มาช้าดีกว่าไม่มา...

มาช้าดีกว่าไม่มา...

มาช้าดีกว่าไม่มา...
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“มาช้าดีกว่าไม่มา...หลั่งช้าดีกว่าไม่หลั่ง” พูดอย่างนี้คงจะปลอบใจคนที่กำลังมีปัญหาอาการหลั่งช้า หรือกว่าจะไปถึงจุดสุดยอดได้ก็ต้องใช้เวลาไต้เต้านานเหลือเกินจนเหนื่อย แต่ถึงสวรรค์ช้า อย่างไรก็ยังดีกว่าการที่ไปไม่ถึงเอาเสียเลย จริงไหมครับ อย่างไรก็ดีการหลั่งช้าก็ยังถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่คุณผู้ชายควรหาทางแก้ไข อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้มันทำลายความสุขของชีวิตรักของคุณอยู่เลย

คุณผู้ชายที่เผชิญกับภาวะหลั่งช้ามักจะไม่ได้มีปัญหานกเขาไม่ขัน อวัยวะเพศซไม่แข็งตัว หรือหมดอารมณ์ทางเพศ ส่วนใหญ่แล้วทุกอย่างยังใช้การได้เป็นปกติ เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนทั่วๆ ไปกว่าจะถึงจุดสุดยอดแต่ละที แต่ในทางกลับกันคนที่มีปัญหานกเขาไม่ขัน หรืออารมณ์ความต้องการทางเพศหดหายไปดื้อๆ เป็นประจำนั้น เวลามีอารมณ์คึกคักขึ้นมาให้ดำเนินกิจกรรม ก็กลับจะถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาหลั่งช้าเสมอ

การหลั่งน้ำอสุจิของผู้ชายหลังจากถึงจุดสุดยอดนั้นเกี่ยวข้องกับ 2 ระยะ emission และ expulsion ระยะ emission คือระยะที่ของเหลวมาคั่งบริเวณโคนอวัยวะเพศ ตอนที่ความรู้สึกทางเพศค่อยๆ เริ่มก่อตัว ก่อนที่จะทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดสุดยอด ในระยะที่สอง (ระยะยิงเป้า) คือตอนที่ความรู้สึกขึ้นถึงที่สุดแล้ว กลไกของกล้ามเนื้อ ลำกล้อง และกระเป๋าบริเวณระหว่างทวารหนักกับอวัยวะเพศจะหดเกร็งเพื่อคับของเหลวที่คั่งอยู่นั้นออกมา นำมาซึ่งความรู้สึกโปร่งเบาสบายตัวเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เป็นความพึงพอใจที่ชายแทบทุกคนถวิลหา

แต่ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ ที่กระบวนการยิงกระสุนสู่เป้าหมายที่ว่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบสั่งการตามความสมัครใจ ดังนั้นหากมีอะไรมากระทบจิตใจของผู้ชายขณะนั้น ทำให้ไขว้เขว การทำงานของกล้ามเนื้อกอาจหยุดชะงัก การหลั่งก็อาจไม่เกิดขึ้นได้ สิ่งที่อาจกระทบจิตใจนั้นอย่างเช่น ความเครียด วิตกกังวลในใจ บางคนที่มีปัญหาหลั่งช้าหรืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวบ่อยๆ ก็อาจหมดความมั่นใจ และคิดมากกลัวว่าคู่นอนจะไม่ได้รับความสุขเต็มที่ เหตุทั้งหลายที่มากระทบจิตใจนั้นล้วนแล้วแต่มีผลทำให้การเดินทางไปไม่ถึงเป้าหมายได้ง่ายๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก แผลในทางเดินปัสสาวะ เส้นประสาทชำรุด หรือโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดทั้งหลาย รวมทั้งโรคหัวใจ อันนี้มีผลต่อระบบการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกายนั้น อาจเป็นสาเหตุของปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือการถึงจุดสุดยอดช้า หลั่งยากด้วยเหมือนกัน เช่นเดียวกับคนที่ได้รับยาในกลุ่ม Beta-blocker และยารักษาอาการซึมเศร้าบางตัวอาจมารบกวนต่อกระบวนการของการหลั่งน้ำอสุจิได้ ซึ่งใครที่พบปัญหาเหล่านี้ ควรจะต้องลองปรึกษาคุณหมอลองหาทางเยียวยาแก้ไขดูนะคะ

ที่นี้เมื่อหันมามองในมุมด้านจิตวิทยา ผู้ชายที่เกิดปัญหาหลั่งช้านั้น มักจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกคือพวกที่มีอารมณ์ความต้องการเช่นคนทั่วไป แต่ก็มีปัญหาเรื่องทัศนคติ บางคนเคยชินกับการช่วยเหลือตัวเองจนสำเร็จความใคร่ แต่พอมาเมคเลิฟกับผู้หญิงจริงๆ กลับปรับตัวไม่ทัน กลายเป็นกระบวนล้มไม่เป็นท่า หรือคนที่ระหว่างที่ดำเนินกิจกรรมไปนั้นอารมณ์หดหายเพราะรู้สึกผิด รู้สึกเป็นบาป ขัดกับหลักศาสนาที่ตัวเองนับถือ หรือมีอารมณ์อื่นๆ (ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องตรงหน้า) เข้ามาแทรกซ้อน เป็นต้น

ส่วนกลุ่มที่สองคือคนสูงอายุที่หมดสมรรถภาพทางกายเสื่อมไปตามวัย หรือมีโรคประจำตัวอย่างที่กล่าวถึงไปแล้ว จึงขาดความมั่นใจในความแข็งขันของตัวเอง กลุ่มนี้มักจะต้องการการกระตุ้นเล้าโลมมากกว่าปกติกว่าจะเข้าถึงจุดสุดยอด

สำหรับคนที่ปัญหาเรื่องทัศนคตินั้นแก้ไขได้ ซึ่งคงต้องอาศัยเวลา และความช่วยเหลือจากฝ่ายหญิงคู่ของคุณค่อนข้างมากเลยทีเดียว และขั้นตอนเยียวยารักษาแผลใจนี้ต้องทำด้วยความเข้าใจและใจเย็นสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น คนที่ถนัดกับการช่วยเหลือตัวเองจนสำเร็จความใคร่ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จกับคู่นั้น อาจเป็นเพราะ เคยชินกับความเป็นส่วนตัวหรือการกระตุ้นด้วยความเร็ว แบบที่คู่ตัวเองก็ทำไม่ได้ คนที่เป็นคู่ (ฝ่ายหญิง) หากรักกันจริงแล้ว คงต้องหันหน้าเข้ามาช่วยเยียวยา ด้วยการเปิดใจตัวเองให้กว้าง ทำใจสบายๆ เมื่อมีจังหวะเหมาะที่คุณรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการเมคเลิฟ ลองคุยกับเขาดู ให้เขาช่วยเหลือตัวเองให้คุณดูว่าแบบไหนที่ทำให้เขาไปถึงจุดสุดยอด แล้วครั้งต่อไปขอร้องให้เขาช่วยเหลือตัวเองโดยมีคุณยื่นตัวเองเข้าไปช่วยเหลือนิดหน่อย จากนั้นเมื่อเริ่มคุ้นเคยมากขึ้นแล้ว ก็ค่อยๆ ลองเริ่มต้นจากวิธีการเดิม พยายามเล้าโลมเขาให้หนักขึ้น จนกว่าเขาจะมีความรู้สึกใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว จึงค่อยให้เขาสอดใส่อวัยวะเข้าไปในตัวคุณ โดยใช้มือคุณช่วยเหลือ หากทุกอย่างสำเร็จ น่าพอใจก็ค่อยๆ โน้มน้าวให้เขามั่นใจได้ว่าการมีเซ็กส์ระหว่างเขากับคุณก็ทำได้าสำเร็จจริงๆ และค่อยฝึกให้คุ้นเคยในครั้งต่อๆ ไป

แต่หากสาเหตุของเขามาจากเรื่องส่วนตัว ซึ่งอาจฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก เช่น เขาเคยถูกแม่ทอดทิ้งสมัยเด็กๆ หรือเคยเจ็บปวดมาจากคนรักเก่าที่ทำให้เสียความรู้สึกอย่างแรงนั้น ความวิตกกังวลเหล่านี้มีผลต่อความสัมพันธ์ในปัจจุบัน แม้เราจะย้อนกลับไปอดีตเพื่อแก้ปัญหาให้เขาไม่ได้ แต่เราช่วยเยียวยาแผลที่ฝังลึกในใจเขาได้ คนที่เป็นคู่ควรทำใจเย็นๆ ปลอบโยนอย่างละมุนละไมให้เขาเชื่อใจคุณ อาจช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้

เรื่องแบบนี้ฟังดูแล้วฝ่ายหญิงอาจจะอึดอัดไม่ได้ และแน่นอนว่าอาจจะรู้สึกหงุดหงิด แต่ของอย่างนี้มันต้องอาศัยเวลาและทีมเวิร์คแบบ 2 ต่อ 2 นะคะ หากขั้นตอนไหนทำไม่สำเร็จก็ให้ย้อนกลับไปฝึกขั้นก่อนหน้านั้น หรือลองหาอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกให้ตื่นตัวมากขึ้น อย่างเช่นภาพ หรือคำพูดบางคำที่เร้าอารมณ์ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความลงตัวที่คุณสองคนปรารถนาร่วมกัน ดังนั้นจึงต้องใจเย็นและทำใจให้กว้าง อย่าเพิ่งรู้สึกเบื่อเสียก่อน หรือรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องของความเชื่อ เช่น เชื่อว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ “ต้องห้าม” การรู้สึกผิดโดยเฉพาะจาก ความเชื่อที่ฝังรากลึก เช่น เรื่องของศาสนา หรือจารีตประเพณี หากคู่ของคุณโอเคสมยอมก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะปฏิบัติได้อย่างปลอดโปร่งโล่งใจ ระหว่างคู่ควรมีการพูดคุยกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับทัศนคติระหว่างเพศ ผู้ชายรู้สึกอย่างไรต่อผู้หญิง หรือคิดว่าผู้หญิงรู้สึกอย่างไรต่อผู้ชาย ความเชื่ออะไรที่เขาติดค้างในใจ ลองขอให้เขาระบายออกมาให้คุณฟัง โดยคุณต้องทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี จะรับฟังจนจบ แล้วแสดงความคิดเห็นของคุณต่อเรื่องนั้นอย่างนุ่มนวล

อีกเรื่องที่สำคัญที่ต้องดูแลกันก็คือเรื่องความวิตกกังวล การที่ฝ่ายชายเกรงว่าคู่คือฝ่ายหญิงจะไม่ได้รับความสุขจากการเมคเลิฟจากตนนั้นหรืออารมณ์ค้างเมื่ออะไรเกิดสะดุดกลางคันขึ้นมา จริงๆ ผู้ชายต้องฝึก “ปล่อยวาง” มันไปเสียบ้าง การปล่อยวางนั้นต้องฝึกกันตั้งแต่เรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันไปจนถึงเรื่องที่เกี่ยวกับกิจกรรมบนเตียงกันสองคน แล้วจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นกับชีวิต แล้วเลิกวิตกกังวลเกินกว่าเหตุกันเสียที

แต่หากวิธีรักษาตัวเองง่ายๆ เหล่านี้ยังไม่ได้ผล เห็นทีจะต้องแนะนำให้คุณทั้งคู่ไปปรึกษาคุณหมอ หรือหมอจิตเวชให้เขาช่วยแนะแนววิธีเยียวยาเสียแล้วล่ะค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook