เทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ และการเลือกใช้น้ำมันเครื่อง (ตอนที่ 1)
จักรยานยนต์ ? คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักนวัตกรรมยานยนต์ชนิดนี้ เพราะนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความเร็วที่เร้าใจแล้ว ความคล่องตัวในการใช้งาน และราคาที่สามารถซื้อหาได้ง่าย ทำให้จักรยานยนต์ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งในปัจจุบันนี้ คาดว่าน่าจะมีรถจักรยานยนต์ที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 20 ล้านคัน โดยผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีของจักรยานยนต์ให้ดีขึ้น เหมาะกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป และให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือการพัฒนาระบบหัวฉีดมาใช้ก็ตาม แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า หัวใจสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น อยู่ที่ “น้ำมันเครื่อง” ดังนั้น การเลือกใช้น้ำมันเครื่อง ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
เทคโนโลยีของจักรยานยนต์ และการเลือกใช้น้ำมันเครื่อง
รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ : ได้รับความนิยมอย่างมากในอดีต ทั้งนี้เนื่องจากรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ มีขนาดเล็กกว่า รอบจัดกว่า ทำให้ตอบสนองต่ออัตราเร่งที่ดีกว่า อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนที่น้อยกว่า ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาน้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะนั้น ต้องหมั่นเติมน้ำมันเครื่องเข้าถังน้ำมันเบนซิน หรือเช็คระดับของน้ำมันเครื่อง (ออโต้ลูป) อยู่เสมอ ทำให้เกิดความยุ่งยากในการใช้งาน อีกทั้งน้ำมันเครื่องจะต้องเผาไหม้พร้อม ๆ กับเชื้อเพลิง ซึ่งหากส่วนที่เป็นน้ำมันเครื่องเผาไหม้ไม่หมด จะเกิดเป็นละอองไอน้ำมัน เมื่อกระทบกับอากาศจึงเกิดเป็นควันขาวขึ้น ทำให้เกิดเป็นมลพิษทางอากาศ
ดังนั้น จึงเกิดการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและผู้ผลิตภาคเอกชน ในการกำหนดมาตรการควบคุมมลพิษขึ้น ทำให้ผู้ผลิตต้องหันมาพัฒนารถจักรยานยนต์ 4 จังหวะแทน เนื่องจากระบบเชื้อเพลิงไม่ต้องใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม จึงไม่เกิดควันขาว มลพิษก็ลดลง ได้ตามที่มาตรฐานกำหนด ไม่เพียงแค่ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เท่านั้นที่ต้องปรับเปลี่ยน แต่ผู้ผลิตน้ำมันเครื่องก็ต้องมีการพัฒนาเช่นกัน โดยน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะนั้น ต้องเป็นน้ำมันเครื่องที่ช่วยลดควันขาว (Low Smoke Lubricating Oil) เพื่อช่วยให้รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะที่วิ่งอยู่บนท้องถนน ปล่อยมลพิษลดลง สอดคล้องกับมาตรการของภาครัฐที่กำหนดไว้
ในปัจจุบันนี้ จึงไม่มีการผลิตรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะในประเทศไทยแล้ว
รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ : สืบเนื่องมาจากข้อกำหนดทางด้านมลพิษ ทำให้รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ารถจักรยานยนต์ 4 จังหวะจะมีชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นวาล์ว หรือกลไกต่าง ๆ ทำให้ขนาดเครื่องใหญ่ขึ้น น้ำหนักมากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูงขึ้น แต่มีข้อดี คือ ใช้งานสะดวกกว่า ไม่ต้องมาคอยเติมน้ำมันเครื่อง อีกทั้งน้ำมันเครื่องไม่ต้องเข้าไปเผาไหม้แล้ว ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้ดีขึ้น ไม่มีควันขาว มลพิษต่ำ รวมถึงให้กำลังที่สม่ำเสมอ แม้ที่รอบต่ำ แม้ว่ารถจักรยานยนต์ 4 จังหวะจะนำเทคโนโลยีในรถยนต์มาใช้ แต่อย่างไรก็ตาม ระบบหล่อลื่นของรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะก็ยังแตกต่างจากรถยนต์ทั่ว ๆ ไป อันเนื่องมาจากเนื้อที่ที่จำกัด ทำให้มีการรวมชุดเกียร์ และชุดคลัตช์ให้ใช้อ่างน้ำมันเดียวกัน นั่นคือ น้ำมันหล่อลื่นของรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ จะต้องหล่อลื่นทั้งเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และชุดคลัตช์ โดยจะแช่อยู่ในอ่างน้ำมันเดียวกัน หรือที่เรียกกันว่าจักรยานยนต์แบบ “คลัตช์เปียก” นั่นเองดังนั้น น้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะแบบคลัตช์เปียกนี้ นอกจากจะต้องสามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็ต้องเป็นน้ำมันเครื่องที่ผ่านการทดสอบการป้องกันคลัตช์ลื่น (Clutch Slip) หรือน้ำมันที่ได้รับมาตรฐาน JASO MA เพื่อช่วยให้แผ่นคลัตช์ที่แช่อยู่ในอ่างน้ำมันเครื่อง สามารถยึดจับกันได้อย่างดี ไม่ลื่นสะดุด ส่งผลให้อัตราเร่งดี ปกป้องแผ่นคลัตช์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องสามารถปกป้องชุดเกียร์ ที่มีแรงกดแรงกระแทกสูงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะอีกประเภทที่มีลักษณะคล้ายกับรถยนต์ นั่นคือ แยกชุดเกียร์ และชุดคลัตช์ออกจากอ่างน้ำมันเครื่อง หรือที่เราเรียกกันว่าจักรยานยนต์แบบ “คลัตช์แห้ง” ซึ่งการทำงานจะมีเสียงดังกว่า และสึกหรอเร็วกว่า แต่มีข้อดีคือ ประสิทธิภาพในการจับตัวของแผ่นคลัตช์ดีกว่า ส่งผลให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีกว่า ดังนั้น จักรยานยนต์ประเภทนี้ จึงไม่นิยมใช้งานทั่วไป จะพบแต่ในสนามแข่งเท่านั้น
CHALLENGER เทคโนโลยีแห่งชัยชนะ
แม้ว่าตลาดน้ำมันเครื่องจักรยานยนต์ จะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการที่มีแบรนด์รายเล็กรายน้อยอยู่ในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการแข่งขันทางด้านราคาสูง แต่ ปตท. ก็ยังไม่หยุดยั้งในการพัฒนาน้ำมันเครื่องเพื่อรถจักรยานยนต์ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงของ ปตท. มีชื่อว่า “CHALLENGER”
CHALLENGER 2T เป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ สำหรับรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ มาตรฐาน ISO EGD และ JASO FD ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมผสมสาร Super – Detergent ชนิดพิเศษ ทำให้เครื่องยนต์สะอาด เหมือนใหม่ตลอดเวลา พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการลดควันขาว CHALLENGER 4T เป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ สำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ ความหนืด SAE 10W-40 มาตรฐาน API SG และ JASO MA ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และชุดคลัตช์ได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงผ่านการทดสอบการลื่นไหลของคลัตช์ (Clutch Slip Test) จากประเทศญี่ปุ่น ช่วยให้การเข้าเกียร์ เร่งเครื่องเป็นไปอย่างนิ่มนวล ไม่สะดุด
อย่าลืมนะครับ ดีที่สุดเพื่อรถจักรยานยนต์ ต้อง CHALLENGER เท่านั้น ฉบับหน้ามาพบกับเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์กันต่อนะครับ