คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ บุกเอเชียกลาง! พิสูจน์ความแข็งแกร่งทุกเส้นทาง

คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ บุกเอเชียกลาง! พิสูจน์ความแข็งแกร่งทุกเส้นทาง

คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ บุกเอเชียกลาง! พิสูจน์ความแข็งแกร่งทุกเส้นทาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

          หลังจากที่ชีพจรลงเท้าตั้งแต่เริ่มทริป เดินทางจากเมืองนั้นถึงเมืองนี้ตลอด 12 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงเมืองคาชการ์ ในมณฑลซินเจียง วันที่ 13 ของทริปจึงนับเป็นวันแรกที่ขบวนคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ได้หยุดพัก และใช้เวลาไปกับเยี่ยมชมเมืองที่เป็นจุดบรรจบแห่งอารยธรรมโบราณบนเส้นทางสายไหม 

          ในอดีตกว่า 2,000 ปีที่แล้ว นักเดินทางที่เดินทางมาถึงเมืองคาชการ์จะโล่งใจว่าปลอดภัยแล้วเพราะได้ผ่านช่วงที่ยากที่สุดของเส้นทางมาแล้ว นั่นคือช่วงที่เป็นทะเลทรายนั่นเอง 

          คาชการ์เป็นเมืองโอเอซิสที่ตั้งอยู่บนขอบทะเลทรายตากลามากัน ซึ่งเป็นทะเลทรายที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นเมืองที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมเพราะเคยผ่านการยึดครองโดยหลายประเทศมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ รัสเซีย จีน และชาติอาหรับ การพักขับรถ 1 วันเพื่อสำรวจร่องรอยอารยธรรมในเมืองนี้จึงเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย

          คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เริ่มสำรวจเมืองกันที่ตลาดค้าส่งประจำเมืองก่อน ที่นี่มีสินค้าทุกประเภท ส่วนใหญ่ราคาไม่แพง ตั้งแต่เครื่องเทศ เสื้อผ้าพื้นเมือง ของเล่น ไปจนถึงขนม ต่อด้วยการสำรวจเขตเมืองเก่า ซึ่งมี 2 เมืองตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นเมืองเก่าของแท้ เพราะไม่ได้มีการบูรณะใหม่อะไรและยังมีคนอาศัยอยู่จริง ส่วนอีกฝั่งเป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นภายหลัง จนจัดอยู่ในกลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่มที่ดีที่สุดของจีน ซึ่งฝั่งนี้จะมีร้านอาหารและร้านขายของเรียงรายอยู่บนถนนเส้นหลัก 

          สถานที่ต่อไปที่ทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชมในคาชการ์ก็คือสุสานอาบัค โฮจา ที่สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ให้แก่อาบัค โฮจา นักบวชซูฟีย์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 และมัสยิดอิดกาห์ ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจีน สถาปัตยกรรมสไตล์เอเชียกลางของมัสยิดแห่งนี้สามารถรองรับคนได้มากกว่าหมื่นคน

         กิจกรรมสุดท้ายของวันนี้คือการเดินเล่นที่จตุรัสก๋วงฉ่าง ซึ่งเหมาะจะปิดท้ายโปรแกรมวันนี้มากเพราะเป็นที่ตั้งของรูปปั้นประธานเหมา เจ๋อ ตุง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ จะอยู่ในประเทศจีน เพราะวันรุ่งขึ้นจะเป็นการเดินเข้าสู่ประเทศคีร์กีซสถานกันแล้ว

         เข้าสู่วันที่ 14 ของการเดินทางและเป็นวันที่คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เข้าสู่เขตเอเชียกลางอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จากคาชการ์ไปถึงหมู่บ้านซารีทัชในคีร์กีซสถานจะมีระยะทางแค่ 310 กิโลเมตรเท่านั้น แต่จะต้องผ่านด่านตรวจถึง 3 ด่าน ทั้งยังต้องเจอกับถนนสี่เลนที่ฝุ่นเยอะจนกระทบกับทัศนวิสัย จนทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับโดยอัตโนมัติ

          ด่านตรวจด่านแรกที่คาราวานต้องเจอก็คือด่านขาออกประเทศจีน ซึ่งตรวจละเอียดและใช้เวลาค่อนข้างนาน ต่อด้วยด่านที่ 2 ซึ่งเป็นจุดตรวจย่อยจุดสุดท้ายของชายแดนจีน แต่โชคดีที่ด่านนี้ไม่ได้ใช้เวลานานเท่าไรนัก 

          ด่านถัดไปเป็นด่านตรวจของคีร์กีซสถาน ก่อนจะถึงด่านนี้ คาราวานต้องผ่านดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “No Man’s Land” ช่วงนี้ฝนตกอย่างต่อเนื่องจนทำให้ถนนลื่น แต่ด้วยช่วงล่างที่พิสูจน์แล้วว่าหนึบทุกสภาพถนนของไฮลักซ์ รีโว่ ก็ทำให้การเดินทางผ่านไปโดยไม่มีปัญหา 

         ขั้นตอนการตรวจเอกสารที่ด่านตรวจในเมืองอีร์เกชทัมของคีร์กีซสถานใช้เวลาไม่นาน แต่มีอุปสรรคนิดหน่อยตรงที่ฝนยังคงตกไม่ขาดสายและอุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ จนต้องเข้าไปรอในรถและอาศัยความอุ่นจากระบบทำความร้อนของไฮลักซ์ รีโว่

          คีร์กีซสถานเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ประกาศแยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตและเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่มีความสวยงามของภูเขาเข้ามาทดแทนเพราะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของภูมิประเทศรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งบนยอดเขาตลอดปี

          ภายในอ้อมกอดของธรรมชาติสวยๆ นี้คือสภาพถนนที่เป็นทางโค้งค่อนข้างเยอะ แถมยังมีฝนเข้ามาเพิ่มความยากในการขับขี่บางช่วง แต่ด้วยความหนึบในการยึดเกาะถนนของไฮลักซ์ รีโว่ ก็ทำให้ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา

          ที่คีร์กีซสถานนี้ ทีมคาราวานเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการพักที่เกสต์เฮาส์ท่ามกลางธรรมชาติของหมู่บ้านซารีทัชและสัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่กันจริงๆ สร้างความประทับให้ทุกคนกันถ้วนหน้า

          มาถึงวันที่ 15 ของการเดินทาง จากหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ มุ่งหน้าสู่เมืองออช เป้าหมายต่อไปในคีร์กีซสถาน ทันทีที่ขึ้นรถทุกคนรีบนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาชาร์จตามจุดต่างๆ ของรถ เพราะที่พักในหมู่บ้านชาร์จไฟกันไม่สะดวก แต่โชคดีที่ไฮลักซ์ รีโว่มีทั้งช่อง USB และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220 แบบปลั๊กไฟในบ้าน ก็เลยชาร์จกันได้เต็มที่ 

          เส้นทางช่วงนี้นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังมีทางโค้งและทางลงเขามาให้พิสูจน์ความแกร่งของช่วงล่วงเป็นระยะ โดยเฉพาะระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน หรือ Downhill Assist Control (DCS) ที่ช่วยให้รถเคลื่อนลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอโดยไม่ต้องแตะเบรก เพราะมีการควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ ทีมคาราวานจึงผ่านมาได้ด้วยความมั่นใจ จนถึงเมืองออช ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศนี้ ทีมคาราวานจึงได้แวะชมเขตเมืองเก่าที่มีประวัติมายาวนานกว่า 3,000 ปี และปิดท้ายวันด้วยการชมวิว 360 องศาบน Solomon’s Throne ที่เป็นเนินเขากลางเมือง

          ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของคีร์กีซสถานแล้ว วันที่ 16 ของการเดินทาง คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ก็ได้เวลาข้ามชายแดนอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ประเทศอุซเบกิสถาน ระบบการตรวจที่ด่านนี้ถือว่าเข้มงวดมาก ใช้เวลาตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น ตรวจละเอียดทุกจุด ทั้งเอกสาร รถ และสัมภาระทุกชิ้น 

          หลังผ่านด่านแล้ว ทีมคาราวานก็แวะรับประทานอาหารพื้นเมือง พร้อมทั้งเติมน้ำมันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ผ่านด่านตรวจของจีนที่เมืองคาชการ์ แต่หลังจากนั้นทุกคนก็เจอเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในแผน นั่นคือเจอกับด่านตรวจหนังสือเดินทางอีก 2 ด่าน จนทำให้ต้องรีบทำเวลาในการเดินทางไปสู่เมืองทาชเคนต์ ซึ่งสภาพถนนช่วงนี้ทั้งมืด ทั้งแคบทั้งจอแจ และมีที่กั้นอีกเป็นระยะ จนต้องฝากความหวังไว้ที่ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ของไฮลักซ์ รีโว่ ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น และพาทุกคนมาถึงเมืองทาชเคนต์ได้ตอนเกือบตี 4 ของอีกวัน

          โชคดีที่วันที่ 17ของทริปเป็นวันที่เซ็ตไว้สำหรับการตรวจเช็คสภาพรถหลังจากที่เดินทางมากว่า 8,000 กิโลเมตร ทีมคาราวานของเราจึงได้พักผ่อนกันหลังจากที่เดินทางอย่างทรหดมาตลอดวันและใช้เวลาไปกับการเยี่ยมตลาดชอร์ซู ใจกลางเมืองทาชเคนต์ ตลาดนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าและเคยเป็นชุมทางการค้าบนถนนเส้นทางสายแพรไหม จากนั้นไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมเปอร์เซียที่สวยอลังการของ Khast Imam Complex ตามด้วยอนุสาวรีย์อมิร์ ติมูร์ หรือทาเมอร์เลนข่าน ผู้เป็นหลานของเจงกิสข่านและเป็นวีรกษัตริย์ของชาวอุซเบกิสถาน

          โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้คือการเดินเล่นกันบริเวณ Independence Square ที่นี่เป็นลานขนาดใหญ่ที่เคยใช้จัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในยุคที่ประเทศนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

          สำรวจเมืองกันทั่วแล้วก็ถึงเวลาที่ทีมคาราวานกลุ่มที่ 2 จะเดินทางกลับประเทศไทย และมอบหน้าที่ในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการถกระบะให้กับสื่อมวลชนและผู้ใช้รถไฮลักซ์ วีโก้ และไฮลักซ์ รีโว่ ตัวจริงที่จะเดินทางมาถึงในตอนค่ำ

           ร่วมติดตามสเตจต่อไปที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ของ “ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป...บทพิสูจน์ระดับโลก” กันได้ทาง www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” เพียงคลิกแชร์แล้วใส่ #hiluxrevocaravantrip เพื่อลุ้นรับ GoPro Hero4 และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย หรือที่ทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/toyotahiluxthailand

 

 

[Advertorial] 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook