"ทรั้งค์ จิรัฐติกาล" บทพิสูจน์นักฟุตบอลไทย ที่ก้าวสู่สโมสรระดับโลก
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ca/0/ud/277/1386627/600.jpg"ทรั้งค์ จิรัฐติกาล" บทพิสูจน์นักฟุตบอลไทย ที่ก้าวสู่สโมสรระดับโลก

    "ทรั้งค์ จิรัฐติกาล" บทพิสูจน์นักฟุตบอลไทย ที่ก้าวสู่สโมสรระดับโลก

    2017-09-18T07:15:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    "ทรั้งค์" จิรัฐติกาล วาพิลัย ถือเป็นความภูมิใจเล็กๆ ของคนไทยคนหนึ่ง ที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับครอบครัว ครู อาจารย์และเพื่อนรอบข้าง



    เพราะเด็กผู้ชายจากจังหวัดเพชรบูรณ์ในวัย 20 ปี คนนี้ ได้ใช้ความพยายามและฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเค้า จนสามารถได้ก้าวเข้ามาฝึกฝนในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรชื่อดังระดับโลก โดยมีครอบครัวเป็นผู้สนับสนุนและผลักดันให้เดินบนเส้นทางนี้อย่างจริงจัง

    จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไม น้องทรั้งค์ ถึงได้พบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต และได้รับการสนับสนุนจากบริษัท King Power เป็นผู้สานต่อความฝันให้เด็กหนุ่มคนนี้สามารถเดินก้าวไปจากที่ๆเค้าเคยยืนอยู่แต่ในประเทศบ้านเกิดของตัวเอง และได้ทำในสิ่งที่ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่า

    เด็กผู้ชายที่มีความแน่วแน่ในเส้นทางฟุตบอลอย่างแท้จริง และไม่เคยเปลี่ยนไปชอบในเส้นทางอื่นเลย ได้เล่าให้เราฟังว่า เค้ามีคุณพ่อที่ทำงานรับราชการเกี่ยวกับผังเมือง โยธาธิการ และคุณแม่เป็นผู้สนับสนุน โดยเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบที่บ้านในจังหวัดเพชรบูรณ์ เวลาที่พ่อไปเตะบอลเค้าก็จะติดตามไปเล่นด้วย ไม่ว่าจะแถวไหน ตำบลใดก็จะติดตามไปกันไปทุกที่ตลอดเวลา ซึ่งเวลาพออยู่กับเพื่อนก็ชวนกันไปเตะบอลอยู่เรื่อยๆ

    ซึ่งตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนโต ทรั้งค์ก็จะได้คุณพ่อเป็นที่ปรึกษามาตลอด โดยหลังจากซ้อมเสร็จทุกครั้งก็มีการโทรคุยปรึกษากันในเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอล ส่วนคุณแม่ก็จะเป็นที่ปรึกษาในเรื่องส่วนตัวและเรื่องทั่วไป

    จากนั้นพอคุณพ่อเริ่มเห็นแวว ก็เริ่มมีสอนฟุตบอล เริ่มหาข้อมูลโปรแกรมแข่ง หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลให้กับทรั้งค์ได้ทำ เรียกได้ว่าเป็นคุณพ่อ คุณแม่ที่ซัพพอร์ตลูกทุกอย่างที่เกี่ยวกับเส้นทางความฝันของลูก

    ซึ่งทรั้งค์ยังเล่าต่อว่าเค้าเริ่มมาแข่งฟุตบอลจริงจัง ตอน ม.1 ม.2 ซึ่งตอนนั้นได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 และได้สังกัดอยู่ในสโมสรเมืองทอง จากนั้นก็ไปคัดตัวและได้เข้าไปอยู่ที่บุรีรัมย์ โดยทรั้งเองได้เล่นฟุตบอลในอะคาเดมี่บุรีรัมย์และเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนภัทรบพิตรนานอยู่ 1 ปี ซึ่งในอะคาเดมี่แห่งนี้ ก็ได้ฝึกให้ทรั้งค์มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

    ในช่วงนั้นที่อยู่บุรีรัมย์ทรั้งค์ก็ได้ถ้วยรางวัลจากการแข่งขันแรกในชีวิต นั่นก็คือแข่ง 16 ปี ถ้วย ก.ได้รองแชมป์ ซึ่งนั่นคือรางวัลแรกในชีวิตอย่างแท้จริง

    จากนั้นคุณพ่อได้หาข้อมูลตามเว็บไซค์ต่างๆ จนมาเจอประกาศจาก Fox hunt เลยส่งใบสมัครไป ซึ่งก็สามารถคัดตัวผ่าน 1 ใน 22 คนที่จังหวัดชัยนาท และก็คัดตัวมาเรื่อยๆ ตามโปรแกรมจนสามารถผ่านการคัดเลือกและติดเป็น 1 ใน 4 ของนักเตะไทย ที่ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตโดยให้เข้าฝึกฝนทักษะการเล่นฟุตบอลในสโมสรระดับโลกอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องๆง่าย ที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะเค้าเองต้องฝ่าฟันกับคนอื่นๆ อีกหลายพันคน โดยนักฟุตบอลไทยได้ผ่านการคัดเลือกอีก 3 คน ก็คือ สมประสงค์ พรมศร ,อนนต์ สมากร ,ธาวิน มหจินดาวงศ์

    และสิ่งหนึ่งที่เราพยายามย้ำถามน้องทรั้งค์ว่า อะไรคือจุดที่ทำให้ทรั้งค์มายืนได้ถึงจุดนี้ได้ ซึ่งน้องมีคำตอบในใจเพียงไม่กี่ข้อ และถือเป็นคำตอบที่ดีมากเป็นสิ่งตอกย้ำความชัดเจนในตัวน้องตลอดเวลาที่ได้สนทนากันเกือบๆ 1 ชั่วโมง นั่นก็คือ เค้าจะใช้ความพยายามในการฝึกฝนเป็นอย่างมากและให้ความสำคัญกับวินัยของนักฟุตบอล และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในเวลาที่ได้รับโอกาสอะไรมาสักอย่าง

    ซึ่งน้องได้บอกกับเราว่า เค้าจะมองอนาคตของตัวเองแบบทีละก้าวๆ ถ้าเราทุกอย่างในวันนี้ได้ดี อนาคตก็จะสามารถต่อยอดไปได้เอง

    และอีกหนึ่งความประทับใจที่สุดในชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้ นั่นก็คือการที่เค้าได้มาติดใน Fox Hunt ได้ฝึกซ้อมอยู่ต่างประเทศและการได้รับโอกาสดีๆ ที่จะได้เล่นในระดับสโมสรอย่าง OHL (Oud-Haverlee Leuven) ซึ่งเป็นทีมในดิวิชั่น 2 ของเบลเยี่ยม ซึ่งในต่างประเทศจะมีระบบการจัดการที่ดี มีความเป็นมืออาชีพและมีความพร้อมในทุกๆด้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่หนุ่มน้อยคนนี้อยากให้มีเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลบ้านเรา

    และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆในวงการฟุตบอลต่างประเทศ ที่พยายามเน้นย้ำให้กับนักฟุตบอลทุกๆ คน นั่นก็คือ ความมีระเบียบวินัย ถ้าเรามีระเบียบวินัยกับตนเองให้ดีพอ ความสำเร็จในเรื่องอื่นๆ ก็จะตามมาได้ไม่ยาก

    #kingpowerthaipower #พลังคนไทย # foxhunt