NEW MG5 คุ้มค่าหรือควรปล่อยผ่าน

NEW MG5 คุ้มค่าหรือควรปล่อยผ่าน

NEW MG5 คุ้มค่าหรือควรปล่อยผ่าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

MG Front 1

     หากพูดถึงตลาดรถยนต์ในกลุ่มซับคอมแพค 4 ประตู ต้องบอกว่าเป็นกลุ่มตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมาก โดยทุกค่ายที่มีรถในกลุ่มนี้ทำตลาดอยู่ พยายามที่จะงัดเอาจุดเด่นรวมถึงแคมเปญเด็ดๆ มามัดใจกลุ่มเป้าหมายที่มักจะชกเข้าเป้าเสมอๆ แต่ไม่ว่ารถยนต์รุ่นนั้นๆ จะมีสมรรถนะ, ความคุ้มค่า, ราคาที่จับต้องได้ รวมทั้งแคมเปญทางการตลาดที่น่าสนใจ

     อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ “ความมั่นใจในแบรนด์นั้นๆ” และในวันนี้เป็นอีกครั้งของการวัดใจระหว่างค่ายรถระดับตำนานอย่าง MG กับผู้บริโภคชาวไทย…ว่าควรปล่อยผ่านไปหรือควรเดินหน้าเข้าโชว์รูมแล้วขอใบจองอย่างมั่นใจ

 

MG5_launch_14

     วันนี้ MG เปิดตัวรถยนต์ซับคอมแพค 4 ประตู รุ่นใหม่ในนาม “NEW MG5” โดยก่อนหน้านั้นมีรุ่นที่เปิดตัวไป 2 รุ่น นั่นก็คือ MG6 และ MG3 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีกระแสตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง และถือว่ามีเสียงตอบรับที่ดีเมื่อมองว่า MG เป็นค่ายรถน้องใหม่สำหรับตลาดในประเทศไทย

     สำหรับผู้เขียนเอง ได้ยินชื่อเสียงของ MG มานานมากกว่า 30 ปี เพราะด้วยทางบ้านชอบรถยุโรปเป็นทุนเดิม จึงรู้จักค่ายรถจากอังกฤษนี้มานาน แต่เมื่อเปลี่ยนมือมาอยู่กับมังกรจีน ก็คิดอยู่ว่าจะไปได้ดีแค่ไหน ซึ่งวันนี้เค้าพิสูจน์แล้วว่า ตลาดในเมืองไทยเริ่มให้การยอมรับ แม้ว่าในส่วนของผลิตภัณฑ์จะยังไม่ค่อยเข้าตาสักเท่าไหร่ (ในทัศนะของผู้เขียน)

 

pre_test_MG5_10

     เรื่องของ MG6 และ MG3 จะไม่นำมาพูดถึง.. ครั้งนี้ขอพูดถึง MG5 น้องใหม่ล่าสุด ว่าจะคุ้มค่าหรือควรปล่อยผ่าน โดย 1 สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับประกาศราคา ผู้เขียนได้มีโอกาสไปทดลองขับ MG5 ซึ่งเป็นตัว Pre-Product (ไม่ใช่รุ่นที่ผลิตเพื่อจำหน่าย)

     หลังจากที่ลองขับแบบเต็มเหนี่ยวบนสนามทดสอบอยู่พักใหญ่ เมื่อลงจากรถเพื่อให้เพื่อนสื่อมวลชนท่านอื่นๆ ทดลองขับต่อ ผู้เขียนลงมาพร้อมกับหันกลับไปมองที่รถแล้วนึกในใจว่า “ขอขับต่ออีกสักหลายๆ รอบเถอะ” ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะเมื่อเทียบกับ MG6 และ MG3 แล้ว NEW MG5 มีสมรรถนะที่แตกต่าง ขับสนุก พวงมาลัยคม ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ช่วงล่างเกาะถนน ควบคุมง่าย เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ ทำงานสัมพันธ์กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบที่ไม่คิดว่านี่เป็นรถจากค่ายเดียวกัน ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยขับ MG มาตั้งแต่รุ่นแรก

