ครั้งแรกกับการทดสอบ มินิเอสยูวีใหม่ ฮอนด้า บีอาร์-วี
ตลาดรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีของไทย ช่วงระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างจะได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์คอมแพ็คเอสยูวีมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างมาก ทำให้เกือบทุกค่ายส่งสินค้าลงมาแข่งขันกันอย่างร้อนแรงเร้าใจ
ตลาดเอสยูวี แม้จะไม่ได้มีสัดส่วนการขายในตลาดมากเท่ารถยอดนิยมอื่นๆ แต่ปีนี้กลับมีการโดดลงมาช่วงชิงช่องว่างของตลาดที่ยังพอมีอยู่กันอย่างเต็มที่ และด้วยเทรนด์การใช้รถของคนที่เริ่มเปิดกว้างหันหน้าเข้าหาความอรรถประโยชน์จากรถยนต์ที่ตนครอบครองมากขึ้น จึงทำให้ยอดขายของรถกลุ่มนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ซึ่งหากลงไปดูเจ้าตลาดรถในกลุ่มนี้คงหนีไม่พ้น ฮอนด้า ที่ครองอันดับยอดขายรถเอสยูวีพันธุ์แท้มายาวนาน ไล่เรียงมาตั้งฮอนด้า ซีอาร์-วี มาจนถึงคอมแพ็คเอสยูวีรุ่นยอดฮิตอย่าง เอชอาร์-วี ที่กอบโกยยอดขายมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา
ตัวเลขล่าสุดในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 58 ดูจากยอดขายในกลุ่มเอสยูวี ตลาดรวมทำยอดไปได้ 38,000 คัน โดยฮอนด้าโกยยอดขายไปถึง 24,000 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% แบ่งเป็นยอดจาก ฮอนด้า เอชอาร์-วี 19,000 คัน และ ซีอาร์-วี ทำยอดได้ 5,200 คัน
ผลจากการตอบรับอันแสนดีจากลูกค้าที่มีต่อรถทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว ทำให้ฮอนด้ามองเห็นช่องว่างทองคำที่จะเจาะเข้ามาทำตลาด จึงเตรียมส่งฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ลงมาเก็บยอดขาย วางสินค้าไว้ทุกระดับความต้องการสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถเอสยูวี ไล่ระดับจากปลายพีระมิดลงมาจนเกือบถึงฐานเลยทีเดียว
หลายท่านพอจะทราบกันดีว่า ฮอนด้า บีอาร์–วี มีพื้นฐานการพัฒนามาจากฮอนด้า โมบิลิโอ ถูกวางตำแหน่งให้มาตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในกลุ่มคอมแพ็คและซับคอมแพ็ค โดยยังคงแน่นหนักกับการนำเสนอรถคุณภาพดีที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
แม้รถรุ่นนี้จะถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซีย และในระยะเวลา 1 เดือนสามารถทำยอดจองถึง 2,500 คัน รถที่นำมาให้ทดสอบจะเป็นตัวโปรโตไทป์ สเป็กส่วนใหญ่จึงเป็นรุ่นที่ใช้จำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย แต่สเป็กของบีอาร์-วี ที่เตรียมจะผลิตในโรงงานฮอนด้าในประเทศไทย จะเป็นเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC 4 สูบ และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม
บีอาร์-วี ใหม่ ยังรองรับพลังงาน อี 85 พร้อมจัดเต็มออปชั่นและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเอาใจคนไทย ที่จะมาพร้อมกับความแข็งเเกร่งสไตลล์เอสยูวี อารมณ์สปอร์ต ด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED ส่วนไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์รูปตัว C ล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 16 นิ้ว
ขนาดของตัวรถใหญ่โตพื้นที่ในห้องโดยสารให้กว้างขวางสะดวกสบาย มาพร้อม 2 ทางเลือกของฟังก์ชันการใช้งาน ทั้งรูปแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ และเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ให้พื้นที่ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกรูปแบบ
รวมถึงฟังก์ชันหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) ระบบเครื่องเสียงแบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ติดตั้งอยู่ระหว่างเบาะที่นั่งแถวที่ 1 และแถวที่ 2 เพื่อกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง
ด้านมาตรฐานด้านความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบถุงลมคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Distribution – EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
ในการทดสอบด้วยข้อจำกัดของสนามทดสอบที่ถูกกำหนดไว้ค่อนข้างสั้น จึงไม่สามารถทำความเร็วเค้นสมรรถนะของรถให้ออกมาเต็มที่ จึงไม่สามารถวัดอะไรได้มากแต่หากถามถึงแรกสัมผัส ต้องบอกว่าประทับใจ เพราะเข้าไปนั่งรู้สึกเหมือนกับการนั่งหลังพวงมาลัยฮอนด้า แจ๊ซ อย่างยิ่ง
แม้จะมีพื้นฐานมาจากฮอนด้า โมบิลิโอ แต่อารมณ์ช่างแตกต่างรถคันนี้ถูกออกแบบให้แผงคอนโซลหน้าดูดีมีชาติตระกูลเทียบเคียงรุ่นพี่ๆ ที่ออกมา เบาะที่นั่งแบบใหม่ดูกว้างขึ้น พร้อมตกแต่งภายในโทนสีดำ เพิ่มความสปอร์ตเป็นรถน่าใช้จริงๆครับ
สมรรถนะช่วงการทดสอบรอบแรกดูเหมือนว่ามีอาการหน่วงๆของเครื่องยนต์ตอนกดคันเร่งแรงๆ เพื่อหวังจะได้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นพอเข้าใจได้ว่ามาจากลักษณะนิสัยของเกียร์ CVT ช่วงรอบสองจึงปรับจังหวะตัวเองใหม่ค่อยๆกดคันเร่งไปเรื่อยๆ ความเร็วไหลขึ้นอย่างต่อเนื่องถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
จุดที่ให้รถน่าสนใจน่าจะเป็นเรื่องของการเซ็ตระบบช่วงล่างที่ออกมาโดนหัวใจ ซึ่งสไตล์ช่วงล่างในฟิลลิ่ง แบบนี้เราเริ่มเห็นมากขึ้นในรถรุ่นเล็กของฮอนด้าที่ออกมาจำหน่ายในระยะหลัง ความแน่นหนึบ ช่วยเพิ่มความมั่นใจยามขับขี่ เข้าโค้งแรงๆสบายใจหายห่วง แถมพวงมาลัยยังน้ำหนักกำลังพอดีมือ ควบคุมง่าย แม่นยำ แถมยังแอบประทับใจระบบเบรกที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอีกด้วย
แม้จะเป็นตัวโปรโตไทป์ แต่ก็ช่วยให้เรามองภาพของบีอาร์-วี ได้ชัดเจน ก่อนที่ในอนาคตจะถูกแนะนำให้ได้รู้จักในงานขายรถช่วงปลายปี และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบในช่วงงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ต้นปีหน้า แต่หากมานั่งมองเรื่องของดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกถือว่าสอบผ่านคะแนนดีใช้ได้
ส่วนราคาจำหน่าย….จะเป็นเท่าไหรนั้น อดใจรอไว้อีกนิด ปลายปีนี้ รู้กัน !
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.gpinews.com
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