10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนุกของเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2555

10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนุกของเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2555

10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนุกของเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2555
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับ วันเสาร์ที่สองเดือนมกราคม เป็นประจำทุกปี สำหรับ วันเด็กแห่งชาติปี 2555 นี้ ตรงกับ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 โดยมี คำขวัญวันเด็กปี 2555 จาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยว่า "สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" แน่นอนว่าวันนี้เป็นวันสำคัญและวันสนุกของเด็กๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอย หลายหนาวยงานทั้งภาครัฐและอกชน จึงได้เตรียมเปิดพื้นที่ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในวันเด็กแห่งชาติ เอาใจน้องๆ หนูๆ กันแล้ว งานนี้ สนุก! ท่องเที่ยว จึงได้คัดสรรสถานทีท่องเที่ยวสำหรับเด็กๆ มาฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ตั้งใจจะพาเจ้าตัวน้อยออกไปเที่ยวกันครับ


1.พิพิธภัณฑ์เรือพระที่นั่ง


กระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคในลำน้ำเจ้าพระยาที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกแต่ละครั้งแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย ที่มีวิถีชีวิตอันผูกพันกับสายน้ำและฝีมือในการสร้างเรือที่วิจิตรงดงาม ตลอดจนศิลปะแห่งการพายเรือที่อาศัยจังหวะและบทขับเห่ หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เรือหลวงล้วนถูกทำลายไปหมดสิ้น มาสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือขึ้นใหม่เพื่อใช้ในการรบ ครั้นในสมัยรัตนโกสิทร์ ร.1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือพระที่นั่งและเรือประกอบขบวนขึ้นอีกทั้งหมดรวม 67 ลำด้วยกัน และในรัชกาลต่อ ๆ มาได้มีการสร้างขึ้นทดแทนยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เรือทั้งหวดถูกเก็บไว้ในโรงบเรือพระราชพิธีของกองทัพเรือ ซึ่งต่อมาคือพิพิธภัณฑ์ฯ เรือพระราชพิธีแห่งนี้ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือพระที่นั่ง จำนวน 8 ลำ อาทิ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ร.9 เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชฯลฯ พร้อมเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในกระบวนเรือพระราชทาน

โทรศัพท์: 02 466 3167, 02 465 7742, 02 462 3762

รถโดยสารประจำทาง: 19, 57,79,80,81,91,123,124,127,147, 149, ปอ. 509, ปอ.511

เวลาทำการ: ทุกวัน 09.00-17.00 น.

ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 20 บาท

 

2. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)


สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังสวนจตุจักร มีอาณาเขตกว้างขวางถึง 375 ไร่ เป็นสวนที่เหมาะสำหรับทำกิจกรรมแบบครอบครัว ไม่ส่าจะเป็นการออกกำลังกาย เช่น เล่นฟุตบอล าสเก็ตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ พายเรือคายัค และเต้นแอโรบิค รวมทั้งยังมีกิจกรรมสันทนาการต่างๆๆ ให้ทำอีกมากมาย อาทิ ดูนก ปั่นจักรยานชมสวนบนเส้นทางจักรยานยาว 3.2 กิโลเมตร ภายในสวนยังมีการจำลองถนนในกรุงเทพฯ ให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเรียนรู้กฎจราจรขณะขี่จักรยานอีกด้วย และจุดเด่นของสวนแห่งนี้คือมีน้ำพุสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งสูงถึง 72 เมตร สวนรถไฟเปิดให้ประชนทั่วไปใช้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 น. - 21.00 น.

 

3. หอเกียรติภูมิรถไฟไทย


ตั้งอยู่ด้านเหนือของสวนจตุจักรใกล้บริเวณลานจอดรถอเนกประสงค์ประตู 2 ถ.กำแพงเพชร 3 เป็นอาคารเก่าแก่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บขบวนรถไฟพระที่ทั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ หัว ร.7 และหัวรถจักรประวัติศาสตร์บางคัน ต่อมาได้ถูกปิดไประยะหนึ่ง ภายหลังได้รับการปรับปรุงอละเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อปีพ.ศ. 2533 เป็นสถานที่รวบรวมและให้ความรู้เกี่ยวกับรถไฟ มีการจัดแสดงรถจักรไอน้ำ รถจักรจำลอง ขบวนรถไฟเล็กขนาดต่างๆ ภาพถ่ายและภาพวาดเกี่ยวกับเกียรติภูมิของการรถไฟโลกรวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจ ต่างๆ อีกมากมาย หอเกียรติภูมิรถไฟไทยเปิดให้เข้าชมเฉพาะวัน เสาร์-อาทิตย์ 07.00 - 12.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม

 

4.ดรีมเวิลด์


สวนสนุกที่มีสิ่งก่อสร้างจำลองดินแดนเทพนิยาย และเครื่องเล่นต่างๆ อาทิ เช่น รถไฟเหินเวหา ไวกิ้งส์ รถโกคาร์ท เรือบั๊ม เฮอริเคน ปลาหมึกยักษ์ พรมวิเศษ เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับลีลาการโยกย้ายส่ายสะโพก ของนักแสดงสาวสวยบนขบวนรถฮาวาย และชมการเต้นแท้งโก้สุดมันส์กับขบวนรถเม็กซิโก ประทับใจกับลีลาการท้าดวล กระทิงยักษ์ของมาธาดอร์จอมลวดลายจากสเปน และความยิ่งใหญ่อีกหลากหลายขบวน ที่จะมาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เวลาเปิด - ปิด:  จันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม: เด็ก 120 บาท ผู้ใหญ่ 150 บาท
บัตรรวมเครื่องเล่น 365 บาท เล่นได้ 25 เครื่องเล่น
บัตรดรีมเวิลด์วีซ่า 395 บาท เล่นได้ 25 เครื่องเล่น ไม่จำกัดรอบ
หรือ www.dreamworld-th.com

5. พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน


บ้านเรือนไทยตามสถาปัตยกรรมไทยภาคกลาง ตั้งตร่ะหง่านท่ามกลางหมู่ไม้ที่ร่มรื่น ด้วยความงามทางธรรมชาติที่น่าอภิรมย์แบบวิถีไทยสะท้อนรสนิยมของผู้เป็นเจ้า ของ นายจิมเดินทางมายังประเทศไทยครั้งแรกในฐานะทหารอาสาของกองทัพสหรัฐอเมริกา และย้ายมาประจำการในประเทศไทย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามยุติเขาได้เดินทางกลับประเทศของตนและตัดสินใจกลับมาอยู่ในประเทศ ไทยเป็นการถาวรเขาได้เริ่มดำเนินธุรกิจการค้าผ้าไหมไทยในช่วงปี พ.ศ. 2502 - 2510 ได้ซื้อบ้านเรือนไทยภาคกลาง 6 หลัง จากจังหวัดอยุธยามาปลูกบริเวณริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร ตัวบ้านแบ่งเป็น 2 ชั้น ตกแต่งภายในด้วยศิลปวัตถุโบราณแบบวัฒนธรรมเอเชีย บริเวณชั้นล่างของเรือนจัดแสดงเครื่องเบญจรงค์ เครื่องเคลือบดินเผา รวมถึงภาพเขียนของช่างไทยสมัย 2403 นายจิม ทอมป์สัน เป็นชาวต่างชาติที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศิลปะผ้าไทย ซึ่งมิใช่เป็นเพียงธุรกิจการค้า แต่แฝงด้วยคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้จากการสะสมเมื่อคราวท่องเที่ยวไปในพื้นที่ชนบท และต่อมาได้ส่งเสริมให้ชาวไทยเชื้อสายมุสลิม "บ้านครัว" ที่ตั้งถิ่นฐานเดิมบริเวณริมคลองแสนแสบ ในการผลิตและออกแบบผ้าไหมไทย โดยเขาได้เข้าไปส่งเสริมการผลิต เช่น การนำวัตถุดิบหรือเส้นไหมไปให้ ส่งเสริมการขายโดยการรับซื้อผ้าทอจากชาวบ้านครัวและส่งขายภายใต้ยี่ห้อจิม ทอมป์สัน ต่อมานายจิม ได้เดินทางไปประเทศมาลเซียและหายสาบสูญไป ปัจจุบันลูกหลานของนายจิม ซึงสืบทอดกิจการมิได้รับซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยจากชาวบ้านครัวแล้ว แต่ที่ยังคงอยู่และสืบทอดความมุ่งมั่น สืบสานศิลปวัฒนธรรมด้านหัตถกรรมไทยและตะวันตกอย่างกลมกลืน

6.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) หรือ NSM (National Science Museum)


ตื่นตากับตัวอาคารลูกบาศก์ 3 ลูก เกาะเกี่ยวกันอย่างสวยงาม เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการให้ผู้ชมเข้าถึงสาระทางวิทยาศาสต์และเทคโนโลยีง่ายแบบง่ายๆ สนุกสนาน พร้อมทดลอง สัมผัส และค้นหาคำตอบจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง

เปิดให้บริการ วันอังคาร - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 16.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 17.00 น. (หยุดวันจันทร์)

โทร. 0-2577-9999 หรือ www.nsm.or.th

7. นิทรรศน์รัตนโกสินทร์


ไล่เรียงนับวันเวลาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีมาจนถึงวันนี้ กรุงรัตนโกสินทร์ของพวกเราทุกคนก็มีอายุยาวนานกว่า 2 ศตวรรษแล้ว ทว่าในช่วงเวลาหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านไปนั้น เรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นอาจสูญหายไปตามกาลเวลา บางเรื่องราวอาจถูกเลือนไปกับบรรพบุรุษในอดีต... แต่เชื่อมั๊ยว่าคุณพ่อคูณแม่สามารถพาลูกๆ มาเดินเที่ยวในอาคารการเรียนรู้แบบใหม่ภายใต้ชื่อ ‘นิทรรศน์รัตนโกสินทร์' คุณ ค่าแห่งยุคสมัย สัมผัสได้ใน 1 วัน ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนได้พาตัวเองย้อนกลับไปสู่สมัยนั้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาคารหอนิทรรศนรัตนโกสินทร์แห่งนี้ นับเป็นศูนย์การเรียนรู้ข้อมูลและแหล่งรวบรวมความรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมของกรุงรัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทย อีกทั้งยังใช้เทคนิคสื่อผสมเสมือนจริงนำมาประยุกต์ใช้ในการนำเสนอเป็นครั้งแรกในเมืองไทยด้วย


8. พระที่นั่งอนันตสมาคม


พาลูกเดินทางไปดเที่ยวไม่ยากเลยกับสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมืองหลวง สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนเรอเนสซองส์ ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนซึ่งสั่งมาจากประเทศอิตาลี องค์พระที่นั่งเป็นอาคารหินอ่อนสองชั้น มีโดมสูงใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีโดมเล็ก ๆ โดยรอบอีก 6 โดม ชั้นบนเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ แบ่งเป็นท้องพระโรงหน้าและท้องพระโรงหลัง บนเพดานโดมของพระที่นั่ง มีภาพเขียนสีปูนเปียกขนาดใหญ่ที่สวยงามจำนวน 6 ภาพ แสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 6 โดยฝีมือเขียนภาพของศาสตราจารย์แกลิเลโอ คินี และนาย ซี.ริกุลี ส่วนประตูทางเข้าชมนั้นจะอยู่ด้านหลัง ซึ่งจะเข้าได้จากทางถนนอู่ทองใน ตรงข้ามเขาดิน หรือทางถนนราชวิถี คือเข้าผ่านทางพระที่นั่งวิมานเมฆแล้วเดินชมพระที่นั่งอื่นมาเรื่อย ๆ แต่ถ้ามีเวลาไม่มากและต้องการชมพระที่นั่งอนันฯ อย่างเดียว แนะนำให้เข้าประตูทางฝั่งถนนอู่ทองใน (ที่เขียนว่า พระที่นั่งอภิเศกดุสิต)
พระที่นั่งอนันตสมาคม เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน ปิดวันจันทร์ วันหยุดเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร. 0 2628 6300-9 หรือ www.vimanmek.com


9. พระที่นั่งวิมานเมฆ


อยู่ใกล้ๆ กับ พระที่นั่งอนันตสมาคม  เดินไปแค่นิดเดียว เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประณีตและได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวัน ตก องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัวแอลในภาษาอังกฤษ คือสร้างเป็นรูปสองแฉกตั้งฉากกัน แต่ละด้านยาว 60 เมตร สูง 20 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้นเฉพาะที่ประทับซึ่งเรียกว่า "แปดเหลี่ยม" มี 4 ชั้น ชั้นล่างสุดก่ออิฐถือปูน ชั้นถัดขึ้นไปสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมด มีห้องจัดแสดงรวมทั้งสิ้น 31 ห้อง การจัดแสดงบางห้องยังคงลักษณะบรรยากาศในอดีตไว้ เช่น หมู่ห้องพระบรรทม ท้องพระโรงและห้องสรง เป็นต้น บางห้องจัดแสดงศิลปวัตถุแยกตามประเภทเช่น ห้องจัดแสดงเครื่องเงิน ห้องจัดแสดงเครื่องกระเบื้องลายคราม ห้องจัดแสดงเครื่องแก้วเจียระไน และห้องจัดแสดงเครื่องงา เป็นต้น 
พระที่นั่งวิมานเมฆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักชัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. อัตราค่าเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆ คนไทยผู้ใหญ่ 75 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2628- 6300-9 หรือ www.vimanmek.com


10. สวนสตว์ดุสิต


สถานที่ท่องเที่ยวที่โดนใจเด็กๆ มาทุกยุคทุกสมัย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ภายในบริเวณพระราชวังดุสิต เป็นสวนพฤกษชาติส่วนพระองค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 8 ได้ทรงให้ทางเทศบาลกรุงเทพฯ จัดสร้างให้เป็นสวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทุกระดับชั้น และมีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ตลอดมา  เขาดิน เป็นสวนสัตว์ใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่ 118 ไร่ มีสัตว์ป่าราว ๆ 2,000 ตัว ทั้งที่หายากและเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว มีต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่สวยงาม เหมาะเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์สำหรับนักเรียน นักศึกษา และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป หลังจากที่ได้เดินแวะชมสัตว์ต่าง ๆ หลากหลายแล้ว บริเวณอื่น ๆ ในเขาดินจะมีบึงน้ำขนาดใหญ่ มีเรือถีบที่เรียกว่า จักรยานนาวาให้เช่าถีบกันอย่างสนุกสนาน อีกจุดที่น่าเข้าไปชม นั่นคือ หลุมหลบภัยสาธารณะ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในโปรแกรม Unseen in Thailand ก็ลองแวะเยี่ยมชมกันดูได้
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00-18.00 น
อัตราค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ - 70 บาท ปวส. , นักศึกษา - 30 บาท ครู ทหาร ตำรวจ (ในเครื่องแบบ) - 30 บาท ปวช. , นักเรียน , เด็ก - 10 บาท พาหนะ - 60 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2281 2000, 0 2282 9245 หรือ www.dusitzoo.org

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย www.tatcontactcenter.com, www.bangkoktourist.com,www.vimanmek.com และ www.dusitzoo.org

 

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ 10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนุกของเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook