รีวิว All-new Mazda BT-50 2021 ใหม่ โดดเด่นที่ดีไซน์ สมรรถนะไม่เป็นรองใคร

รีวิว All-new Mazda BT-50 2021 ใหม่ โดดเด่นที่ดีไซน์ สมรรถนะไม่เป็นรองใคร

รีวิว All-new Mazda BT-50 2021 ใหม่ โดดเด่นที่ดีไซน์ สมรรถนะไม่เป็นรองใคร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     All-new Mazda BT-50 2021 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทยเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งชูจุดขาย "ปิกอัพที่สง่างามที่สุดในโลก" แต่นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกตามฉบับ "KODO Design" อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าแล้วนั้น รถคันนี้ยังมีจุดเด่นอะไรอีกบ้าง Sanook Auto ขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปพิสูจน์กันครับ

     เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า All-new Mazda BT-50 2021 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับกระบะยอดนิยมขวัญใจชาวไทยอย่าง Isuzu D-Max โฉมปัจจุบัน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะที่ผ่านมามาสด้าก็เคยจับมือกับฟอร์ดในการพัฒนา บีที-50 โฉมก่อนหน้ามาแล้ว (หรือแม้กระทั่งรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Toyota Supra รุ่นปัจจุบัน ก็ใช้พื้นฐานมาจาก BMW Z4 แทบทั้งสิ้น)

mazdabt5066

     ซึ่งการนำพื้นฐานของรถรุ่นอื่นมาพัฒนาต่อให้กลายเป็นของตัวเองนั้น นอกจากจะช่วยให้สามารถควบคุมต้นทุนและระยะเวลาด้านการวิจัยและพัฒนาได้เป็นอย่างดี ยังเป็นการนำเอาจุดเด่นของรถรุ่นนั้นๆ มาใส่ไว้ในรถของตัวเองอีกด้วย ก็ในเมื่อชื่อชั้นของอีซูซุที่มีจุดขายด้านความทนทานมาโดยตลอด แถมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ลูกค้ารถกระบะมองหา จึงกลายมาเป็นที่มาว่าทำไมจู่ๆ มาสด้าถึงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับค่ายกระบะยักษ์ใหญ่ (ของไทย) ในครั้งนี้

     ถึงกระนั้น มาสด้าก็ได้มีการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของ BT-50 เสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบของมาสด้ารุ่นอื่นๆ โดยยังคงอาศัยแนวคิดการออกแบบ "KODO Design" ที่เน้นเส้นสายโค้งมนและโฉบเฉี่ยวตลอดทั้งคัน แต่ยังคงแฝงไปด้วยความบึกบึนในรูปแบบของมาสด้าเอง ส่งผลให้ BT-50 ดูมีรูปลักษณ์ค่อนไปทางเอสยูวึตระกูล CX ของค่ายอย่างเห็นได้ชัด

mazdabt5061

     Mazda BT-50 2021 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 ตัวถัง ประกอบด้วย Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab แบ่งออกเป็นทั้งหมด 14 รุ่นย่อย พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร โดยเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร จะถูกวางอยู่ในรุ่น Double Cab ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ส่วนรุ่นอื่นๆ จะเป็นเครื่องยนต์​ 1.9 ลิตรทั้งหมด

     แต่รถที่เราได้มีโอกาสทดสอบขับเป็นรุ่น Freestyle Cab 1.9 C Hi-Racer เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นท็อปที่มีอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน แต่ก็เชื่อว่าน่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้าไม่น้อย เนื่องจากเป็นรุ่นเริ่มต้นของตัวยกสูงที่มีราคาจำหน่ายเพียง 7 แสนบาทต้นๆ เท่านั้น

 

