อเล็กซ์ เรนเดล จากเด็กชายคนนันสู่ชายหนุ่มในวันนี้

อเล็กซ์ เรนเดล จากเด็กชายคนนันสู่ชายหนุ่มในวันนี้

อเล็กซ์ เรนเดล จากเด็กชายคนนันสู่ชายหนุ่มในวันนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผมชอบผู้หญิงอารมณ์ดี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของสเป็ค เมื่อก่อนผมจะชอบ พี่ชมพู (อารยา เอฮาเก็ต) มาก ผมรู้สึกว่าพี่เขาสวยดี คือผมจะชอบแบบลูกครึ่ง นางแบบ อะไรแบบอย่างนี้แหละครับ เขาพานัยน์ตาเศร้าๆ เข้าวงการมาตั้งแต่ 4 ขวบในฐานะนายแบบรุ่นเล็ก

อเล็กซ์ เรนเดล, อเล็กซ์, ชายหนุ่ม, ดารา, วงการบันเทิง, บันเทิง, นักแสดง

อีก 4 ปีต่อมาเขาได้ประกบกับนักแสดงยอดฝีมืออย่าง อำพล ลำพูน เพื่อแสดงละครเรื่อง หัวใจและไกปืน หลังจากนั้นชื่อของ อเล็กซ์ เรนเดล ก็ค่อยๆ กลายเป็นที่รู้จักผ่านฝีมือการแสดงของเขาในละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง จวบจนปัจุบันเขาก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัวในบทของ พัฒน์ จากละครเรื่อง สุดแต่ใจจะไขว่คว้า และได้เข้าไปเป็นตัวละครหลักใน ระเบิดเทิดเทิง ซิทคอมเรทติ้งสูง นับว่า ณ ตอนนี้เขากลายเป็นนักแสดงอนาคตไกลที่น่าจับตามองคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่มากด้วยความสามารถที่สั่งสมมานานถึง 14 ปี Talk ฉบับนี้จึงหยิบบทสนทนาระหว่าง first กับอเล็กซ์ในแบบเจาะใจ ทั้งตัวตนและมุมมอง รวมไปถึงก้าวต่อไปในอาชีพนักแสดงของเขา ที่รับรองว่า...เอกซ์คลูซีฟสำหรับคุณ ปัจจุบันอายุเท่าไร และกำลังทำอะไรอยู่บ้าง ตอนนี้อายุ 18 ปีแล้วครับ กำลังเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะนิเทศศาสตร์ อินเตอร์ฯ ปีหนึ่ง ส่วนงานแสดงปัจจุบันก็จะมีละครเรื่อง สุดแต่ใจจะไขว่คว้า, ซิทคอมเรื่อง ระเบิดเทิดเทิง และปลายปีก็จะมีละครเรื่อง ผยอง ทำไมถึงสนใจงานแสดง มันสนุกครับ คือพอผมได้อ่านบท ได้ทำความเข้าใจกับมัน แล้วก็แสดงออกมาเป็นตัวละครตัวนั้น มันก็ออกมาเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ มันเลยสนุก สนุกที่ได้สวมบทบาทเป็นตัวละครตัวนั้นตัวนี้ ผมรู้สึกว่า การที่ผมจะต้องไปเป็นใครอีกคนมันท้าทาย เพราะในเรื่องของการแสดง ผมคิดว่าไม่มีใครที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นมือโปรฯ ได้แน่นอน เพราะการแสดงมันต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ คือ เวลาผมดูตัวเองในทีวี ผมยังรู้สึกเลยว่า ทำไมตัวเองเล่นได้แค่นี้ อยากจะกลับไปแสดงเพื่อที่จะทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ รู้สึกอย่างไรที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็ก ผมมีความสุขกับงานมากครับ ตั้งแต่เริ่มทำงานแล้ว ไม่เคยเบื่อ ไม่เคยรู้สึกว่า อะไรวะ วันนี้ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเลย ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ครอบครัวก็เห็นด้วย แต่ขอไว้ว่าเรื่องเรียนต้องมาก่อน ทุกวันนี้คุณแม่ยังพูดอยู่เลยว่า ไม่เคยต้องการให้เรียนได้ที่หนึ่ง แค่ไม่ตกก็พอ แต่ถ้าตกเมื่อไหร่ ก็ต้องเลิกแสดง แล้วกลับมาเรียนจนกว่าจะไม่ตกแล้วค่อยไปแสดงใหม่ คือมันมีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมกำลังสับสนว่าจะเอาไงดี เพราะการเรียนมันเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว เนื่องจากผมต้องไปถ่ายละครดึกๆ แล้วก็ตื่นเช้ามาเรียน แต่พอผมมาคิดว่ามันต้องทำ มันต้องฮึด มันก็ไปของมันเองได้เรื่อยๆ คือเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย มันก็เลยกลายเป็นเหมือนชีวิตเราไปเลย ที่เราต้องทำอย่างนี้ มีหลักในการทำงานอย่างไร อย่างแรกเลย คือ ต้องเอาเรียนไว้ก่อน ส่วนเรื่องานแสดงผมก็จะไม่ค่อยบ่นเรื่องเวลานะว่าจะเสร็จกี่โมง หรือต้องตื่นกี่โมง ไม่ต่อรองว่า นัดเช้าจัง สายอีกหน่อยได้มั้ยง จะไม่มี คือผมจะถูกคุณแม่ฝึกไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า เวลามากองถ่าย ผมต้องมารอ ไม่ใช่ให้ทุกคนมารอผม ในเรื่องของบทก็ไม่มีปัญหา เพราะพอผมมาอยู่ช่องนี้ก็มีคนดูให้ แต่ถ้าเมื่อก่อน จำได้เลยว่ามีคนติดต่อให้ผมไปเดินแบบชุดว่ายน้ำ แล้วให้ผมใส่เดินต่อหน้าคนเป็นร้อย ผมไม่เอาเลย ไม่เอาเงินด้วย วันนั้นคือกลับบ้านเลย คือผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ ทุกวันนี้ถ้ามีติดต่อถ่ายแบบ ผมจะถามก่อนเลยว่าจะเอาขนาดไหน แค่ให้ปลดกระดุมผมก็ไม่เอาเลย คือผมไม่ชอบอะไรที่มันเซ็กซี่ ไม่ใช่ว่าที่ผมไม่ถ่ายเซ็กซี่เพราะผมอยากจะสร้างภาพ คือมันเหมือนเวลาเราจะทำอะไรเราก็ต้องคิดถึงครอบครัว

อเล็กซ์ เรนเดล, อเล็กซ์, ชายหนุ่ม, ดารา, วงการบันเทิง, บันเทิง, นักแสดง

อยากลองเล่นบทแบบไหนอีกบ้าง บทที่อยากลองเล่นคือ บทโรคจิต ใช้สายตา ใช้ความนิ่ง หรือบทประมาณเรื่อง I Am Sam เรื่องนี้ชอบเลย ผมชอบมาก ผมดูแล้วร้องไห้ เขาเล่นได้เหมือนมาก ผมจำได้เลยว่า ผมดูเรื่องนี้แล้วรีบให้พี่ชายผมเสิร์ช อินเทอร์เน็ตหาเลยว่าเค้าเป็นออทิสติกจริงหรือเปล่า แล้วก็เรื่อง A Beautiful Mind ก็อยากลองเล่น ต้องเสียสละอะไรบ้างสำหรับการทำงานในวงการบันเทิง ความเป็นส่วนตัวครับ คือ เวลาผมออกไปไหนก็ต้องระวัง เพราะเพื่อนๆ นี่ซ่ากันหมด แล้วส่วนใหญ่ก็ไปกันเป็นกลุ่ม วันไหนที่มันทำอะไรไม่ดี ผมก็ต้องแยกตัวออกมา อาทิ ไปเที่ยวผับ ผมก็ไม่สามารถไปด้วยได้ เพราะผมเหมือนถูกสร้างมาให้เป็นแบบอย่างของเด็กๆ ถ้าผมทำอะไรไม่ดี เด็กๆ ก็จะเอาไปทำตาม ไปเลียนแบบแต่ถ้ามองกันอีกมุม มันก็สอนให้ผมทำได้อะไรที่ถูกต้องนะ อย่างขับรถยนต์ พี่ชายผมขับตอนอายุสิบหก แต่สำหรับผมขับได้ก็ตามเกณฑ์คือ 18 ปี แล้วเรื่องเที่ยวผับ ถ้าผมอายุถึง 20 ปีแม่ก็จะอนุญาต แต่ถ้าตอนนี้ห้ามเลย แล้วก็เรื่องบุหรี่นี่ก็ไม่ได้ ส่วนการดื่มเหล้า แม่ให้พาเพื่อนมานั่งดื่มที่บ้าน ถ้าไปดื่มตามผับก็ไม่ได้ เพราะคนจะมองไม่ดี ซึ่งทุกงมันก็ดีต่อตัวผมเองนะ แล้ววงการบันเทิงให้อะไรมาบ้าง ให้เยอะมากครับ คือ ผมเติบโตมาในโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่อนุบาล คุณพ่อมีงานทำ มีบ้านอยู่ดี มีคนไปรับไปส่ง มีพี่ชายพี่สาวที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา คือชีวิตมันมีความสุขมาก ถ้าผมไม่ได้เข้าวงการบันเทิง ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปกองถ่าย ได้ไปสลัม ได้ไปใช้ห้องน้ำแบบนั่งยองๆ ได้ไปเรียนรู้ชีวิตอีกด้านที่มีอยู่จริง ตอนผมไปถ่ายละครเรื่อง มณีดิน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมก็นั่งรอเข้าฉากอยู่กับนักแสดงอีกสองสามคน ผมก็นั่งมองไปรอบๆ สลัม ดูว่าชีวิตคนที่นี่เป็นยังไงบ้าง ก็เห็นคนแก่ แบบ 8 โมงเช้าเขาก็นั่งกินเหล้าแล้ว เด็กก็แก้ผ้าวิ่งเล่น คือ มันได้เห็นชีวิตจริงของคน แล้วมันทำให้ผมได้คิดว่า บางทีผมทำอะไรไป ผมไม่ได้คิดถึงคนพวกนี้เลย คนที่อยู่ในสลัม คนที่ต้องอยู่กับน้ำคลองเน่าๆ มันทำให้ผมคิดถึงคำที่คุณแม่พูดมาตลอดว่า ผมโชคดีขนาดไหนที่ผมเกิดมาเป็นแบบนี้ คือผมก็รู้แหละว่าผมโชคดี แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะโชคดีจริงๆ ไม่เคยเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ มีแต่คนบอก แต่พอผมไปเห็นกับตา ไปสัมผัสกับตัว ผมเลยแบบต้องทำตัวให้ดี ผมต้องพยายามทำอะไรสักอย่าง อาทิ เล่นละครผมก็ต้องเล่นให้คนพวกนี้ดูว่าที่พวกเขาทำอยู่นั้น อะไรที่มันผิด อะไรที่มันถูก เพื่อที่จะได้ให้พวกเขาเอาไปเลือกใช้ในชีวิตประจำวัน ว่าทำแบบไหนได้ผลอย่างไร ก่อนแสดงละครสักเรื่องมีการเตรียมตัวอย่างไร อย่างแรกที่ผมทำก็คือ การดูบท แล้วก็มาดูคิว เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณแม่จะเคร่งเรื่องเรียนมาก คิวไหน จันทร์ อังคาร พุธ คือเล่นไม่ได้เลย ต้องเสาร์ อาทิตย์ หรือไม่ก็ช่วงปิดเทอม เรียกได้ว่าพอถึงช่วงปิดเทอมทีไรผมถ่ายแทบจะทุกวัน ส่วนในเรื่องบท ตอนแรกๆ ที่เล่นละครผมก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรหรอก ก็แบบยังเด็กๆ อยู่ครับ อ่านแล้วก็เล่นไปตามนั้น แต่พอเริ่มโตขึ้นมา ผมก็เริ่มทำความเข้าใจกับบทมากขึ้น ดูที่มาที่ไปของตัวละครว่า ตัวนี้มันเป็นมายังไง และผมจะแสดงออกมาในรูปแบบไหน มีอุปสรรคในการแสดงบ้างไหม มีครับ ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ อย่างแรกเลยคือพูดภาษาไทยไม่ชัด อย่างเรื่องล่าสุด สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ก็ยังโดนเตือนอยู่ตลอดว่าพูดให้มันชัดๆ หน่อย เพราะว่าการแสดงมันคือการสื่อสารกับคนดู ถ้าผมพูดไม่ชัด มันก็ถือว่าผมไม่ประสบความสำเร็จกับการสื่อสารกับคนดู แล้วตอนไปเล่น ระเบิดเถิดเทิง เขาก็เอาคำสุภาษิตมาให้พูด ผมก็พูดไม่ได้ ยังไงๆ ก็พูดไม่ได้เป็นสิบๆ เทก คือปัญหาในด้านการแสดงของผมมันจะมีเรื่องของภาษาเข้ามาเกี่ยวข้องบ่อย อย่างคำบางคำที่เขาเอามาให้ผมพูด ผมยังไม่รู้เลยว่าความหมายของมันคืออะไร ยิ่งถ้าผมไปเล่นกับนักแสดงใหญ่ๆ ผมก็จะยิ่งกังวล แล้วพอผมกังวลมากๆ มันก็จะส่งผลให้ผมยิ่งเล่นไม่ได้ จนบางครั้งผมต้องหวังฟลุ้กอย่างเดียว คิดว่าจะอยู่วงการบันเทิงไปอีกนานแค่ไหน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมจะอยู่ได้แค่ไหน แต่ที่คิดไว้ คือ อยากอยู่ไปนานๆ อยู่ไปเรื่อยๆ และที่ผมฝันไว้ คือ ผมอยากไปฮอลลีวูด ถ้าได้ไปในฐานะนักแสดงก็ดีเลย แต่ถ้าได้ไปแล้วไม่ได้ไปในฐานะนักแสดง จะให้ผมเป็นอะไรก็ได้ ไปขนไฟก็ได้ ไปเสิร์ฟน้ำผมก็ยอม แค่ให้ผมไปมีส่วนร่วมสักเรื่องหนึ่ง ผมอยากไปดูการทำงานของเขา แล้วอันที่จริงผมก็อยากจะไปเรียนกำกับการแสดงที่โน่นเหมือนกัน อาตู่ (นพพล โกมารกุล) ก็แนะนำ คือผมชอบงานด้านนี้จริงๆ นะ ไม่ใช่เพราะอยากได้เงิน ไม่ใช่เพราะอยากโดนถ่ายรูป ผมไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลย คือถ้าวันใดวันหนึ่งผมไม่ได้ทำอะไรตรงนี้แล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะไปทำอะไร สนิทกับอาตู่ (นพพล โกมารกุล) ด้วยเหรอ อาตู่เป็นคนที่คุณแม่ไว้ใจที่สุด แล้วผมก็ไว้ใจเขาที่สุดด้วย คนจะว่าอะไรอาตู่ ผมก็จะไม่สนใจ ทุกวันนี้ผมย้ายมาช่อง 3 ผมก็ยังถามอาตู่อยู่เลยว่า ผมได้บทนี้มาผมควรจะเล่นยังไงผมปรึกษาอาตู่ได้ทุกเรื่อง ผมปรึกษาอาตู่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตั้งแต่ผมเล่น หัวใจและไกปืน อาตู่บอกเลยว่าโตอีกซัก 2 ปีเดี๋ยวมาเล่นหนังบู๊ด้วยกัน 2 ปีผ่านไปผมโทรศัพท์หาอาตู่เลย บอกอาตู่ว่า 10 ขวบแล้วนะ ผมอยากเล่นหนังบู๊ อาตู่เลยเขียนเรื่อง เก็บแผ่นดิน แล้วก็ให้เรามาแสดงเป็นผู้นำเด็กๆ แล้วผมเคยบอกอาตู่ด้วยนะว่า ตอนนี้อาตู่กำกับ ผมเล่น แต่อีกซัก 20 ปี ผมกำกับ อาตู่ต้องมาเล่นให้ผม

อเล็กซ์ เรนเดล, อเล็กซ์, ชายหนุ่ม, ดารา, วงการบันเทิง, บันเทิง, นักแสดง

มองความรักเป็นอย่างไร ผมคิดว่าความรักคือความเข้าใจกันนะ คือถ้าผมจะเลือกใครสักคนมาเป็นแฟน ผมจะไม่ดูจากหน้าตา ผมจะเลือกจากนิสัยมากกว่า ดูว่าเราเข้ากันได้หรือเปล่า ถ้าสวยแล้วมันเข้ากันไม่ได้มันก็เท่านั้น เพราะผมไม่ได้คบโชว์ใครไปวันๆ ชอบผู้หญิงแบบไหน ผมชอบผู้หญิงอารมณ์ดี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของสเปก เมื่อก่อนผมจะชอบพี่ชมพู่ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) มาก ผมรู้สึกว่าพี่เขาสวยดี คือผมจะชอบแบบลูกครึ่ง นางแบบ อะไรแบบนี้แหละครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบอยู่นะ แต่เดี๋ยวนี้ผมได้เจอนักแสดงสวยๆ เยอะแยะ คนนู้็สวยคนนี้ก็สวย กลายเป็นว่าผมเลยไม่รู้เลยว่าผมชอบแบบไหนมากกว่า คราวนี้มันเลยต้องอยู่ที่นิสัยแล้วล่ะครับ แต่ถ้าเอาจริงๆ แล้ว ผมก็ยังไม่รู้เลยนะว่าผมชอบผู้หญิงแบบไหน เพราะผมไม่เคยมีแฟนที่คบกับแบบเป็นปีๆ เวลาชอบใครสักคนจะแสดงออกอย่างไร ผมจะนิ่งเลย แล้วผมจะทำเป็นไม่รู้จักด้วย เคยมีนักแสดงคนหนึ่งเราชอบมาตั้งนานแล้ว คือปลื้ม เห็นแล้วสวย อยากรู้จัก แต่ผมก็จะฟอร์มไว้เลย ทำให้เขาไม่รู้ว่าผมชอบ อันนี้คืออย่างแรกเลย คือไม่ให้เขารู้ เวลาเขาคุยกับผม ผมก็จะดีใจอยู่ข้างใน แล้วก็จะพูดแต่ว่า ครับ ครับ อะไรแบบนี้ แล้วเรื่องของเซ็กซ์ล่ะมีความสำคัญแค่ไหน ผมว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่ความพร้อมของเรามากกว่า แต่เด็กเดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยรู้ไงว่าอะไรผิด อะไรถูก เอาความมันไว้ก่อน แต่ถ้าผมจะทำอะไรอย่างแรกเลยคือต้องป้องกัน ผมเรียนนานาชาติมาไงครับ เขาสอนเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ผม ป.4 แล้ว คือเขาจะไม่ห้ามเด็ก แต่จะใช้วิธีสอนว่าควรจะทำยังไง ป้องกันยังไง ความคิดก็เลยเปิด แล้วเมื่อได้รู้ทุกอย่าง ผมเลยไม่คิดที่จะอยากลอง ผมเลยรอดีกว่า รอวันที่ผมคิดว่าพร้อม มันอยู่ที่แต่ละคนแหละครับ สำหรับตัวผม ถ้าคบกันผมจะมองที่รักก่อน ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของนักแสดงคนหนึ่ง เขาบอกว่า เขาเพิ่งจะมาเสียความบริสุทธิ์ตอนแต่งงาน ผมนับถือมากเลยคนแบบนี้ คือเขารอ และไม่สนใจว่าคนรักจะต้องการขนาดไหน เขาเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พร้อม คืออยากให้ทุกคนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เวลาเราทำไปแล้วจะมีผลอะไรหรือไม่ นึกถึงพ่อกับแม่ของเราเอาไว้ว่าจะเสียใจขนาดไหนถ้าเขารับรู้ แล้วบางทีมันอยู่ที่การเลี้ยงดูของพ่อกับแม่ด้วย ถ้ายิ่งห้ามเด็กก็ยิ่งจะอยากรู้ มันอยู่ที่คนรอบข้าง อยู่ที่พ่อกับแม่จะอบรบลูก คือตอนนี้มันปี 2008 แล้ว เราต้องอยู่ข้างหน้าลูก ไม่ใช่ให้ลูกอยู่ข้างหน้าเรา ถ้าเป็นฝรั่ง เขาจะถามลูกเลยว่าไปมีเซ็กซ์กับใครหรือยัง แล้วเวลามีได้ป้องกันมั้ย คือทุกคนต้องเปิดกว้าง เพื่อที่เรื่องนี้จะได้เป็นเรื่องที่คุยกันได้ ชอบอวัยวะส่วนใดของตัวเองมากที่สุด ผมครับ จะชอบมีคนมาเล่นผมตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะผมของผมนิ่ม ผมสีสวย มันไม่ดำแล้วมันก็ไม่แดง มันจะออกสีโค้กๆ หน่อย แต่เด็กๆ สีมันจะอ่อนกว่านี้ ยิ่งโตมันก็ยิ่งเข้ม ผมเป็นลูกครึ่งอังกฤษ พ่อเป็นอังกฤษ แม่เป็นคนไทย บางคนก็บอกว่า เวลาผมยิ้มตาผมจะมีเสน่ห์ แต่บางคนก็บอกว่าตาผมมันดูเศร้า ผมเคยไปอ่านบทสัมภาษณ์ของเพื่อนที่ร่วมแสดงด้วยกัน เขาบอกว่าครั้งแรกที่เจอผมไม่กล้าเข้ามาคุย ดูเป็นคนดุ มีโลกส่วนตัวสูง แต่พอมารู้จักกันก็ไม่มีอไร เฟรนด์ลี่ดี แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเสน่ห์ของผมอยู่ตรงไหน มันแล้วแต่คนจะมองมากกว่า เพราะแต่ละคนก็มองไม่เหมือนกัน แต่ผมเป็นคนคุยเก่งนะ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ผมมีเพื่อนใหม่ง่ายมาก จากคนที่ไม่รู้จักผมเข้าไปคุยจนรู้จักกันเลย เพราะผมเติบโตมาผมก็เจอคนหลายบุคลิก เราก็จะดูออกว่า เออ คนนี้แกล้งได้ คนนี้แกล้งไม่ได้ แล้วคิดว่าเสน่ห์ของตัวเองอยู่ที่ตรงไหน อารมณ์ดีมั้งครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนจะมองว่าผมเป็นคนดุ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง แต่อยากบอกว่าที่ผมแสดงใน ระเบิดเทิดเทิง กับ พี่เท่ง เถิดเทิง กับ พี่โหน่ง ชะชะช่า ผมว่าอันนั้นแหละคือตัวตนที่แท้จริงของผม ช่วงไหนชีวิตที่รู้สึกว่ามันสวยงามที่สุด ก็เมื่อไม่นานมานี้เองครับ เพราะผมเพิ่งขับรถเป็น และแม่ก็เริ่มปล่อย เริ่มไว้ใจ เริ่มให้ผมไปเที่ยวไหนเองได้ ผมสอบติดจุฬาฯ ผมได้เรียนในที่ที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็กๆ อีกทั้งผมได้มาเป็นพระเอก คือผมได้เป็นพระเอกแล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องต่อไปจะไม่ได้เป็นพระเอกก็ไม่เป็นไรแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ผมทำให้พ่อแม่ภูมิใจ อายุแค่นี้ผมได้แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ วิเศษสุดจริงๆ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ อเล็กซ์ เรนเดล จากเด็กชายคนนันสู่ชายหนุ่มในวันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook