"Kana Warrior" อดีตเด็กติ๋มแอ๊บแมนสู่แดร็กควีนตัวแม่ เอนเนอจี้ทะลุเพดาน

"Kana Warrior" อดีตเด็กติ๋มแอ๊บแมนสู่แดร็กควีนตัวแม่ เอนเนอจี้ทะลุเพดาน

"Kana Warrior" อดีตเด็กติ๋มแอ๊บแมนสู่แดร็กควีนตัวแม่ เอนเนอจี้ทะลุเพดาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คำว่าแดร็กนั้นหลายๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นได้แค่เฉพาะนางโชว์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนนั้นสามารถเป็นแดร็กได้ เพราะสำหรับเราแล้ว แดร็กมันคือศิลปะชนิดหนึ่งที่คนที่เรียกตัวเอวว่า แดร็กควีนนั้นคือศิลปิน ที่นำเสนอศิลปะความคิดมุมมองและทัศนคติของตัวเองผ่านศาสตร์ที่เรียกว่าแดร็กนั่นเอง และต้องบอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็น พนักงานราชการ พนักงานบริษัท นักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงคุณครู ก็สามารถเป็นแดร็กได้ทั้งนั้น

k4(2)

ซึ่ง Kana Warrior ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีชีวิตปกติทั่วไป แต่เมื่อองค์ลงจิกวิกใส่ส้นสูงแล้ว เธอก็คือ แดร็กควีนที่มีความสามารถคนหนึ่งที่หาตัวจับได้ยาก อีกคนหนึ่ง เพราะด้วยความที่เธอเคยเป็นนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดง ละครเวที ดังนั้นมุมมองและการนำเสนอเรื่องแดร็กของเธอนั้นจึงเรียกได้ว่ามีความน่าค้นหาและโดดเด่นไม่เหมือนใครเลยทีเดียว

k5(3)

โดยในครั้งนี้ Sanook! Campus เราก็ได้มีโอกาสที่ได้พูดคุยกับเธอ เราจึงไม่พลาดที่จะถามเกี่ยวกับ จุดเริ่มต้นจากการเป็นแดร็ก แรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจเกี่ยวกับแดร็กควีน และมุมมองเรื่องเพศทางเลือกอย่าง LGBT+QI จากคนรุ่นใหม่อย่างเธอมาให้เพื่อนๆ ได้รู้จักตัวตนของเธอกันมากขึ้น

kk(14)

สวัสดีค่ะ คณา นักรบ หรือที่รู้จักกันในชื่อแดร็กคือชื่อ Drag คือ Kana Warrior ค่ะ คานา จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาศิลปะการแสดง ซึ่งการเรียนตรงนี้ช่วยในการแต่งแดร็กของ คานาได้มาก เพราะนิเทศศาสตร์คือการสื่อสารและแดร็กควีนก็คืองานศิลปะ มันจึงเป็นอะไรที่เข้ากันได้โดยตรง คือทุกๆ การแสดงของเรา เราก็อยากจะสื่อสารอะไรบางอย่างให้โลกได้รับรู้เช่นกันนั่นเองค่ะ

ถ้าถามว่า BU Theatre ให้อะไรกับเรา เราจะตอบว่า ?

kk(2)

ถ้าหากไม่มี BU Theatre Company หรือไม่มี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาควิชาการแสดง ก็คงจะไม่มี Kana Warrior ในวันนี้จริงๆ เพราะคานาเคยไม่ยอมรับตัวเองมาก่อน ยิ่งสมัยประถม-มัธยมด้วยแล้ว คานาจะแอ็บมากคือไม่เปิดเผยตัวตนเลยว่าเราเป็นใคร เนื่องจากกรอบสังคมมันกำหนดให้เราแล้วว่าเราควรจะเป็นเพศไหน โดยที่เราไม่ได้เลือกสิ่งที่เราเป็นตามความสุขของเรา ซึ่งพอคานาได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาควิชาการแสดง ที่นี่ทำให้คานาเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่คานาเป็นได้ เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้คนอื่นพึงพอใจ แต่เราเกิดมาเพื่อเป็นตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แค่นั้นก็พอแล้ว นี่คือสิ่งที่ BU Theatre ทำให้คานามีทัศนคติแบบนี้ คือเราจะอยู่บนโลกมนุษย์อันโหดร้ายนี้อย่างมีความสุขได้อย่างไร นั่นคือสิ่งสำคัญกว่า

แดร็กควีนให้อะไรกับเราบ้าง ?

k2(1)

มันทำให้เรามั่นใจในความเป็นตัวเองมากขึ้น มันทำให้เรารู้ว่าคาแรคเตอร์จริงๆ ของเราคืออะไรและเราต้องการทำอะไร เพราะสำหรับคานาแล้วการเป็นแดร็กควีนไม่ได้หมายความว่าคานาจะต้องเป็นอีกคนหนึ่ง แต่มันเป็นการโชว์ให้เห็นถึงอีกแง่มุมหนึ่งที่เราเป็นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการพูดอย่างตรงไปตรงมา การถ่ายทอดงานศิลปะแบบสุดโต่งและสุดตัว

เด็กรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับการแต่งแดร็กมากขึ้น ในจุดที่เรามายืนตรงนี้เราคิดว่ามันต้องมีการเรียนไหมหรือว่าอยากจะเป็นก็เป็นได้เลย ?

k3(4)

ไม่จำเป็นต้องเรียนเลย เพราะสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่เราควรจะต้องมีนั่นก็คือการเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเราเป็นตัวเอง เรารู้จักตัวเอง เราเข้าใจตัวเอง และภูมิใจในตัวเอง เมื่อถึงเวลาแล้วเราอยากจะถ่ายทอดอะไรเราก็ทำออกมาให้สุดไปเลย ถึงเราจะยังแต่งหน้าไม่สวยก็ไม่เป็นไร ลิปซิ้งไม่ดีก็ไม่เป็นไร คานามองว่าทุกอย่างมันคือการสร้างทักษะ มันต้องมีการฝึกฝน ถ้าอยากเป็นต้องฝึก ต้องกล้า และทำมันออกมาให้ได้ในแบบของเรา

ถึงจะมีคนที่เข้าใจในความเป็นแดร็กควีน แต่ก็ยังมีอีกด้านเหมือนกันที่เขาไม่เข้าใจว่าแดร็กควีนคืออะไร ?

k7(2)

คานาเข้าใจนะคะว่าคนไทยยังค่อนข้างรู้สึกแปลกใจกับอะไรที่มันไม่ใช่แค่คำว่า 'หญิงกับชาย' ยิ่งพอมีคำว่าแดร็กควีนเข้ามาด้วยแล้ว มันก็เลยยิ่งเหมือนสังคมได้เปิดกว้างมากขึ้น มันแปลกมากขึ้น เก๋มากขึ้น มันเลยทำให้คนยังตื่นตระหนกอยู่ว่ามันคืออะไร แต่คานาคิดว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ

การที่ 'เกย์' บางคนมองว่า 'แดร็กควีน' ไม่เข้าพวกเราคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ?

k6(1)

คือ...มันก็จะบ่งบอกถึงทัศนคติของคนๆ นั้นค่ะ ดังนั้นคานาจึงไม่อยากที่จะไปด่ากลับหรือเข้าไปคอมเมนต์ตอบกลับ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็จะมีคนที่เขาเห็นต่างเข้ามาแสดงความเห็นตอบโต้กันไปมาอยู่ดี ก็ขอสวดภาวนาให้ละกัน ภาวนาให้เขารู้ตัวเองและหลุดออกมาจากจุดนั้นสักที เพราะอย่างน้อยๆ เราก็คือ LGBT+QI เหมือนกัน แต่ทำไมถึงยังคงมองคนที่ไม่ได้แอ็บหล่อแอ็บสวยเป็นเรื่องแปลกประหลาดและน่ากลัว เรื่องนี้ต้องคิดนะคะ

เราคิดว่าแดร็กควีนไทยในอนาคตจะมีทิศทางไปในรูปแบบไหน ?

k8(2)

ณ ตอนนี้คนอาจจะยังมองว่าแดร็กควีนคือนางโชว์ตอนกลางคืน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะชีวิตจริงในตอนกลางวันของเขาอาจจะไม่ได้เป็นแค่นางโชว์ก็ได้ เขาก็คือมนุษย์ปกติทั่วไป ฉะนั้นตอนนี้มันกำลังขยายวงกว้างแล้ว และแดร็กควีนในเมืองไทยก็ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นจะต้องเป็นนางโชว์ในตอนกลางคืนอย่างเดียว แต่มันอาจจะเป็นคาแรคเตอร์ที่ทำให้เขาได้ปลดปล่อยเหมือนกับเป็นงานอดิเรกหรืองานศิลปิน คานาเชื่อว่าอีกหน่อยคนจะเข้าใจคำว่าแดร็กควีนมากขึ้นค่ะ

สุดท้ายฝากผลงานของ Kana Warrior ?

k7(3)

ในอนาคตก็คงจะมีโอกาสได้ทำละครเวที และหวังว่าจะได้ใช้ความสามารถตรงนี้เติมเต็มงานศิลปะการแสดง รวมถึงตั้งใจไว้ด้วยว่าจะเปิด Workshop ฟรี (สำหรับครั้งแรก) ให้กับผู้ที่สนใจ เพราะคานาก็อยากจะเป็นกระบอกเสียงส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่อยากจะเป็นแดร็กควีนได้รู้ว่า การเป็นตัวของตัวเองนั้นจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหนและเป็นตัวเองยังไงให้เรานั้นมีตัวตน

อัลบั้มภาพ 49 ภาพ

อัลบั้มภาพ 49 ภาพ ของ "Kana Warrior" อดีตเด็กติ๋มแอ๊บแมนสู่แดร็กควีนตัวแม่ เอนเนอจี้ทะลุเพดาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook