คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ลุยจากอิหร่านถึงตุรกี...งานนี้บอกเลยว่าไม่ง่าย!

คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ลุยจากอิหร่านถึงตุรกี...งานนี้บอกเลยว่าไม่ง่าย!

คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ลุยจากอิหร่านถึงตุรกี...งานนี้บอกเลยว่าไม่ง่าย!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

          นับจากจุดออกสตาร์ทที่กรุงเทพฯ ถึงตอนนี้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เดินทางมาเกิน 12,000 กิโลเมตรแล้ว 

          และในวันที่ 27 ของทริปซึ่งเป็นวันแรกในการเดินทางสำหรับคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 4 เมื่อสิ้นสุดวันจะมีระยะทางบวกเพิ่มไปอีก 623 กิโลเมตร โดยปลายทางของวันนี้อยู่ที่เมืองทาบริซ เมืองสุดท้ายในอิหร่าน

          จากเมืองเตหะรานที่ถนนหนทางและอาคารแวดล้อมมีความเป็นเมืองหลวง เมื่อออกจากเขตเมืองก็เข้าสู่ที่ราบกึ่งทะเลทรายอีกครั้ง สลับกับแปลงข้าวสาลีสีทองและหุบเขา เส้นทางนี้มีด่านตรวจความเร็วเป็นระยะ ทีมคาราวานก็เลยถือโอกาสนี้ใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control กันอีก เลยเป็นช่วงที่เดินทางสบาย เพราะไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งตลอดทาง

          ทิวทัศน์สองข้างทางเปลี่ยนไปอีกรอบเมื่อเข้าเมืองทาบริซ เมืองใหญ่อันดับสี่ของอิหร่าน ความอุดมสมบูรณ์ของเมืองนี้ทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดิน สำหรับคนอิหร่านแล้ว ที่นี่เป็นทั้งเมืองพักร้อน เป็นศูนย์กลางการค้า การคมนาคม และอุตสาหกรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือมัสยิดบลูมอสก์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1465 และจัตุรัสกลางเมืองซึ่งในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟสวยงามและมีน้ำพุที่ล้อไปกับแสงไฟ เป็นการปิดท้ายคืนสุดท้ายในอิหร่านที่สวยงาม

          วันที่ 28 แล้ว! วันนี้ทีมคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เตรียมเดินทางสู่ประเทศต่อไป นั่นคือตุรกี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองทาบริซ 290 กิโลเมตร ภูมิประเทศของถนนก่อนข้ามเขตแดนช่วงนี้ยังเอกลักษณ์ของอิหร่านเพราะมีภูเขาดินทรายตลอดทาง ที่เพิ่มเติมคือต้นไม้ปกคลุมเขาบ้างเล็กน้อย



          ขบวนคาราวานทั้ง 9 คันมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของตุรกี ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า เลยทำให้ใช้เวลาในขั้นตอนนี้น้อยกว่าที่ผ่านๆ มา หลังผ่านด่าน ทีมคาราวานมุ่งหน้าไปยังเมืองโดคูเบยาซิต เดิมทีเมืองนี้เคยถูกทำลายเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกู้เอกราชตุรกี ก่อนจะมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1930

          หลังผ่านเมืองโดคูเบยาชิตมา ทีมคาราวานก็ได้ตื่นเต้นกันอีกครั้งเพราะได้เห็นภูเขาอารารัตที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี อารารัตเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในตุรกี หน้าตารูปทรงคล้าย ๆ ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ชาวเปอร์เซียจะเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “โคอินูห์” นอกจากนั้น ทีมคาราวานแวะขึ้นเขาเพื่อไปชม " เรือโนอาห์ " (Noah’s Ark) เส้นทางจะเป็นการขับรถไต่ขึ้นเขาที่ค่อนข้างชันไปจนถึงจุดชมวิว บริเวณนี้มีร่องรอยที่ชาวมุสลิมเชื่อกันว่าเป็นร่องรอยของเรือโนอาห์ในตำนาน

          เมื่อขาขึ้นชัน ขาลงเขาก็ต้องชันไม่แพ้กัน แต่โชคดีที่ไฮลักซ์ รีโว่ มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือ Downhill Assist Control (DAC) มาช่วยให้การลงทางโค้งชันปลอดภัยโดยไม่ต้องเหยียบเบรก และทำให้วันที่ 28 ของการเดินทางผ่านไปอย่างปลอดภัยเหมือนเช่นที่ผ่านมาทุกๆ วัน

          มาถึงวันที่ 29 ทีมคาราวานออกเดินทางโดยมีปลายทางอยู่ที่เมืองมาร์ดิน ซึ่งห่างออกไปราว 700 กิโลเมตร ธรรมชาติสองข้างทางของถนนช่วงนี้จัดว่าสวยเพราะเป็นที่ราบสลับกับหุบเขา ถ้าจะถามว่าขับยากตรงไหนก็คงเป็นเรื่องของทางโค้งที่มีอยู่เป็นระยะ แต่เรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเมื่อเจอกับช่วงล่างของ DCS ที่ทั้งหนึบ ทั้งแกร่ง ของไฮลักซ์ รีโว่

          เนื่องจากระยะทางวันนี้ค่อนข้างไกล พระอาทิตย์ตกดินแล้วก็ยังไม่ถึงเมืองมาร์ดินกัน ความยากจึงมาพร้อมกับความมืด เพราะเส้นทางเริ่มแคบเป็นเลนสวน มีโค้งเขา และพื้นถนนขรุขระตลอดทาง แต่โชคดีที่ช่วงล่าง DCS เกาะถนนได้หนึบทุกจุด ไฟหน้า LED Projector เองก็ช่วยเรื่องความสว่างได้มาก คาราวานไฮลักซ์รีโว่จึงถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและพร้อมสำหรับการเดินทางวันต่อไป

          มาถึงวันที่ 30 ของการเดินทาง วันนี้ยังคงอยู่ในตุรกีกัน แต่จากเมืองมาร์ดินที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันลงมา ทีมคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ จะเดินทางต่อไปยังเมืองอะดิยามัน โดยเส้นทางช่วงแรกเป็นถนนแนวราบสี่เลนสลับกับเขา สภาพถนนที่ทดสอบสมรรถนะของการขับขี่ช่วงนี้ก็คือทางโค้งตามแนวเขา พอเข้าสู่เขตเมืองก็จะเจอกับสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะ ซึ่งเหมาะกับการใช้ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start & Stop System) ระบบนี้จะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วขณะ ช่วยประหยัดน้ำมันและรักษาสิ่งแวดล้อมในคราวเดียวกัน

    

          หลังมื้อเที่ยง ทีมคาราวานได้ทดสอบสมรรถนะของช่วงล่าง DCS แบบเต็มๆ เพราะเส้นทางขึ้น-ลงเขาเนมรุตซึ่งอยู่ในโปรแกรมที่จะแวะชมนั้นเป็นเลนสวน ทางแคบ มีโค้ง และลาดชัน ก็ต้องขอบคุณความหนึบของช่วงล่างไฮลักซ์ รีโว่อีกครั้งที่เอาชนะสภาพถนนมาได้ทั้งขาขึ้นและขาลง แถมขาลงยังมีระบบ DAC ที่คำนวณความลาดชันกับความเร็วในการลงเขาให้ เพิ่มด้วยเกียร์ Sequential Shift ที่ทำให้ทุกคนลงเขาได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

          คืนนี้ทีมคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ พักผ่อนกันค่อนข้างเร็ว เพราะทุกคนตื่นเต้นและอยากเตรียมตัวให้พร้อมกับเป้าหมายต่อไป คือเมืองคัปปะโดเกีย เมืองที่เหมือนเป็น A Must ของการเดินทางมาตุรกี

          เกาะติดกันมาขนาดนี้แล้ว จะพลาดบทต่อไปของการเดินทางได้อย่างไร...มาติดตามเรื่องราวและภาพสวยๆ ของทริปนี้ต่อไปทาง www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip

และทาง www.facebook.com/toyotahiluxthailand 

          อ่านแล้วก็อย่าลืมคลิกแชร์ พร้อมใส่ #hiluxrevocaravantrip ลุ้นรับรางวัลเจ๋งๆ อย่างกล้อง GoPro Hero4!

 

 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook