ขับรถทางไกลทำไมถึงชอบง่วง และ 5 วิธีแก้ง่วงได้ผลอยู่หมัด

เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย ขับรถทางไกลเป็นระยะเวลานานๆ ถึงชอบง่วงนักง่วงหนา แต่เมื่อสลับมาเป็นคนนั่งกลับตาสว่างเสียอย่างนั้น บทความนี้ Sanook Auto มีคำตอบมาฝากกัน

ทำไมขับรถทางไกลแล้วรู้สึกง่วงกว่าปกติ?

นอกจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอแล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิดอาการง่วงขณะขับรถได้ โดยหนึ่งในสาเหตุที่มีการพูดถึงบ่อยครั้งในช่วงระยะหลัง เป็นเพราะรถมีอาการสั่นสะเทือนเล็กน้อยอย่างต่อเนื่องขณะรถกำลังเคลื่อนต่อ ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องรักษาสมดุลของสรีระอยู่ตลอดเวลา จนเกิดอาการเพลียและง่วงโดยไม่รู้ตัว

อีกสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ การขับรถที่ต้องเผชิญแสงจ้าตลอดเวลา ทำให้ดวงตารู้สึกเหนื่อยล้า เพลียแดด ส่งผลให้คนขับเกิดอาการง่วงได้เช่นกัน ยิ่งเป็นถนนทางตรงต่อเนื่องระยะไกลๆ ด้วยแล้วล่ะก็ จะยิ่งทำให้รู้สึกเพลียได้ง่ายขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ การรับประทานอาการอิ่มจนเกินไปก่อนขับรถ โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล จะไปกระตุ้นสมองให้ใช้พลังงานในการย่อยอาการมากขึ้น ร่างกายก็จะลดการใช้พลังงานในส่วนอื่นๆ จึงทำให้รู้สึกไม่มีแรง เฉื่อยชา เซื่องซึม จนนำไปสู่อาหารหลับในได้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการง่วงนอนขณะขับรถอยู่บ่อยๆ แล้วล่ะก็ เรามี 5 วิธีที่จะช่วยป้องกันอาการง่วงได้ ดังนี้

1. ดื่มน้ำเปล่าเป็นระยะ - การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยกระตุ้นเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย จะยังช่วยป้องกันอาการขาดน้ำได้อีกด้วย
2. กินลูกอม เคี้ยวหมากฝรั่ง - ลูกอมหรือหมากฝรั่งรสมินต์ จะช่วยให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการทานลูกอมที่มีน้ำตาล หรือขนมที่มีรสหวานมากจนเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกง่วงยิ่งกว่าเดิม
3. รับอากาศจากภายนอก - การเปิดกระจกหน้าต่าง หรือกดปุ่มเพื่อรับอากาศจากภายนอกเข้ามา จะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนภายในห้องโดยสาร ทำให้ร่างกายรู้สึกกลับมาสดชื่น
4. พูดคุยสนทนากับคนอื่น - การพูดคุยกับคนในรถจะช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา ลดอาการง่วงซึม แถมยังช่วยไม่ให้รู้สึกเบื่ออีกด้วย
5. แวะงีบอย่างปลอดภัย - หากรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหว ควรแวะหาที่ปลอดภัยเพื่อยืดเส้นยืดสาย หรือจะแวะงีบสัก 15-20 นาที โดยแง้มกระจกลงบางส่วน พร้อมกับตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือไว้ จะช่วยให้ร่างกายกลับมารู้สึกสดชื่นพร้อมเดินทางต่ออีกครั้ง

การหลับในเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุที่พบได้บ่อย จึงควรปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้นเพื่อลดความเสี่ยงต่อการหลับในขณะขับรถครับ