เปิดสเปก BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid ซีดาน Plug-in Hybrid จ่อเปิดราคา 8 ส.ค. นี้

ใครกำลังมองรถเก๋งอยู่ต้องจับตาให้ดีเมื่อ BYD Rever Automotive เตรียมที่จะเปิดตัว BYD Seal 5 DM-i" อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่าจะเป็นเก๋ง C-Segment แต่คาดว่าจะทำราคาในระดับ B-Segment เท่านั้น แต่อาจจะมีราคาถูกกว่าคู่แข่ง
รู้จัก BYD Seal 5 DM-i
BYD Seal 5 DM-i คือรถยนต์ซีดานที่มาพร้อมเทคโนโลยี "Super Hybrid" หรือ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่โดดเด่น ทำให้คุณสามารถใช้งานในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับชีวิตประจำวัน และเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวลด้วยเครื่องยนต์เบนซิน พร้อมชนคู่แข่งในตลาดอย่าง Toyota Yaris ATIV และ Honda City e:HEV แบบเต็มตัว

มิติตัวถังใหญ่กว่า แต่ราคาเท่ากัน?
จุดขายสำคัญที่ทำให้ Seal 5 DM-i น่าจับตามองคือขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันอย่างชัดเจน
| รุ่นรถ | ยาว (มม.) | กว้าง (มม.) | สูง (มม.) | ฐานล้อ (มม.) |
| BYD Seal 5 DM-i | 4,780 | 1,837 | 1,495 | 2,718 |
| Toyota Corolla Altis | 4,630 | 1,780 | 1,435 | 2,700 |
| Honda Civic | 4,678 | 1,802 | 1,415 | 2,733 |
| Toyota Yaris ATIV | 4,425 | 1,740 | 1,480 | 2,620 |
| Honda City Sedan | 4,553 | 1,748 | 1,467 | 2,589 |
เท่ากับมิติตัวรถของ Seal 5 DM-i มีขนาดใหญ่เทียบเท่ารถ C-Segment อย่าง Altis และ Civic แต่กลับถูกวางตำแหน่งราคาให้มาท้าชนกับรถ B-Segment อย่าง Yaris ATIV และ City โดยตรง มอบความกว้างขวางและโอ่อ่าที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ขุมพลัง DM-i: แรง ประหยัด และวิ่งไฟฟ้าได้ไกล
ขุมพลังของ BYD Seal 5 ถูกเรียกว่าเทคโนโลยี DM-i (Dual Motor-Intelligent) ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Atkinson Cycle (98 แรงม้า) เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง ให้ พละกำลังรวมสูงสุดถึง 218 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อยตามขนาดแบตเตอรี่
- รุ่น Standard จะได้ แบตเตอรี่ Blade Battery ขนาด 13.08 kWh สามารถ วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 80 กม. (NEDC)
- รุ่น Premium จะได้ แบตเตอรี่ Blade Battery ขนาด 18.3 kWh สามารถ วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 120 กม. (NEDC) เคลมว่าทำ 0 - 100 ได้ในเวลา 7.5 วินาที และสามารถวิ่งรวมกับน้ำมันได้ 1,000 กม.
ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จไฟ AC สูงสุด 6.6 kW และเติมน้ำมันได้ถึง E20

ตัวเลือกและออฟชั่น
BYD จัดเต็มกับออปชันที่ให้มาเกินราคาคาดการณ์ โดยมีไฮไลต์ที่น่าสนใจดังนี้
รุ่น Standard
-
ไฟหน้า-ไฟท้าย Full LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว
-
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
-
หน้าจอคนขับ Full Digital 8.8 นิ้ว
-
หน้าจอกลาง Touchscreen 10.1 นิ้ว (รองรับ Apple CarPlay/Android Auto ไร้สาย)
-
กุญแจ Digital Key (NFC Card)
-
ระบบความปลอดภัยครบครัน: Adaptive Cruise Control Stop & Go, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LDP) และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
รุ่น Premium
-
(สิ่งที่ได้เพิ่มจากรุ่น Standard)
-
ระยะทางวิ่งไฟฟ้าเพิ่มเป็น 120 กม.
-
ฟังก์ชัน V2L สำหรับกิจกรรม Outdoor
-
เบาะหนังสังเคราะห์ (คนขับและผู้โดยสารหน้าปรับไฟฟ้า)
-
หน้าจอกลางขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 12.8 นิ้ว
-
ลำโพง 8 ตำแหน่ง และ Wireless Charger
-
ระบบความปลอดภัยขั้นสุด: กล้องรอบคัน 360 องศา, ระบบเตือนมุมอับสายตา (BSD), ระบบเตือนขณะถอยรถ (RCTA)

มั่นใจด้วย Rever Care
BYD Rever Automotive มอบความอุ่นใจด้วยแพ็คเกจการรับประกัน Rever Care ที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น
-
รับประกันตัวรถ (Warranty): 6 ปี หรือ 150,000 กม.
-
รับประกันแบตเตอรี่: 8 ปี หรือ 160,000 กม.
-
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
ใครที่กำลัง BYD Seal 5 DM-i ต้องจับตาว่าจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กในไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์ขนาดใหญ่กว่า ออปชันครบครันกว่า และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่า ในราคาที่คาดว่าจะเข้าถึงง่ายจนน่าตกใจ ต้องรอติดตามกันในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ว่า BYD Rever จะเปิดราคามา "สุดคุ้มค่า" ตามที่ประกาศไว้ได้จริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือศึก B-Segment และ C-Segment ในไทยจะดุเดือดขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน!
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี




