New Lexus LS 600h เด่นทั้งสมรรถนะ และ ประหยัด
เลกซัสเผยโฉม LS 600h ซีดานไฮบริดใหม่ล่าสุด ออกมาพร้อมรุ่นฐานล้อยาว ได้รับการปรับโฉมพัฒนาความหรูและสละสลวย เส้นสายดีไซน์นุ่มนวลกว่ารุ่นเบนซิน อุปกรณ์ใหม่ทันสมัย เพิ่มโหมด ECO ขับประหยัด เบรกพลังดีขึ้น และชุดแบตเตอรี่ใหม่เล็กกระชับ เลกซัส แบรนด์รถพรีเมียมในเครือโตโยต้า ได้ปรับโฉมเวอร์ชั่นไฮบริดของซีดานหรู Lexus LS ใช้รหัสปี 2010 นำมาเปิดตัวเวทีโลกอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ที่แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ที่ผ่านมา
ดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่น คือรุ่นฐานล้อมาตรฐาน LS 600h และรุ่นฐานล้อยาว LS 600h L มีจุดเด่นชัดเจนที่แตกต่างจากรุ่น ในส่วนของกระจังหน้า 4 ช่อง กันชนหน้าใหม่ เปลี่ยนทรงช่องดักลมและไฟตัดหมอก คิ้วตัวถังเป็นชิ้นเดียว กระจกข้างใหม่แต่งโครเมียม พร้อมไฟเลี้ยวคู่ LED ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ และไฟกลางวันใหม่ เลกซัสเพิ่มสีตัวถังภายนอกให้เลือก ได้แก่ Mesa Red, Vanilla Mist, Richmond Green, Atlantic Blue รวมทั้งสีพิเศษสำหรับเวอร์ชั่นไฮบริด Crystal Sapphire สีตัวถังใหม่ป้องกันรอยขีดข่วน ดูแลสีรถให้สดใสใหม่อยู่เสมอ
ภายในห้องโดยสารออกแบบและปรับปรุงใหม่ตั้งแต่แผงหน้าปัดเป็นจอ LCD สีใหม่ ช่องแอร์ด้านบนแยกออกจากแผงอุปกรณ์บนคอนโซลกลาง ระบบนำทางสัญญาณดาวเทียมใหม่ของเลกซัส จอทัชสกรีน EMV มีสวิตช์ขนาดใหญ่ ปุ่มวิทยุจัดรูปแบบใหม่และแต่งโครเมียม เบาะหน้าเพิ่มระบบปรับเลื่อนแบบใหม่ และนำเสนอจำนวนเบาะ 5 ที่นั่ง มีเป็นครั้งแรก เป็นออพชั่นเบาะหลังแบบ Rear Seat Relaxation Pack นอกจากนั้นเบาะคู่หน้าติดตั้งพนักพิงศีรษะใหม่ จะปรับตำแหน่งที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการกระแทกจากการชนด้านท้าย เบาะนั่งสามารถพับแยกได้ 40:20:40 พร้อมกลไกปรับเอนพนักพิงส่วนบน มีระบบนวดเพื่อคลายอาการเมื่อยล้า ทุกระบบควบคุมได้จากรีโมตคอนโทรล
ซีดานไฮบริดให้ความสุนทรีย์แก่ผู้โดยสารด้วยระบบเครื่องเสียงพรีเมียมของ Mark Levinson พร้อมลำโพง 19 ตัว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เล่นได้ทั้งซีดี ดีวีดี และรับวิทยุดิจิตอล (DAB) ได้ มีพอร์ต USB และช่องพ่วงต่ออุปกรณ์เสริม สามารถสั่งการด้วยบลูทูธ ในด้านความเปลี่ยนแปลงของระบบไฮบริด เลกซัสได้เพิ่มโหมด ECO สามารถที่จะปรับลิ้นบังคับน้ำมันของเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศตามความ เหมาะสมเพื่อช่วยให้ขับประหยัดมากขึ้น รวมทั้งออกแบบชุดแบตเตอรี่ใหม่ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ท้ายรถ
ระบบขับเคลื่อน Hybrid Drive ของเลกซัส ได้รับการปรับปรุงด้านปริมาณไอเสีย สามารถผ่านมาตรฐาน Euro 5 โดยไม่ลดทอนสมรรถนะของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน V8 5.0 ลิตร และมอเตอร์ขนาด 165 กิโลวัต์ กำลังรวมกัน 439 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที ปริมาณไอเสีย 219 ก./กม. และส่วนสำคัญคืออัตราบริโภคเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.86 กม./ล.
สุดท้ายเป็นการพัฒนาศักยภาพของเบรก ใช้เบรกขนาดใหญ่ขึ้น ดิสก์เบรกหน้าขนาด 380 มม. มีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิเปอร์ 6 สูบ จานเบรก และผ้าเบรกที่เลกซัสพัฒนาร่วมกับ Brembo