นนนี่ ณัฐขา ดวงรุ่งวัยใส กับชีวิตในวงการบันเทิง

นนนี่ ณัฐขา ดวงรุ่งวัยใส กับชีวิตในวงการบันเทิง

นนนี่ ณัฐขา ดวงรุ่งวัยใส กับชีวิตในวงการบันเทิง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นนนี่ ณัฐชา เจกะ นักแสดงหน้าใหม่ แจ้งเกิดจากซีรีส์ 'Gossip Girl Thailand' และภาพยนตร์ 'มอญซ่อนผี' ถึงอายุน้อยแต่ฝีมือการแสดงไม่น้อย นนนี่ขอเล่าสู่กันฟังถึงบทบาทในละครเรื่องล่าสุด 'หัวใจและไกปืน' ทางช่อง MONO29 รวมถึงเส้นทางการเป็นดาวของเธอ

PROFILE
NAME นนนี่ ณัฐขา เจกะ
BIRTHDAY 12 ตุลาคม 2542
IG nutchajeka
EDUCATION กำลังเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคภาษาอังกฤษ
WORK เข้าวงการจากการประกวด Young Model จากเวทีประกวด Thai Supermodel 2012 จนปี 2558 เล่นหนังเรื่อง มอญซ่อนผี และผลงานซีรีส์เรื่อง Gossip girl Thailand ล่าสุดกับละครเรื่อง หัวใจและไกปืน ที่ออนแอร์ช่อง MONO 29 อยู่ในขณะนี้

ย่างก้าวสู่วงการ
"นนนี่เริ่มต้นจากการประกวด Young Model 2012 ตอนอายุ 12 ปี และได้ตำแหน่ง แต่หลังจากนั้นก็หยุดงานไป 2-3 ปีจนปีที่แล้วได้กลับมาทำงานอีกครั้งโดยเซ็นสัญญากับทางช่องโมโนและร่วมแสดงเรื่องแรก 'หัวใจและไกปืน' นนนี่รับบทเป็น แจ๋ม เป็นคนทะเยอทะยาน อดทนอดกลั้น และอยากช่วยเหลือคนอื่น เรื่องนี้ดราม่าหนักมาก และเป็นละครรีเมกด้วย หลายคนบอกว่า พี่น้ำผึ้ง (ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์) เล่นไว้ดีมาก แต่นนนี่ยังไม่ได้ดูค่ะ แล้วระหว่างถ่ายก็มีแอตติ้งโค้ชคอยช่วยตลอด การร่วมงานกับพี่แบงค์ (ปรีติ บารมีอนันต์) ในช่วงแรกๆ ไม่กล้าคุยด้วยเพราะดูเป็นผู้ใหญ่มาก แต่พอทำงานด้วยกันพี่เขาเหมือนวัยรุ่นคนหนึ่งที่คุยกันได้สบายๆ แล้วยังคอยสอนนนนี่ด้วย พี่เขาใจดี น่ารักมาก อีกคนที่คอยช่วยสอนการแสดงคือพี่ป๊อก (ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) ได้รับคำสอนเยอะทั้งเรื่องการแสดง เรื่องบล็อกกิ้ง ทำงานกับกองนี้สนุกมากๆ ได้ออกต่างจังหวัดเยอะ เหมือนได้ไปเที่ยวเลยค่ะ"

บทเรียนจากการลงมือ
"ตอนเด็กๆ ไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาทำงานในวงการ มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้วางแพลนชีวิตอะไร แค่อยากทำงานไปเรื่อยๆ นนนี่คิดว่าการทำงานตรงนี้เราต้องแคร์คน แคร์หลายอย่าง แล้วยังสอนเราหลายเรื่อง หลักๆ เป็นเรื่องของสังคม การวางตัว เวลาทำงานแต่ละกองที่แตกต่างกัน ความเข้าใจเราเข้าใจเขาก็ไม่เหมือนกัน เจอคนหลายๆ แบบ มากองนี้เขาอยู่กันยังไง และการทำงานนี้เรียกได้ว่าเป็นการทำงานจริงๆ ตอนแรกนนนี่ก็คิดเหมือนคนอื่น ที่มองว่าการทำงานในวงการสบาย พอมาทำจริงๆ แล้วมันทำให้เรารู้ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ทำแล้วได้เงินมันเหนื่อยทุกอย่าง มันไม่สบายอย่างที่หลายคนคิด แต่อย่างน้อยก็สนุก มันมีความแปลกใหม่ให้เราทำ และด้วยอายุเราเท่านี้เมื่อมีโอกาสก็อยากลอง เพราะอนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง วันหนึ่งอาจจะอิ่มตัวตรงนี้แล้วไปทำงานอย่างอื่นก็ได้"

การทำงานเปลี่ยนชีวิต
"วันนี้เราไม่ใช่นนนี่คนเดิมที่ไปไหนแล้วจะซุกซนจะดื้อเหมือนเมื่อก่อน เราต้องปรับตัว ซึ่งอาจทำได้ยังไม่ถึงขั้นว่าดีมาก ไม่ถึงขนาดเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม อันนั้นสำหรับนนนี่มันยังอีกไกล ตอนนี้คิดแค่พยายามใช้ชีวิตปกติ เวลาทำอะไรอย่าให้ใครมาว่าถึงพ่อแม่เราได้ และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คือนนนี่เป็ฯคนซนก็พยายามลดๆ ตรงนั้นและทำตัวเรียบร้อยมากขึ้น แต่ยังมีดื้ออยู่บ้างค่ะ" (หัวเราะ)

ครอบครัวคือผู้ให้
"นนนี่ เป็นลูกคนเดียว พ่อเป็นชาวเยอรมนี เปิดกิจการโแรงแรมอยู่ที่นั่นและทำบริษัทเกี่ยวกับไฟฟ้าที่ฟินแลนด์ด้วย ปีหนึ่งจะได้เจอพ่อ 4 ครั้ง คือท่านบินมาเมืองไทย 2 ครั้ง และเราบินไปหาท่าน 2 ครั้ง ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ครอบครัวนนนี่ที่เมืองไทยเราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ก็มีลูกพี่ลูกน้องอยู่ด้วยกันหลายคน เลยไม่ได้รู้สึกเหมือนลูกคนเดียว ที่บ้านไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์ซีเรียสนัก แม่ค่อนข้างให้อิสระ แต่ต้องตรงเวลา กับพ่อแม้ไม่ได้เจอกันแต่เราคุยโทรศัพท์กันตลอด ทุกครั้งที่เจอกันพ่อจะบอกเสมอว่า พ่อเชื่อว่าหนูเก่งและต้องดูแลตัวเองดี ส่วนคำสอนของแม่ที่นนนี่เอามาเป็นคติประจำใจคือ แม่บอกว่าลูกไม่ต้องอยู่ในจุดที่สูงสุดก็ได้ ลูกแค่อยู่ในจุดที่มีความสุขก็พอแล้ว คือเวลาเราทำงาน เราไม่ต้องแคร์คนทั้งโลก ไม่งั้นชีวิตเราจะไม่มีความสุข แค่คำนี้ที่เราเอามาเป็นคติประจำใจ แล้วเราจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเอง ซึ่งพอลองเอามาให้ทำให้เราคิดว่าตรงนี้เราพอใจทุกอย่างแล้ว ไม่ได้ต้องการอะไร คือตอนนี้เราคิดแบบนี้ แต่อีก 2 ปีข้างหน้าอาจมีความคิดอื่นก็ได้ เพราะตอนนี้เรายังเด็ก วุฒิภาวะแค่นี้จึงคิดแบบนี้ แต่เมื่อเราโตขึ้นชีวิตมันไปได้อีก

"ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ให้อิสระให้สิ่งที่นนนี่อยากทำและให้การสนับสนุน ขอบคุณแฟนคลับทั้งที่เจอตามงานต่างๆ และในไอจีขอบคุณที่ติดตามกันเรื่อยๆ เพราะทำให้นนนี่มีแรงบัลดาลใจ มีกำลังใจมากขึ้นกับการทำงานค่ะ"

ขอบคุณเรื่องจาก http://inmagazinethai.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook