สำหรับใครที่ไม่ชอบความเสี่ยง ผันผวนน้อย อยากรักษาเงินต้นไว้
การลงทุนในตราสารหนี้ น่าจะตอบโจทย์ได้มาก
คุณ วิศิษฐ์ ชื่นรัตนกุล
ผช.กรรมการผู้จัดการฝ่ายตราสารหนี้ บลจ.ธนชาต
มองว่า ทิศทางดอกเบี้ยที่ชะลอตัว ทำให้ตลาดตราสารหนี้ ปรับตัวลง
และอีกประเด็น คือ การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย
อีก 10 ปี ข้างหน้า มีประชากรสูงวัย เป็นสัดส่วนสูงถึง 20%
ทำให้มีเงินออมในระบบเพิ่มขึ้น ตราสารหนี้ก็จะน่าสนใจ ด้วยที่ดอกเบี้ยต่ำ
ขณะความเสี่ยงเรื่องดอกเบี้ยขึ้นมีน้อยมาก
คำถามถัดไป คือ จะเลือกลงทุนอะไร?
1.เลือกลงทุนผ่านกองทุนรวม
2.ลงทุนตราสารหนี้โดยตรง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนักลงทุนในการวิเคราะห์เครดิตของการลงทุน
ความแตกต่าง คือ ถ้าลงทุนผ่านกองทุนรวมมีข้อดี คือ มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวิเคราะห์ ตราสารหนี้แต่ละตัว
[ความเสี่ยงของการลงทุนตราสารหนี้ คือ การวิเคราะห์เครดิตตราสารแต่ละตัว]
นอกจากนี้ มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต ซึ่งเหมาะกับรายย่อย และหากเราต้องการขาย เราสามารถไปหากองทุนที่ขายแบบ t+1 ได้รับเงิน
แต่หากเลือกลงทุนเอง ก็ต้องมีการวิเคราะห์เอง เรื่องของการลงทุนกระจุกตัวเนื่องจากต้องซื้อขาย ล็อตใหญ่ เฉลี่ยล็อตละ 10ล้านบาท ซึ่งหากซื้อน้อยกว่านี้ สภาพคล่องก็จะต่ำลง ต้องให้ดีลเลอร์เสนอราคาเพื่อซื้อขายให้เรา
พอร์ตลงทุนนั้นหากไม่ชอบความเสี่ยง อาจจะถือตราสารหนี้ในสัดส่วนที่มากหน่อย สัก 80% ส่วนที่เหลืออาจจะเป็น property fund หรือหุ้น
แล้วแต่ความเสี่ยงที่รับได้ เสี่ยงมาก ผันผวนสูง แต่ก็ลุ้นผลตอบแทนได้สูงเช่นกัน
ความคาดหวังในการลงทุนตราสารหนี้ ปัจจุบัน คาดหวังผลตอบแทนได้แค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับ อายุตราสาร (ระยะเวลา)
เช่น
กอง term fund ปัจจุบัน 6 เดือน อยู่ที่ 1.6% / 1 ปี อยู่ที่ 1.8%
ส่วนกองทุนตราสารหนี้ ตลาดเงิน ผลตอบแทน อยู่ที่ 1.5-1.6% ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุน
เปรียบเทียบกับเงินฝาก
เงินฝากเราต้องไปฝาก term ยาวขึ้น กองทุนก็คล้ายกัน แต่ว่ากระจายหลายหลักทรัพย์
และในปีหน้า เงินฝาก จะที่ค้ำประกัน 5 ล้านบาท จะลดเหลือ 1 ล้านบาท ทำให้ต้องหาแหล่งกระจายเงินฝาก
ผลกระทบจากการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ :
หลังวันที่ 20 ส.ค. จะมีการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารหนี้ จะถูกเก็บภาษี
แต่ถ้าเป็นกองทุน providend fund กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF จะไม่ถูกภาษีตรงนี้
หลังวันที่ 20 ส.ค. กองทุนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีคือ กองทุนผสม [หุ้น + ตราสารหนี้] จะถูกเก็บภาษีตราสารหนี้ รวมถึง กองทุนตราสารหนี้ เอง ก็ถูกเรียกเก็บเช่นกัน
มีรายละเอียดลงไปอีกว่า ผลกระทบจะแบบค่อยๆ เป็นค่อยไป
ผลกระทบระยะสั้นอาจจะมีบ้าง แต่ในระยะยาว ผู้ออกตราสารก็ต้องปรับดอกเบี้ยให้กับกองทุนเพราะกองทุนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ เพราะหาหันไประดมทุนผ่านแบงก์ต้นทุนเงินก็ยังสูงกว่า
กองทุนแนะนำ :
สำหรับใครที่ไม่ต้องการความเสี่ยงเลย แนะนำ ตราสารหนี้ธนชาตตลาดเงิน T cash
นโยบายการลงทุน ต้องลงทุนในตราสาร A- ขึ้นไป และ ระยะเวลาการลงทุนไม่เกิน 3 เดือน
ทดแทนการฝากเงิน สามารถถอนได้ แบบ T+1
และความเสี่ยงขยับขึ้นตามผลตอบแทนที่สูงขึ้น แนะนำ กองทุนเปิดธนชาต income plus
อายุการลงทุนเฉลี่ย 8 เดือน ผลตอบแทนที่ผ่าน 1 ปี ที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.7%
สนใจติดต่อที่ บลจ.ธนชาต หรือ ติดต่อได้ที่เคาท์เตอร์ธนาคารธนชาต
Call center 1770
แสดงเพิ่ม