ภายนอก

     ดีไซน์ภายนอกของ Mazda BT-50 ใหม่ เน้นเส้นสายที่ดูหรูหราสง่างาม ติดตั้งกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Signature Wing ล้อมกรอบด้วยโครเมียม ออกแบบรับกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED (ซึ่งมีให้ตั้งแต่รุ่น Standard Cab) พร้อมสวิตช์ปรับระดับสูง-ต่ำจากภายในรถ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบฮาโลเจน, ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, ที่ปัดน้ำฝนแบบปรับตั้งหน่วงเวลาได้ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/65 R17

mazdabt5060

     หากเป็นรุ่น 1.9 S ขึ้นไป ก็จะมีอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม เช่น ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Signature, กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า, กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีเงิน และที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติมาให้ด้วย

 

ภายใน

     ภายในห้องโดยสารของรุ่น 1.9 C Hi-Racer ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุผ้าลายสปอร์ต สามารถปรับได้ 4 ทิศทางทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสาร (ฝั่งผู้ขับขี่ไม่สามารถปรับขึ้น-ลงได้), พวงมาลัยและหัวเกียร์ทำจากวัสดุยูรีเทน, แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยหนังสีดำ, ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางแบบมีฝาปิด, กระจกไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบขึ้น-ลงอัตโนมัติด้านคนขับ, กุญแจรีโมท (ไม่มีระบบ Keyless Entry), จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 3.5 นิ้ว และระบบปรับอากาศธรรมดา (แบบปุ่มหมุน) เป็นต้น

mazdabt5055

     ขณะที่เครื่องเสียงเป็นแบบ 2DIN หน้าตาเรียบง่าย รองรับ CD/DVD ได้ 1 แผ่น แต่ก็มีระบบ Bluetooth พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB/AUX มาให้ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 6 ตำแหน่ง

mazdabt5049

     แต่หากเป็นรุ่น 1.9 S ขึ้นไปจะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ส่วนรุ่น 1.9 SP ขึ้นไป จะถูกขยายขนาดหน้าจอขึ้นเป็น 9 นิ้ว โดยทั้ง 2 ขนาดสามารถรองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ได้ โดยที่รุ่น SP จะเพิ่มเติมด้วยลำโพงให้อีก 2 ตำแหน่ง รวมเป็นทั้งหมด 8 ตำแหน่ง

 

ระบบความปลอดภัย

     ระบบความปลอดภัยของ BT-50 รุ่น 1.9 C Hi-Racer ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS, ไฟเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง และระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System) เป็นต้น

mazdabt5052

     แต่หากต้องการระบบควบคุมเสถียรภาพ Dynamic Stability Control (DSC) จะต้องขยับไปเล่นรุ่น 1.9 C Hi-Racer 6AT ขึ้นไป (หรือรุ่น 1.9 S ขึ้นไปในตัวถัง Double Cab) โดยจะพ่วงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC มาให้ด้วย

     ส่วนเป็นระบบความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Advanced Blind Spot Monitoring และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert จะอยู่ในรุ่น Double Cab ตั้งแต่ 1.9 S Hi-Racer ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนรุ่น Freestyle Cab ไม่มีมาให้แม้แต่รุ่นย่อยเดียว

 

เครื่องยนต์

     ขุมพลังของ All-new Mazda BT-50 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ ดีเซล 1.9 ลิตร และดีเซล 3.0 ลิตร เริ่มต้นที่เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจ็คชั่น ความจุ 1.9 ลิตร VGS Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกเฉพาะระบบขับเคลื่อนล้อหลัง รองรับเชื้อเพลิงสูงสุด B20 ได้ และเคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 14.9 - 16.1 กม./ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

mazdabt5050

     ขณะที่รุ่นดีเซล 3.0 ลิตร VGS Turbo มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที เลือกได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แต่มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น สามารถเติมเชื้อเพลิง B20 ได้เช่นกัน พร้อมทั้งเคลมอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14.1 กม./ลิตร เท่ากันทั้งรุ่นเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา

 

การขับขี่

     อันที่จริงเราเคยทดสอบ All-new Mazda BT-50 ไปครั้งหนึ่งแล้วบนสนามทดสอบแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี แต่ด้วยความโค้งฉวัดเฉวียนของสนามดังกล่าว ทำให้เรารู้สึกแอบผิดหวังกับช่วงล่างที่นุ่มย้วยผิดจากที่คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มีโอกาสนำออกมาขับบนถนนจริงก็พบว่า ช่วงล่างที่เราเคยคิดว่านุ่มเกินไปนั้น กลับเหมาะสมกับสภาพถนนของเมืองไทยเป็นอย่างดี

mazdabt5057

     เพราะผู้ใช้รถกระบะจำนวนไม่น้อยที่ต้องการความสมบุกสมบันในการใช้งานเป็นหลัก หากช่วงล่างถูกเซ็ตมาแข็งกว่านี้ ก็จะส่งผลให้มีแรงสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสารตลอดระยะเวลาขับขี่ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนจะต้องไม่ปลื้มแน่ๆ ยิ่งเวลาขับผ่านพื้นผิวที่ถูกซ่อมจนโป่งนูนขึ้นมา ยิ่งเห็นได้ชัดว่าช่วงล่างของ BT-50 ให้ความนุ่มนวลอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

mazdabt5029

     สมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ในช่วงจังหวะออกตัวพอสัมผัสได้ถึงอาการรอรอบอยู่บ้าง (ซึ่งเป็นอาการเดียวกับที่เคยพบใน Isuzu D-Max 1.9 ลิตรเปี๊ยบ) แต่เมื่อรถพ้นจากจุดหยุดนิ่งออกไปแล้ว ก็ตอบสนองได้ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ดีเซลระดับ 2.2 - 2.5 ลิตร ซึ่งโดยรวมแล้วเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร อยู่ในระดับเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป แรงพอที่จะขับทั่วไทยได้แบบสบายๆ แต่หากต้องการอัตราเร่งจี๊ดจ๊าดจริงๆ คงต้องขยับไปเล่นตัว 3.0 ลิตรเลยจะดีกว่า (แต่ราคาก็กระโดดไปพอสมควรเช่นกัน และมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่อาจไม่จำเป็นนักสำหรับใครหลายคน)

     จังหวะการเข้าเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้ความต่อเนื่องของอัตราทดได้ดี แม้ว่าระยะโยกคันเกียร์จะไม่ได้ชิดเหมือนกับที่หลายคนคาดหวังจากเกียร์ธรรมดาของมาสด้า แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของเกียร์รถกระบะทั่วไป ไม่ได้ต่างไปจากคู่แข่งใดๆ นัก

mazdabt5064

สรุป

     All-new Mazda BT50 2021 ใหม่ ฝาแฝด อีซูซู ดีแม็กซ์ ที่มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อจับกลุ่มลูกค้าของมาสด้าที่ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ ด้านสมรรถนะ (โดยเฉพาะช่วงล่าง) แม้ว่าจะไม่ได้จัดจ้านอย่างที่คาดหวังไว้กับแบรนด์มาสด้า แต่ก็ดีพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป จะขึ้นเหนือล่องใต้ก็ไม่หวั่น พละกำลังเครื่องยนต์ช่วงตีนต้นอาจไม่ทันใจนัก แต่ช่วงกลางจนถึงปลายก็มีให้เค้นได้อย่างไม่น่าเกลียด เอาเป็นว่าหากใครชื่นชอบในแบรนด์มาสด้าอยู่แล้ว แต่ต้องการมองหารถกระบะสักคันไว้ใช้งาน ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกรุ่นครับ

     ราคาจำหน่าย Mazda BT-50 Freestyle Cab 1.9 C Hi-Racer ที่ใช้ในการทดสอบคันนี้อยู่ที่ 714,000 บาท

 

อัลบั้มภาพ 35 ภาพ

อัลบั้มภาพ 35 ภาพ ของ รีวิว All-new Mazda BT-50 2021 ใหม่ โดดเด่นที่ดีไซน์ สมรรถนะไม่เป็นรองใคร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook