ทำไมต้องถ่ายน้ำมันทุก 10,000 กม. ไม่ถ่ายตรงเกิดผลเสียตรงไหน?

ทำไมต้องถ่ายน้ำมันทุก 10,000 กม. ไม่ถ่ายตรงเกิดผลเสียตรงไหน?

ทำไมต้องถ่ายน้ำมันทุก 10,000 กม. ไม่ถ่ายตรงเกิดผลเสียตรงไหน?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยสงสัยกันไหมว่าเวลาที่ซื้อรถมาแล้วหลายคนก็บอกว่า ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. เพื่อรักษาประกันตัวรถ หรืออาจจะเหตุผลอื่นๆ มากมาย ซึ่งรอบนี้ Sanook Auto จะมาไขคำตอบว่า "ทำไม" เราต้องถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ทุก 10,000 กม. แล้วถ้าเราปล่อยเกินจะเกิดอะไรขึ้น

น้ำมันเครื่องคืออะไร และหน้าที่หลัก

ถ้าจะเปรียบเทียบ น้ำมันเครื่องก็คือ “เลือด” ที่หล่อเลี้ยงเครื่องยนต์รถคุณให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ หน้าที่ของมันไม่ใช่แค่การหล่อลื่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการระบายความร้อน ทำความสะอาด และป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในที่ซับซ้อน แต่ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน

หน้าที่หลักของน้ำมันเครื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

ก่อนจะไปถึงเรื่องกำหนดการ เรามาทบทวนหน้าที่สำคัญของน้ำมันเครื่องกันก่อนดีกว่าครับ

  1. การหล่อลื่น: หน้าที่นี้เป็นที่รู้กันดีว่า น้ำมันเครื่องจะสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบชิ้นส่วนโลหะต่างๆ เพื่อลดแรงเสียดทานและป้องกันการสึกหรอ
  2. การระบายความร้อน: ขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน จะเกิดความร้อนสูงมาก น้ำมันเครื่องจะช่วยดูดซับความร้อนนี้และระบายออกไป เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่
  3. การทำความสะอาด: ในกระบวนการเผาไหม้จะเกิดคราบเขม่าและเศษโลหะเล็กๆ น้ำมันเครื่องจะทำหน้าที่ชะล้างสิ่งสกปรกเหล่านี้ให้มารวมกันที่ไส้กรอง
  4. การป้องกันการกัดกร่อน: ในน้ำมันเครื่องมีสารเติมแต่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์เกิดสนิม

 olif

ทำไม “น้ำมันเครื่องเก่า” ถึงเป็นอันตรายต่อรถของคุณ

เมื่อเราใช้งานรถไปเรื่อยๆ น้ำมันเครื่องที่เคยใสสะอาดจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิสูง, การปนเปื้อนของสิ่งสกปรก หรือแรงกดดันจากการทำงานของเครื่องยนต์

  • คุณสมบัติการหล่อลื่นลดลง: เมื่อน้ำมันเครื่องเก่าลง ความหนืดจะเปลี่ยนไปและฟิล์มน้ำมันจะอ่อนแอลง ทำให้การหล่อลื่นไม่เต็มที่ ส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เสียดสีกันมากขึ้น
  • เกิดคราบเขม่าสะสม: เมื่อน้ำมันเครื่องไม่สามารถทำความสะอาดได้เต็มที่ คราบเขม่าและสิ่งสกปรกจะเริ่มเกาะตามชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แหวนลูกสูบ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง
  • เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น: เครื่องยนต์ที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้น จะต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำงาน ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ
  • อายุการใช้งานสั้นลง: หากละเลยไปนานๆ การสะสมของความเสียหายจะนำไปสู่การสึกหรอของชิ้นส่วนสำคัญอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์พังและมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงลิ่ว

แล้วทำไมต้อง "10,000 กิโลเมตร" หรือ "6 เดือน"?

ตัวเลขนี้คือค่าเฉลี่ยที่ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่แนะนำสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานปกติในปัจจุบัน ด้วยคุณภาพของ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic Oil) ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถคงสภาพการปกป้องเครื่องยนต์ได้นานขึ้นกว่าน้ำมันเครื่องแบบธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้อาจยืดหยุ่นได้บ้างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของคุณ เช่น

  • หากคุณใช้รถในเมืองที่รถติดบ่อย: เครื่องยนต์จะทำงานหนักกว่าปกติในขณะที่รถไม่ได้เคลื่อนที่ จึงอาจพิจารณาเปลี่ยนถ่ายให้เร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย
  • หากคุณไม่ค่อยได้ใช้รถ: แม้จะยังไม่ถึง 10,000 กิโลเมตร แต่น้ำมันเครื่องก็มีอายุของมัน จึงควรเปลี่ยนถ่ายอย่างน้อยทุก 6 เดือนถึง 1 ปี

ด้วยเหตุผลทั้งหมดเราสรุปได้ว่า การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดเวลาจึงไม่ใช่แค่การทำตามคำแนะนำ แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อรักษา "หัวใจ" ของรถยนต์คุณให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์และอยู่กับคุณไปนานๆ อีกสิ่งที่ต้องรู้คือเกรดน้ำมันเครื่องจะต้องตรงกับที่ระบุไว้ในคู่มือเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล