ด้วยความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดเงินตลาดทุนโลก การลงทุนในกองทุนรวมถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของนักลงทุนปีนี้เพราะนักลงทุนอยากมองหาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่จะมีวิธีการเลือกกองทุนอย่างไร หนึ่งในวิธีก็คือการมองหากองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม
ปีนี้ ถือเป็นปีที่ดีสำหรับ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ในการประสบความสำเร็จการบริหารกองทุนทั้งกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมของทั้งสองธุรกิจ ร่วมพูดคุยกับ คุณจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เจ้าของรางวัล
บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เจ้าของรางวัล กองทุนรวมดีเด่นจาก Morning Star ปีนี้ ได้รับ ถึง 3 รางวัล คือ
Best Thailand Equity Large-Cap Fund – รางวัลกลุ่มกองทุนหุ้นใหญ่
Best Long-Term Equity Fund – รางวัลกองทุน LTF
Best Fund House - Domestic Fixed-Income – รางวัลนี้รู้จักกันวงการว่า “ถ้วยแดง” เป็น บลจ. ที่ดีที่สุดด้านตราสารหนี้ในประเทศ เปรียบรางวัลออสการ์เป็นรางวัลที่นักแสดงหวังใจฉันท์ใด รางวัล “ถ้วยแดง” ก็เป็นรางวัลที่ผู้จัดการกองทุนหมายปองฉันท์นั้น
ความภาคภูมิใจปีนี้คือการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนปีก่อนหน้า และย้อนหลังไปสามปี และห้าปี โดยวิธีวัดเข้มข้นมากเรียก Risk Adjusted Return คือผลตอบแทนที่หักด้วยความเสี่ยงเพื่อวัดความสม่ำเสมอ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
ซึ่งการได้รับหลายรางวัลครั้งนี้สะท้อนถึงปรัชญาและกระบวนการลงทุนของ บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล แง่หุ้น ผู้จัดการกองทุนทุกคนจะทำงานเป็นนักวิเคราะห์ไปในตัว โดย 1 คนจะ cover หุ้นประมาณ 15-20 ตัวและทั้งทีมจะมีการทำ company visit สม่ำเสมอ โดยเฉลี่ย คุณจุมพลเล่าว่าทีมทำ company visit ร่วม 200 ครั้งทีเดียว
จากนั้น ผู้จัดการกองทุนแต่ละคนจะเขียนบทวิเคราะห์กันเอง โดยมีแชร์ไฟล์ที่เขียนไปในกลุ่มผู้จัดการกองทุนของ บลจ. ที่ประจำการที่ประเทศอื่นๆ เพื่อให้ช่วยกันมองในฐานะที่เป็นมุมมองต่างประเทศ จะทำให้ได้มุมมองที่หลากหลายและรอบด้าน ทำจนตกผลึก
และเมื่อลงทุน ทีมบริหารจะดูที่หุ้นรายตัว วิเคราะห์มูลค่า มากกว่าที่จะดูดัชนี ในพอร์ตจะมีหุ้น active share ประมาณ 75% หมายความว่าน้ำหนักของหุ้นในพอร์ตเราจะแตกต่างจากน้ำหนักของหุ้นในดัชนีค่อนข้างมาก นี่คือกระบวนการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตของทีมบริหาร
แง่ตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์ตราสารด้วยตัวเอง ใช้ข้อมูลจากสถาบันจัดอันดับเครดิตเรทติ้งมาเป็นองค์ประกอบ นั่นคือขั้นแรก ถัดมา ดูความเสี่ยง มีการทำ Internal Credit Scoring โดยผู้จัดการกองทุนร่วมกับผู้จัดการด้านความเสี่ยง นั่งทำงานด้วยกันในบรรยากาศแบบโต้เถียงกันได้เพื่อใส่มุมมองความเสี่ยง
กระบวนการลงทุนที่เป็นระบบเช่นนี้เป็นความเชื่ออย่างหนักแน่นของทีมบริหารว่าระยะยาวจะเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกเหนือจากกองทุนหุ้นและตราสารหนี้ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลยังประสบความสำเร็จในธุรกิจอื่น คือ การได้รับรางวัลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่นจาก Morning Star เช่นกัน นั่นคือ กองทุนสมดุลตามอายุ หรือ Target Date Fund ผู้บริหารมองว่าปัจจัยความสำเร็จที่ได้รับรางวัลนี้คือ วิธีการคิดรูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการ โดยตั้งต้นก่อนว่า โลกทุกวันนี้ คนต้องการความ “ง่าย” เพื่อตอบโจทย์วิธีชีวิต
กองทุนสมดุลตามอายุนี้จะจัดพอร์ตมาให้เรียบร้อย โดยสมาชิกหรือลูกจางของบริษัทเลือกแผนการลงทุน เลือกปีที่ตนเองจะเกษียณอายุ จากนั้นผู้จัดการกองทุนจะจัดกลุ่มความเสี่ยงและผลตอบแทนของตราสารให้ โดยเป้าหมายคือการเกษียณสุข อายุน้อยก็จะมีกลุ่มตราสารเสี่ยงเยอะหน่อยเช่นหุ้นขณะเดียวกันต้องสร้างผลตอบแทนที่สูงด้วย เป็นต้น
ส่วนด้านการบริการ เรามีบริการ Consultative Model คือออกไปพบ คณะกรรมการกองทุนของบริษัทต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลกองทุนสมดุลตามอายุ อธิบายถึงจุดเด่น และการติดตามผลให้กับพนักงาน
ทั้งหมดที่ผู้บริหารเล่ามาสะท้อนชัดถึงการทำงานอย่างหนักของผู้จัดการกองทุน และความมุ่งมั่นตั้งใจบริหารจัดการกองทุนให้ดีต่อเนื่อง ผู้บริหารพูดถึงจุดยืนว่า บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไม่ได้จะเป็นเพียงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเพียงอย่างเดียว แต่ positioning เป็น Retirement Service อีกหน้าที่หนึ่งด้วย สิ่งเหล่านี้คือ DNA ฝังอยู่ในทีมบริหารทุกคนเพราะเป้าหมายคือการจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอให้กับนักลงทุนแบบมีประสิทธิภาพนั่นเอง
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลได้ที่ 0 2686 9595
แสดงเพิ่ม