Wagyu, Matsusaka, Kobe or Ohmi? นุ่มอร่อยลิ้น

Wagyu, Matsusaka, Kobe or Ohmi? นุ่มอร่อยลิ้น

Wagyu, Matsusaka, Kobe or Ohmi? นุ่มอร่อยลิ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณผู้อ่านคงเคยได้ยินชื่อเนื้อวัวภาษาญี่ปุ่นอย่างวากิว โกเบ หรือมัตสึซากะ ซึ่งไม่รู้ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร รู้อย่างเดียวว่า "แพงมาก"

เริ่มจากคำที่ได้ยินบ่อยที่สุด วากิว (Wagyu) คำว่า "Wa" หมายถึง "ญี่ปุ่น" ส่วน "Gyu" หมายถึง "วัว" ดังนั้น "วากิว" คือ "วัวที่มาจากญี่ปุ่น" ซึ่งหมายรวมถึงเนื้อมัตสึซากะ(Matsusaka) เนื้อโกเบ (Kobe) และเนื้อโอมิ (Ohmi) นับเป็น "Japan Top Three Wagyu" และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะคุณภาพของเนื้อที่มีไขมันคุณภาพแทรกอยู่ในปริมาณมาก ไขมันนี้เรียกว่า "มาร์บลิง" (Marbling) ทำให้เนื้อนุ่ม หวานฉ่ำ ละลายในปากไม่ต้องเคี้ยวนาน ยิ่งมีมาร์บลิงมาก เนื้อวัวก็จะแพงขึ้น

เนื้อวัวที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปนั้นก็เพราะเลี้ยงอยู่คนละเมือง ส่วนวิธีการเลี้ยงดูก็แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ทั้งหมดมาจากวัวสายพันธุ์ "ทาจิมะ" เนื้อวัวโกเบที่มาจากเมืองโกเบเป็นวัวที่เลี้ยงแบบพื้นบ้านด้วยข้าว ข้าวโพด และน้ำสะอาดบริสุทธิ์ เนื้อจึงนุ่มอร่อยอันดับต้นๆ ของโลก จนได้รับการยกย่องให้เป็น "ราชินีแห่งเนื้อ" ส่วนเนื้อมัตสึซากะเลี้ยงในเมืองมัตสึซากะได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งเนื้อ" เพราะเมื่อเอามือไปสัมผัสมาร์บลิงก็แทบจะละลายแล้ว

ส่วนเนื้อโอมิที่ติดอันดับทอปทรีด้วยนั้นไม่ธรรมดา เพราะเลี้ยงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ในสมัยเอโดะหมอใช้เนื้อชนิดนี้หมักมิโซะเพื่อเป็นโอสถถวายแด่โชกุนเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเนื้อคาโกชิมา (Kagoshima) จากวัวสายพันธุ์ทาจิริที่เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ดี วัวได้กินมันเทศและกากเหล้าโชจู เนื้อคาโกชิมาจึงนุ่ม ละเอียด และมีชั้นมาร์บลิงแทรกอยู่ในเนื้อมาก

เนื้อนุ่มพิเศษแบบนี้มีขั้นตอนการเลี้ยงดูที่ไม่ธรรมดา เริ่มจากคัดลูกวัวจากหุบเขาทาจิมะ เชื่อกันว่าเป็นหุบเขาที่เทพเจ้าประทานวัวให้ชาวญี่ปุ่นเลี้ยงดู จนกลายเป็นวัวพันธุ์ดีสืบทอดกันมาจนปัจจุบัน โดยเลือกเฉพาะวัวเพศเมียนำมาเลี้ยงในพื้นที่แคบๆ เพื่อไม่ให้เดินหรือออกกำลังกายมาก จึงทำให้เนื้อวัวไม่เหนียว และยังกินอาหารที่อุดมสมบูรณ์ โดยเน้นพวกธัญพืชเพื่อให้อ้วนเร็ว ที่สำคัญคือจะให้วัวดื่มเบียร์เพื่อช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารขึ้นและลดความเครียดของวัวที่ต้องอยู่ในพื้นที่แคบๆ ตลอดเวลา เมื่อถูกเลี้ยงมาดุจไข่ในหินแบบนี้ เนื้อที่ได้จึงมีไขมันเป็นเส้นลายตาข่ายสีขาวกระจายไปทั่ว ไขมันนี้แหละทำให้นุ่มและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เช่น โอเมกา 3 และกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่าเนื้อวัวประเภทอื่นๆ ราคาเนื้อวัวสุดหรูเหล่านี้จึงมีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละหมื่นกว่าบาทถึงสองหมื่นเลยทีเดียว ร้านอาหารจึงเสิร์ฟเป็นเทปันยากิหรือย่างบนกระทะแบนของญี่ปุ่น กินโดยไม่ต้องพึ่งซอสใดๆ อาจจะจิ้มกับดอกเกลือคุณภาพดีเพื่อเพิ่มรสเล็กน้อย หรือแล่บางๆ แล้วเสิร์ฟสไตล์ชาบุ ชาบุ ก็ได้

อัพเดตเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวสนุกๆ มากมายได้ที่ http://travel.sanook.com/

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook