ายเหล่านี้ ไม่ใช่มาจากเหตุการณ์เคลื่อนของดวงดาว ไม่ได้มาจากพระเจ้าลิขิตบงการ หรือใครหน้าไหนทั้งนั้น ตนเองนั่นแหละเป็นผู้สร้างความโชคร้ายนี้ขึ้นเองด้วยการกระทำ

สำหรับ "โชคลาภ" หรือเราอาจจะเรียกอีกอย่างว่า “ลาภลอย” ที่เกือบแทบทุกคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ได้มาอย่างง่ายๆ ไม่ต้องลงมือ หรือออกแรงทำอะไรมากก็ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วหากสืบต้นตอย้อนกลับไปก็จะรู้แบบเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นโชคลาภ หรืออะไรก็ตาม ต้องมีที่มาและที่ไปทั้งนั้น โลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ ต้องมีเหตุ มีปัจจัยช่วยทำให้เกิดขึ้นเสมอ การที่จะมีโชคลาภ ตัวเองพบแต่ความโชคดีนั้น ครูบาอาจารย์ท่านจึงบอกว่า ต้องเป็นผู้มีกรรมดีมาส่งผลมากในเวลานั้นเท่านั้นและในขณะที่กรรมไม่ดีส่งผลได้น้อย ทำไมครูบาอาจารย์ท่านจึงกล่าวเช่นนี้ เป็นเพราะในทุกวินาทีของชีวิตคนเรานั้นมีทั้งสุขและทุกข์ผสมกันอยู่ ถ้ากรรมดีมาส่งผลมากในวินาทีนั้น เราก็มีความสุข แต่ถ้ากรรมไม่ดีมาส่งผลมากกว่ากรรมไม่ดีในช่วงนั้น เราจึงรู้สึกทุกข์มากกว่าสุข

การที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น หากใครเข้าใจก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เพียงสร้างกรรมดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีสติอยู่กับลมหายใจแห่งปัจจุบัน มีความพอใจในปัจจุบัน ไม่หลงอดีต ไม่หลงปัจจุบัน ไม่คาดหวังในอนาคตที่ยังมามาถึง กรรมไม่ดีที่เคยก่อนั้นไม่ว่าจะเป็นในชาติไหนหรือในชาติปัจจุบันก็ตาม ไม่สามารถตามไปแก้ไขไม่ให้เกิดได้แล้ว สิ่งที่แล้วไปแล้วอย่าไปติดยืด อย่าไปหวนคิดให้เจ็บช้ำใจอีกเลย ทางที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดก็คือ อย่าก่อกรรมนั้นอีก เอามาเป็นครูและรู้จักเกรงกลัว ละอายที่จะทำกรรมไม่ดีนั้นเอง พยายามเรียนรู้และเข้าใจในกฎแห่งกรรมให้มากที่สุด

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าถึงแม้กรรมที่เกิดจากการกระทำในอดีตจะส่งผลมาถึงปัจจุบันและอนาคตก็ตาม แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองใหม่ตลอดเวลา หรือเลือกที่จะทำให้ตนเองพบโชคดี โชคลาภได้ตลอดเวลาด้วยการสร้างกรรมดีใหม่อย่างไม่หยุดยั้งในชาตินี้ มีชีวิตอยู่ในความไม่ประมาทในกรรมและไม่กลัวกรรมเก่าด้วย อย่าไปยอมจำนนต่อกรรมเก่า พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกฎแห่งกรรมเพื่อให้เราทุกคนพัฒนาตนเอง พัฒนาคุณภาพชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นตลอดเวลา ไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ทำให้ชีวิตต้องมาพบกับความลำบาก อุปสรรคต่างๆ มีความพร้อมอยู่เสมอ ไม่หลงทางไม่ประมาทในการมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้จนเตรียมการที่จะมีความสุข ความเจริญไปถึงโลกหน้า

ขอย้ำอีกครั้งว่า ผลจากการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มีผลมากที่สุดที่จะทำให้เกิดโชคลาภมีความสุข ความสำเร็จ รวยได้ทั้งอย่างฉับพลัน หรือรวยอย่างยั่งยืนได้จริง ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่า การทำบุญ การไปทำทานหรือสะเดาะเคราะห์ต่างๆ จะช่วยให้ตนเองรอดพ้นจากบาปกรรม ความทุกข์ ความเศร้าโศกหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าโชคร้าย ดวงตกนั้นไปได้อย่างทันทีทันใด ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้น

บุญนั้นไปลบล้างบาปกรรมที่ทำมาไม่ได้ แต่บุญที่ทำจะพาชีวิตให้พ้นจากกรรมไม่ดีที่ทำมาได้จริง ถ้ามีพลังบุญมากพอและสามารถส่งผลทั้งในชาตินี้และข้ามภพชาติด้วย เราต้องเรียนรู้ว่า บุญนั้นอยู่ในส่วนของบุญที่ต้องส่งผล บาปหรือกรรมไม่ดีทีทำไปแล้วก็ต้องส่งผลเช่นกัน ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไปได้ แต่อยู่ที่ว่าในส่วนไหนจะมีพลังและส่งผลได้มากกว่ากันในเวลานั้น เหมือนระหว่างสุนัขล่าเนื้อกับกวาง ใครจะวิ่งได้เร็วกว่ากัน ที่มีความสุข มีโชคมากขึ้นแต่เป็นเพราะกระแสของบุญนั้นส่งผลแรงเกินกว่าที่กรรมชั่วจะตามทัน เราก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น สุขสบายขึ้น เท่านั้นเองแต่จริง ๆ แล้วกรรมเก่ามันไม่ได้หนีหายไปไหนเลยมันแค่รอจังหวะ รอโอกาสว่าเมื่อไหร่ผลของกรรมชั่วที่เราทำในปัจจุบันนี้จะส่งผลมันจะผสมโรงด้วยทันทีที่ทำได้

ถ้าอยากหนีให้ไกลจากสิ่งไม่ดีหนีจากความโชคร้าย ก็เร่งสร้างบุญ เร่งทำความดี ไม่ทำความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใสชีวิตก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป หวังว่าที่กล่าวไปแล้วนั้นท่านผู้อ่านทุกท่านจะพอเข้าใจพอสมควรแล้วว่า โชคนั้นมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเข้าใจสิ่งแล้วก็จะสามารถมีกำลังใจที่จะสร้างโชคให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราได้อย่างถูกต้อง ต่อไปนี้จะนำเรื่องของการที่จะทำให้เกิดความโชคดีในชีวิต ทำให้โชคลาภที่ควรจะได้มาถึงเร็วมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่ที่กรรมกำหนด แต่ที่แน่นอนที่สุด ทุกวิธีการที่บอกทั้งหมดนี้จะไม่เกิดผลเลย หรือเกิดผลช้าถ้า เรายังเป็นผู้สร้างกรรมดีผสมกับการทำชั่วไปด้วย ยิ่งทำชั่วมากกว่าทำดี ก็อย่าไปหวังเลยว่าตนเองจะโชคดีมีโชคลาภ เพราะผลของกรรมชั่วนั้นแรงกว่าก็ต้องส่งผลก่อน เป็นกฎแห่งกรรม

เหมือนกับเราต้องการวิ่งไปถึงเส้นชัยโดยเร็ว แต่เราก็ไปสร้างตัวถ่วงมาถ่วงขาของตัวเองไปด้วยยิ่งสร้างตัวถ่วงมาก มันจึงไปไม่ถึงไหน เผลอๆ อาจจะหกล้มหกคะเมนด้วยซ้ำ เพราะโดนกรรมเก่าไม่ดีมันท่วมตัว มันไล่ตามมาทัน ทีนี้ชีวิตคงจะยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ บุญที่ทำก็ส่งผลไม่ได้เพราะมีกำลังน้อยกว่า ข้อแรกที่ต้องทำและขอย้ำว่าสำคัญมากก็คือ หยุดทำความชั่วทั้งมวลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากยังไม่สามารถทำได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามให้พยายามลด ละ เลิกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเร่งทำกรรมดี สร้างบุญกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอรับรองว่า ถ้าทำได้ โชคทั้งหลาย ลาภที่ควรจะได้ จะหลั่งไหลมาและเปลี่ยนชีวิตทุกท่านไปตลอดกาลอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook