10 วิธีรับมือกับความเครียด

10 วิธีรับมือกับความเครียด

10 วิธีรับมือกับความเครียด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความเครียดทำให้คุณรู้สึกแย่ลงรึเปล่า ? รู้สึกหมดพลังใช่มั้ย ? หรือแย่กว่านั้นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณพังลงใช่หรือไม่ ?

ทุกคนล้วนแต่ต้องเผชิญกับความเครียดที่เข้ามาเป็นระยะ ๆ ตามแต่จังหวะชีวิต แต่การจะจัดการกับมันแบบไหนนั้น ก็ขึ้นกับว่าเรามองความเครียดให้เป็นแบบไหนด้วยเช่นกัน ในภาษาอังกฤษนั้นความเครียดหรือภาวะตึงเครียดก็คือ stress ซึ่งยังแบ่งออกไปได้อีก 2 แบบ คือ

- distress (ความเครียดในเชิงลบ) : ความเครียดที่สร้างความไม่สบายใจ อึดอัดใจ
- eustress (ความเครียดในเชิงบวก) : การใช้ความเครียดเป็นแรงจูงใจให้ทำอะไรสักอย่างจนสำเร็จ

เพราะฉะนั้น ถ้าจะมองให้ดีแล้ว ความสุขอาจไม่ได้เกิดเพียงแค่ลดหรือเลิกความเครียดด้านลบเท่านั้น หากแต่การทำความรู้จักกับความเครียด แล้วนำไปใช้ในเป็นแรงผลักดันให้กับตนเอง เราก็มีความสุขได้เช่นกัน

แต่จะมีวิธีไหนบ้างที่จัดการกับความเครียดได้ง่ายกว่านั้น เห็นได้ชัดกว่านี้ ?

10 วิธีต่อไปนี้จะเป็นแนวทางให้คุณสำหรับเรื่องนี้

1. เล่นโยคะ

คุณอาจจะเคยได้ยินมาแล้วว่าโยคะเป็นการออกกำลังกายที่สร้างสมาธิได้ดีเยี่ยม ลองหาคอร์สใกล้บ้านสมัครเข้าร่วมสักคอร์ส คุณจะรู้สึกได้เลยว่าคุณมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น หลับได้สนิทดี มีสมาธิในการทำงานและจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้นด้วย

2. ทำสมาธิ

เป็นอีกวิธีที่ยอดฮิตไม่แพ้กับโยคะ เพราะทำได้ง่าย ไม่จำกัดสถานที่และเวลา อีกทั้งยังให้ผลยอดเยี่ยมมากในจัดการกับทุกเรื่องในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพียงแค่การ "นิ่ง" ไม่กี่นาที สมองคุณจะคิดอะไรได้มากขึ้น มีความคิดที่กว้างไกลและสร้างสรรค์ขึ้น จิตใจแจ่มใส ความจำดี เข้าใจและพร้อมรับมือกับเรื่องร้ายได้ดี

3. เสียงหัวเราะ

ไม่ว่าเจออะไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ยิ้มรับมันเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้น เสียงหัวเราะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ปลดปล่อยตัวเองมากกว่าเดิม เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราหัวเราะ สมองจะหลั่งสารกระตุ้นความสุขไปทั่วร่างกาย เป็นเหตุให้เรารู้สึกดีขึ้นนั่นเอง

4. เล่นกับสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็ก

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อเจอกับความเครียดให้ระบายกับคนที่เรารักเท่านั้น ลองเข้าไปเล่นกับสัตว์เลี้ยง เข้าไปหยอกล้อกับเด็กเล็กไร้เดียงสาดูสักครั้ง คุณจะรู้สึกว่าพวกเขาก็ช่วยให้คุณสบายใจได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะการที่เราเข้าไปเล่นหรือพูดคุยกับพวกเขาไม่เพียงแต่ทำให้เรามีความอ่อนโยนมากขึ้น แต่ตัวเรายังผ่อนคลายมากขึ้นจากการหลั่งสารความสุขที่เหมือนกับตอนที่เราหัวเราะออกมาด้วย

5. ควบคุมน้ำตาลและสารเสพติดจำพวกกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม

คุณอาจจะเคยได้ยินมาว่าการทานของหวานจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น การทานกาแฟร้อน ๆ สักถ้วยจะช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น มันก็จริงอยู่บ้าง หากแต่คุณต้องรู้จักควบคุมไม่ให้ตัวเองถึงขั้นเสพติดรสหวานและสารคาเฟอีนด้วย เพราะมันเป็นตัวกระตุ้นให้เราไวต่อความรู้สึกเครียดได้ดีมากกว่าที่คิด

6. นอนให้เป็นเวลา

ขณะที่เรานอน สมองจะทำการปรับและชาร์จแบตไปด้วยในตัว อย่านอนดึกหรือนอนไม่เป็นเวลา เพราะไม่เพียงแต่ระบบการทำงานของร่างกายคุณจะแย่ คิดอะไรไม่ออก แต่คุณจะขี้หงุดหงิด เจ้าอารมณ์โดยไม่รู้ตัวเพราะการหลั่งสารในสมองที่ไม่เป็นระบบอีกด้วย

7. ทานอาหารเพื่อสุขภาพ

สุขภาพดี จิตใจก็ดีตามด้วย ดังนั้น เรื่องอาหารการกินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรจะเลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้กับร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน อาหารที่ตัดต่อพันธุกรรม หรืออาหารขยะจำพวกฟาสต์ฟู้ด นอกจากระบบการทำงานของร่างกายจะดีขึ้น คุณก็จะไม่เครียดเพราะไม่มีสารตกค้างในร่างกายด้วย

8. อยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว

อย่าเก็บตัวอยู่ในห้องแต่เพียงลำพัง ออกไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวบ้าง พวกเขาไม่เพียงแต่จะสร้างรอยยิ้มให้คุณ หากแต่ยังพร้อมรับฟังคุณเสมอในวันที่คุณรู้สึกไม่สบายใจ และพร้อมจะช่วยหาทางแก้ไขให้หลายช่องทางที่กว้างกว่าที่เราคิดอีกด้วย

9. ออกกำลังกายรับแดดยามเช้าบ้าง

ถ้าคิดว่าการออกกำลังคือการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง ก็อย่ามัวแต่เข้าฟิตเนสไปตากแอร์เพื่อที่จะออกกำลังได้นาน เปลี่ยนบรรยากาศไปออกกำลังกายรับแดดยามเช้าเสียบ้าง เพราะไม่เพียงแต่เราจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เรายังได้วิตามิน D จากแสงแดดเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้ร่างกายเราปรับตัวได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใดก็ตาม

10. ทำชีวิตให้ง่ายขึ้นด้วยการทำในสิ่งที่เป็นไปได้

บางครั้งความเครียดก็เป็นเพราะเราไม่รู้จักจัดระเบียบให้ชีวิต นึกจะรับอะไรเข้ามาก็รับโดยไม่กรองให้ดีก่อน ถ้าเปรียบความเครียดเป็นโต๊ะทำงานก็เหมือนกับโต๊ะที่กองพะเนินไปด้วยกองอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดจนขยับตัวลำบาก จัดระเบียบเสียบ้างและลงมือทำในเรื่องที่เราพอจะทำได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรือกดดันตัวเองเกินไป ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำไปในแบบสบาย ๆ เป็นอันพอ


ที่มา jeeb.me

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook