Sanoook! Quick Drive : Nissan Pulsar 1.8 V Sunroof Navi ...สปอร์ตได้ใจในคราบเฉียดหรู
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
เปิดตัวออกมาออย่างเป็นทางการตามคำมั่นสัญญา ที่ให้ไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีในงาน Motor Expo 2012 เป็นที่เรียบร้อยตามความคาดหมายกับว่าที่รถยนต์สปอร์แฮทช์แบ็ค 5 ประตู ใหม่ Nissan Pulsar ที่ทำให้หลายคนติดตามเฝ้ารอการลงตลาดของมันอย่างเป็นทางการ
ชื่อ Nissan Pulsar สำหรับคนรุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินกันมาก่อน แต่นี่คือรถ 5 ประตู แฮทช์แบ๊คที่สร้างชื่อมากในอดีตให้กับ Nissan ในเรื่องความสปอร์ตที่โดดเด่นตรงประเด็นเรื่องสมรรนถะการขับขี่ ซึ่งรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอออกมาหมาดๆ ก็ดูท่าจะมีดีกรีสปอร์ตเต็มเปี่ยมล้น จนเราต้องไปท้าพิสูจน์กัน
สปอร์ตโดน..ถูกใจสไตล์ใหม่ 5 ประตู
ตั้งแต่ที่เราเห็น Nissan Pulsar ใหม่เป็นครั้งแรกในงาน Motor Expo 2012 รถยนต์รุ่นนี้ก็นับว่ากลายเป็นดาวเด่นในนามของรถยนต์ Production Car ที่กำลังจะออกมาเปิดตัววางจำหน่ายในอนาคตอันใกล้ ที่จริงจะว่าไปในหลายคนมักจะติดจากเรือนร่างในเวอร์ชั่นก่อน Nissan Tida ที่มีขนาดเล็กกว่ารถยนต์ขนาดคอมแพ็คคาร์ แต่งานนี้ออกมาด้วยเรือนร่างขนาดคอมแพ็คคาร์ เพื่อลดการครหาเรื่องราคาและขนาดที่ครึ่งๆกลางจากรุ่นก่อนหน้านี้
นาย ณัฐยศ ชูบรรจง นักขับทดสอบ Sanook! Auto
บอดี้ปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นจนมีความยาว 4,295 ม.ม. กว้าง 1,760 ม.ม. และ สูง 1,520 ม.ม. มาพร้อมฐานล้อยาว 2,700 ม.ม. เป็นโจทย์ที่ตอบในเรื่องไซส์และคลาสของรถใน Nissan Pulsar ใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี แนะนำด้วยใบหน้าที่ให้อารมณ์ความสปอร์ตตั้งแต่เริ่มทักทายด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยม ดูสะดุดตากับโคมไฟหน้าแบบ Projector พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ ช่วยในการสร้างความสบายตา ส่องสว่างชัดเจน และไม่โดนเพื่อนร่วมทางด่าทอต่ำลงมีไฟตัดหมอกมาให้เสร็จสรรพ จัดมาให้ครบครัน ลงตัว โดยเฉพาะด้านหน้านี้ถือว่าสปอร์ตใช้ได้ แต่บางครั้งบางอารมณ์มันก็ทำให้เรานึกถึง Nissan Almera เหมือนกัน
เส้นสายออกแบบที่สปอร์ตให้ความรู้สึกพริ้วไหว เรียบลื่น ตั้งแต่ด้านหน้าผ่านไปยังด้านข้างที่มีสันคมพอสมควรด้วยลักษณะการออกแบบที่ทำให้รถดูมีเสน่ห์ ก็อย่าแปลกใจที่ลักษณะการออกแบบที่เรียกว่า Waist Line นี้จะเป็นที่คุ้นตา ด้วยมันมาจากสปอร์ตรุ่นพี่ Nissan 370 Z ตามด้วยการต่อเติมไฟเลี้ยวฟังในกระจกมองข้างแบบ LED แล้วให้ความลงตัวกับล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว มาพร้อมยางสปอร์ตรับการขับขี่205/50/R17 ตั้งแต่แรกเริ่ม
บั้นท้าย ต่อเนื่องด้วยชุดไฟท้ายมัลติรีเฟล็กเตอร์ดูสปอร์ต ทรงการออกแบบกราฟฟิกให้รายละเอียดต่างดูดีมาก แต่มุมสวยของเจ้าไฟท้ายนี้กลับเป็นด้านข้างมุมเฉียง เพราะเมื่อมองหน้าตรงจะรู้สึกว่ามันแปลกๆ ยิ่งเมื่อมององค์ประกอบรวมกับกันชนและสปอร์ยเลอร์หลัง ที่มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ยิ่งแล้วไปกันใหญ่ แต่โดยรวมภายนอกของ Nissan Pulsar ใหม่ ถือว่าสื่อสารในเรื่องความสปอร์ตอย่างชัดเจน
ที่สำคัญวันนี้ที่เรามาขับขี่เป็นรุ่นท๊อป Nissan Pulsar 1.8 V Sunroof Navi ที่มากับความโดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟที่มีกระจกเปิด-ปิดได้ เป็นครั้งแรกในรถราคาที่ต่ำกว่าล้านบาท แถมใช้งานง่ายด้วยปุ่มปลายมือเพียงครั้งเดียว ก็ให้ฟีลลิ่งในการขับรถที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
ภายในดูดีแบบผสานดีกรีหรู
เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร Nissan Pulsar ใหม่ ทักทายเราด้วยการออกแบบที่ทั้งหมดต้องถูกใจขาสปอร์ตกับภายในสีโทนดำ จนเรียกว่าฉีกจากพี่น้องของมั่นในรุ่น 4 ประตู Nissan Sylphy ใหม่ อย่างชัดเจน แต่กระนั้นหลายอย่างที่เราเคยได้สัมผัสมาในเจ้า Sylphy ก็ยังตามมาหลอกหลอนเราอยู่ ด้วยอารมณ์การออกแบบ ที่แทบไม่ต่างกันเลย ถ้าไม่นับเรื่องโทนสีที่เปลี่ยนไป
หน้าปัดแบบ Fine Vision Meter มาพร้อมจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์ MID ทำให้เราเริ่มคุ้นหน้าตาที่เราเคยสัมผัสมากขึ้น รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังชั่นสไตล์ 3 ก้านออกแอ๊บแนวหรูในการออกแบบ ทำให้เริ่มก่อเกิดคำถามเล็กๆว่าตกลงจะหรูหรือจะสปอร์ตกันแน่ และเมื่อหันมองท้วนทั่วในห้องโดยสาร ด้วยการตบแต่งที่ตบด้วยโทนดำแล้วลัดเลาะด้วยสีเงินสร้างความสปอร์ต ดูดีโดดเด่น โดยตรงกลางคอนโซลใน Nissan Pulsar 1.8 V Sunroof Navi มาพร้อมระบบเครื่องเสียง ที่จุระบบนำทางไว้ในตัว ต่ำลงมาเป็นชุดระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ยังสามารถปรับแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวาได้ ต่อเนื่องลงมาเป็นคันเกียร์ที่ทำได้ดูพอตัวเลยทีเดียว
มองต่ำใต้พวงมาลัยด้านซ้าย มีปุ่ม Push Start ที่ดูแล้วธรรมดาไปนิด คล้ายเราขับรถยนต์อีโค่คาร์ ดูไม่น่าสนใจมากนัก ส่วนเบาะนั่งคนขับ ปรับอัตโนมือ 6 ทิศทางและ คนนั่งปรับอัตโนมือ 4 ทิศทาง ด้านหลัง ให้ความลงตัว แอบลองไปนั่งหลังบ้าง มีพื้นที่วางขา และ เหนือหัวเหลือเฟือ แต่ไม่รโหฐาน คุณภาพการนั่งก็แค่ระดับกลางๆไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป และยังให้องค์ประกอบในการใช้งานด้วยการแยกพับ 60/40 เผื่อพื้นที่ห้องสัมภาระไม่พอ แต่ความจริงแล้วมันจุได้พอตัวอยู่เหมือนกัน
สมรรถนะใช้ได้ แต่น่าจะมีเกียร์ธรรมดา
ได้เวลาออกสตาร์ท วันนี้การเดินทางขับง่ายๆไปสบายๆ ด้วยเส้นทางการขับขี่ ซึ่งเรามุ่งเน้นในการตอบโจทย์การขับขี่เส้นทางนอกเมืองเป็นหลัก...อีกแล้ว ที่หมายปลายทางงวดนี้เป็นจังหวัดระยอง โดยการเดินทางก็ผ่าน มอเตอร์เวย์เข้าสู่เส้นทางบายพาสเลี่ยงเมือง ต่อเนื่องไปยังที่ปลายยทาง
กดปุ่มสตาร์ท พร้อมออกเดินทาง เครื่องยนต์ 1.8 เริ่มเดินกำลังและสตาร์ทติดอย่างง่ายดาย ซึ่งเจ้าเครื่องยนต์บล็อก 1.8 นี้เป็นบล็อกเดียวกันกับที่วางจำหน่ายใน Nissan Sylphy ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้การตอบสนองแรงบิดสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แม้จะแปลกแต่ก็จริงที่ Nissan Pulsar ซึ่ง ถือเป็นรถสปอร์แฮทช์แบ็ค กลับไร้รุ่นเกียร์ธรรมดา เพราะทุกรุ่นจัดมาพร้อมระบบเกียร์ Xtronic CVT ให้อัตราทดแปรผันในช่วง4.006-0.550 จับกำลังปั้นลงเฟืองท้าย 3.517 ในรุ่นเครื่อง 1.8 ไปปั่นฝีเท้าให้สนุกสนานกัน
การไร้ซึ่งเกียร์ธรรมดาก็ทำให้คอสปอร์ตตัวจริงหลายคนน่าจะเซ็ง แต่ก็ยังดีที่เจ้าเกียร์ Xtronic CVT มาพร้อม โหมด สปอร์ต ให้ได้ใช้กัน โดยหากต้องการซิ่งหรือทำความเร็วเพียงดันปุ่มที่ข้างคันเกียร์ก็จะเข้าสู่โหมดสปอร์ต เร้าใจเร้าอารมณ์ในการขับขี่ เครื่องยนต์มีการตอบสนองที่เปลี่ยนไปจากการเปลี่ยนแมพเกียร์ทำให้มีอัตราเร่งที่ปรู๊ดปร๊าดขึ้น อย่างเห็นได้ชัด แต่ออกแนวสปอร์ตแบบไม่จริงจังมากเท่าไรนัก แค่หอมปากหอมคอพอได้อยู่
ช่วงเส้นทางการขับขี่นอกเมือง เราลองจับอัตราการทำงานของเครื่องยนต์ดู ที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ที่หน้าปัดชี้การใช้รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ ราวๆ 1800 รอบต่อนาที แล้วเมื่อเค้นเพิ่มไปอีกหน่อยที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องอยู่ที่ 1975 รอบต่อนาที ถือว่าทำได้ดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้ แม้จะไม่ได้จับเรื่องของอัตราประหยัดอย่างจริงจังในระหว่างเดินทางตอนนี้ แต่ก็พอบอกได้ว่า น่าจะทำได้ดีด้วยเทคโนโลยีที่อัดแน่นเข้ามา ทั้งระบบวาล์วแปรผัน C-VTC รวมถึงระบบเกียร์ CVT เองก็สนองตอบต่อเรื่องนี้มากพอตัวอยู่แล้ว
ถนนว่างเราลองไต่มาถึงความเร็วสูงเท่าที่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรจะไปได้ ตัวเลขเข็มความเร็วชี้ที่ 176 ก.ม./ช.ม. แม้จะไม่ได้มากมายอย่างที่คิด แต่เรื่องอัตราเร่งที่สังเกตดูช่วงความเร็ว 100-160 ก.ม./ช.ม. จะมาไวแบบทันใจ จนสามารถยืนพื้นที่ 160 ก.ม./ช.ม. ได้สบาย แต่เมื่อจะผ่านสูง 170 ไปยัง ความเร็วสูงสุดนั้น จะต้องใช้เวลาและเทคนิคอีกเล็กๆ น้อยๆ ในการขับขี่
ด้านระบบกันสะเทือน Nissan Pulsar เลือกใช้แม็คเฟอร์สันสตรัทตามสมัยนิยม มาพร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลัง เซทง่ายๆแต่ลงด้วยช่วงล่าง ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งแม้จะดูง่ายไปนิดแต่เรื่องประสิทธิภาพการทำงานถือว่าไม่ได้ย่อหย่อน ยิ่งเมื่อพูดถึงการที่จะต้องตอบโจทย์ในความสปอร์ตในการขับขี่ในรถที่ถูกตีตราว่า "สปอร์ต" ตั้งแต่แรกเริ่ม
ในการเดินทางของเราในทริปนี้ด้วยการขับขี่นอกเมืองเป็นสำคัญ ทำให้เราสามารถขับขี่โดยใช้ความเร็วได้พอสมควร โดยในระหว่างเส้นทางที่ขับขี่ไปเรื่อยๆแบบจ่าไม่จับ ที่ 120 ก.ม./ช.ม. ตลอดเส้นทาง ช่วงล่างของ Nissan Pulsar ใหม่ อารมณ์ความรู้สึกในการขับขี่ที่มั่นใจได้พอสมควร การซับแรงกระแทกของช่วงล่างทำได้ดี ช่วงยุบตัวมีพอสมควร แต่ยุบแล้วยืดเร็ว เรื่องความโคลงเคลงก็หาได้มีไม่ ด้วยเหล็กกันโคลงทั้งทางด้านหน้าและหลัง ที่ตอบโจทย์ออกมา ทำให้ ช่วงล่างขับรกๆจะรู้สึกทื่อๆ แบบไร้ความรู้สึกมาถึงห้องโดยสารมากนัก ถ้าไม่นับหลุมอุกาบาศบนถนนเมืองไทย ยิ่งเมื่อนับว่าในรุ่นนี้มาพร้อมยางสปอร์ตแก้มเตี้ยที่ติดตัวมาพร้อมตั้งแต่เกิด ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่ยิ่งมั่นใจแบบหนึบแน่นทุกท่วงท่า ทว่าอาจจะรู้สึกว่ารถมีความเบาบ้าง จากน้ำหนักเปล่าเพียง 1,257 ก.ก. แต่ก็มั่นใจได้ทุกโค้งที่เข้า ประชิด
เมื่อมีจังหวะเราลองทดสอบการเปลี่ยนเลนดูเล็กตามจังหวะในการเร่งแซง ซึ่งเรื่องกำลังของเครื่องยนต์นั้นหายห่วง เพราะทำได้ดีอยู่แล้วจากกล้ามโตๆของเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และฐานล้อที่ยาวบวกกับขนาดที่วางไว้อย่างลงตัวพร้อมช่วงล่างที่เกาะถนนได้ ทำให้การเปลี่ยนเลนนั้นมั่นใจ ยิ่งยามความเร็วสูง Nissan Pulsar ใหม่ จะตอบโจทย์ทันใจทุกครั้งที่แกว่งพวงมาลัย จะรู้สึกชัดเจนว่ามันตอบสนองได้ดี ช่วงฟรีพวงมาลัยที่น้อยก็ทำให้มันมีความเฉียบคมในการตอบสนอง ในขณะที่น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ดีไม่เบาหรือหนักไป แม้เรื่องอัตราทดจะเทียบชั้นเรื่องสปอร์ตชั้นนำไม่ได้แต่ขับเอามันส์สนุกๆบนถนน ก็ให้ฟีลลิ่งสปอร์ตสมราคาขาย ที่ไม่ถึงล้านบาท
ความเบา แต่หนึบ เป็นฟีลลิ่งที่ดีในการขับขี่ และ เช่นเดียวกันในความรู้สึกการนั่งที่เราถามไถ่จากสื่อที่นั่งด้วยกันดูมันไม่มีได้ให้อารมณ์ที่ดูกระด้างจนเกินงาม และไม่ได้นิ่มนวลจนเกินไปนัก ซึ่งสำหรับใครที่ชอบความนุ่มนวลน่าจะขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าเอาเรื่องของสมรรถนะล้วนๆ นี่คือรถที่มีคุณภาพสมราคาตามภาษานิสสันชอบโดดเด่นเรื่องสมรรถนะ แต่เรื่องที่ต้องขอเอ่ยปากชมเลยก็เป็นการเซทการเบรกและถ่ายน้ำหนัก ซึ่งจาก Nissan Tida ที่ถ้าเบรกแรงท้ายจะแกว่งออกตามภาษารถท้ายสั้น ครั้งนี้ Nissan Pulsar ไม่ว่าจะเบรกให้หัวทิ่มหน้าคะมำยังไงก็ไม่มีทางที่คุณจะกระแทกท้ายออกได้เลย...
ประหยัดโอเคถือว่าลง ตัว
หลังจบการทดสอบวันแรกที่มาแบบเค้นเต็มสมรรถนะจั๋งๆ ในวันที่สองกับการเดินทางกลับเราเลยไปชิวๆขับเรื่อยๆ ที่ความเร็วเฉลี่ย 120 ก.ม./ช.ม. เพื่อดูว่าจะได้อัตราประหยัดเท่าไร การเดินทางไม่ได้ขับในโหมดประหยัด แต่ไปเรื่อยๆเร่งแซงตามสถานการณ์แบบปถุชนน่าจะใช้กัน มีแอบทำความเร็วบ้างพอหอมปากหอมคอที่ 140 ก.ม./ช.ม.
เมื่อถึงที่หมายที่กทม. ย่านถนนศรีนครินทร์ ตัวเลขที่หน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์โชว์ตัวเลข 13.2 ก.ม./ลิตร ในการตอบโจทย์เรื่องการเดินทางนอกเมือง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีใช้ได้กับการเดินทางทั่วๆไป ซึ่งขากลับนี้เรามาพร้อมผู้โดยสาร 3 คนและสัมภาระตามจำนวนคน
Nissan Pulsar ใหม่เป็นรถที่โดดเด่นมากในเรื่องความสปอร์ตและสมรรถนะในการขับขี่ แต่ถึงแบบนั้นเอง ภายในที่พยายามสปอร์ตกลับมีกลิ่นอายความหรูหราเข้ามาผสานเอาไว้ ทำให้ลดดีกรีสปอร์ตลงไป แล้วก่อเกิดความฉงนสงสัยว่าจะสปอร์ตหรือจะหรู ทว่าที่แน่ๆสมรรถนะและออพชั่นที่จัดมาให้แบบเต็มๆในราคาจำหน่ายไม่ถึงล้าน มีซันรูฟมาให้ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ ทว่าเราสงสัยมากมายว่า ไหนๆ จะสปอร์ตแล้วทำไมไม่จัดเกียร์ธรรมดา มาให้สักรุ่นเพื่อคอสปอร์ตตัวจริง ....
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชุบรรจง
ขอบคุณคาราวานทดสอบ จาก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลการทดสอบ Nissan Pulsar 1.8 V Sunroof Navi
Nissan Pulsar 1.8 V Sunroof Navi
ราคาจำหน่าย 976,000 บาท
เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
แรงม้าสูงสุด 131 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 174 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที
การทำงานของรอบเครื่องยนต์ Nissan Pulsar
ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 1800 รอบต่อนาที
ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 1975 รอบต่อนาที
ความเร็ว 130 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2300 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด ขณะทดสอบ 176 ก.ม./ช.ม. (หมายเหตุ นั่ง 2 คน พร้อมสัมภาระติดตัว)
อัตราประหยัด เดินทางด้วยความเร็วเฉลี่ย 120 ก.ม./ช.ม. ได้ 13.2 ก.ม./ลิตร
อัลบั้มภาพ 61 ภาพ