 

pre_test_MG5_08

     แน่นอนว่าเรื่องของสมรรถนะนั้นชัดเจนว่า มันเจ๋ง (แถมยังรู้สึกว่าจะเหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันซะอีก) ทีนี้มาดูเรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจากการออกแบบตัวถัง เมื่อมองรวมๆ ถือว่า MG5 มีรูปโฉมที่สะดุดตาใช้ได้ และมีตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่โต เมื่อเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มซับคอมแพค แล้วยังมี Sunroof มาช่วยสร้างบรรยากาศอีกด้วย

     ส่วนภายในห้องโดยสารกว้างขวาง และนั่งสบายมาก ส่วนการออกแบบภายในแม้ว่าจะดูธรรมดาไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับการออกแบบภายในของรถแบรนด์อื่นๆ แต่ถือว่าออกแบบมาสวยใช้ได้ ชุดคอนโซลหน้าเน้นโทนสีดำด้านดูสุขุมและทรงพลัง ซึ่งเมื่อได้นั่งในตำแหน่งผู้ขับ พร้อมจับพวงมาลัยไฟฟ้าที่ให้ความมีชีวิตชีวามากกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าทั่วไป แค่นี้ก็อยากจะลองสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วกดคันเร่งออกไปขับสนุกๆ บนท้องถนนซะแล้ว

 

MG5_launch_10

MG5_launch_24

MG5_launch_21

     แล้วสิ่งต่างๆ ที่ให้มานั้นมีอะไรที่โดดเด่นและน่าสนใจกันบ้าง นอกเหนือจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่สามารถรองรับ E85 และขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าในระดับเดียวกัน..มาเริ่มกันด้วยระบบ inkaNet ที่ไม่ได้เป็นแค่แอพพลิเคชัน แต่เป็นระบบที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์ NEW MG5 กับผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย ที่ให้ความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับรถ การจราจร เส้นทาง ระบบนำทางที่สามารถกำหนดเพิ่มเติมสถานที่ที่สนใจของผู้ขับขี่ได้ด้วยตัวเอง  โดยผู้ใช้สามารถใช้งานและสั่งการได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และวางใจได้ในการขับขี่ในทุกการเดินทาง

 

AW-MG5 BROCHURE

     โดยระบบ inkaNet  จะติดตั้งกล่องควบคุมที่เรียกว่า T-Box และเป็นตัวกลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานระบบ inkaNet ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่  Application inkaNet บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android,  Website  (www.mgcars.com) ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์  และ MG Call Centre (1-800-999-988 , 1-401-999-988 กด 3)

     ซึ่งฟังก์ชั่นเด่นที่ให้บริการข้อมูลรถยนต์และความปลอดภัยของรถยนต์ NEW MG5 ได้แก่

     การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ (Vehicle Alarm) เพิ่มความปลอดภัยให้แก่รถของคุณ ระบบจะแจ้งเตือนความผิดปกติผ่านทาง Push Notification บนแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ได้ทราบเมื่อ เตือนเคลื่อนไหวผิดปกติ:เมื่อรถยนต์มีการเคลื่อนที่ผิดปกติ และ เตือนรถยนต์ติดเครื่อง:ทันทีที่เมื่อรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์

     ระบบการนำทาง (Navigation) ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ข้อมูลระบบนำทางผ่านทาง Google Map และ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งของรถได้ ระบบสามารถแนะนำและสามารถปักหมุดสถานที่ที่น่าสนใจได้ (Point of Interest) ระบบให้ข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้วางแผนการเดินทาง ในกรณีรถถูกโจรกรรมสามารถค้นหาตำแหน่งรถโดยขอความช่วยเหลือผ่าน MG CALL CENTRE ในการช่วยติดตามและแจ้งตำแหน่งของรถ

     ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fence) ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับรถยนต์ ควบคุมรถได้แบบเรียลไทม์โดยกำหนดขอบเขตของรถไม่ให้ขับไกลเกินกว่าที่กำหนดไว้ตั้งแต่ 500 เมตร ถึง 10 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลาง โดยในกรณีรถออกนอกเส้นทางระบบจะแจ้งเตือนผ่าน PUSH NOTIFICATION และ SMS เพื่อให้ความปลอดภัยของรถยนต์อยู่ในมือในทุกที่

     ระบบแจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (Fuel Consumption) แสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ แจ้งพฤติกรรมการขับขี่พร้อมแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ โดยเปรียบเทียบเป็นค่าเฉลี่ยทั้งแบบรายสัปดาห์ และแบบรายเดือน

     ระบบเลขาฯ ส่วนตัว (i-Call) ติดต่อ MG CALL CENTRE เพียงปลายนิ้วสัมผัส อำนวยความสะดวกในการติดต่อ MG CALL CENTRE เพื่อสอบถามข้อมูล และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นต่างๆ รวมถึงอำนวยความสะดวกในการส่งเส้นทางการเดินทาง (Point of Interest) มายังจอ TOUCH SCREEN โดยที่ไม่ต้องค้นหาเองให้เสียเวลา

 

MG5_launch_06

     อีกเรื่องที่โดดเด่นคือ ระบบความปลอดภัย 9-Integrated Active Safety ตามแนวคิด บริท ไดนามิก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมายที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มความมั่นใจในทุกเส้นทาง อาทิ ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS – Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS – Traction Control System)

     ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS – Anti-lock Braking System) ระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD – Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR – Motor control Slide Retainer) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC – Curve Brake Control) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (ITPMS – Indirect Tire Pressure Monitor System)

     ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBA – Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว (Stability Control System) นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง กล้องมองหลัง กุญแจนิรภัยแบบ immobilizer ให้มาอีกด้วย

 

MG5_launch_19

     เมื่อพิจารณามาถึงจุดนี้ รวมถึงราคาจำหน่ายในช่วง  649,000 – 759,000 บาท (แถมยังมีช่วงราคาพิเศษถึงสิ้นปีนี้ ที่ลดราคาของแต่ละรุ่นลงไปอีก 20,000 บาท) และนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด ถือว่าสัดส่วนด้านราคานั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก (ยกเว้นโปรพิเศษส่วนลดที่กล่าวไว้ข้างต้น)

     แต่หากมองถึงสิ่งที่ให้มาจากข้างต้น ถือว่ามี NEW MG5 นั้นค่อนข้างที่จะมีมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย และที่ต้องบอกว่าเหนือกว่าจริงๆ ก็คือ สมรรถนะการขับที่ผู้เขียนแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบเครื่องยนต์และเกียร์ของ MG ในรุ่นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ แต่สำหรับ NEW MG5 ขอพูด 3 คำว่า “มัน พีค มาก”

 

MG5_launch_09

     แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าสมรรถนะการขับ รวมถึงภาพรวมในเรื่องต่างๆ จะเดินมาถูกทางแล้ว แต่เรื่องของแบรนด์ MG ในประเทศไทย ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องพยายามอย่างไม่หยุดยั้งที่จะสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นในใจของผู้บริโภค รวมทั้งการขยายโชว์รูมให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่…เพราะสุดท้ายผู้บริโภคจะเป็นผู้เลือกเองว่า MG5 ควรเป็นรถสามัญประจำบ้านหรือควรปล่อยผ่านแค่ได้เห็นและได้สัมผัสแค่นั้นก็พอ.        

 

เรื่อง/ภาพ : พุทธิ  ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย www.gpinews.com

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th        

 

 

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ NEW MG5 คุ้มค่าหรือควรปล่อยผ่าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook