ปู๊น ปู๊น...นั่งรถไฟเที่ยวเมือง 2 สมุทร ในวันหยุดของสัปดาห์

ปู๊น ปู๊น...นั่งรถไฟเที่ยวเมือง 2 สมุทร ในวันหยุดของสัปดาห์

ปู๊น ปู๊น...นั่งรถไฟเที่ยวเมือง 2 สมุทร ในวันหยุดของสัปดาห์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ช่วงนี้กระแสรถไฟฟ้ากำลังมาแรงแซงทางโค้ง ทั้งคนที่ไม่เคยขึ้นและคนที่เคยขึ้นแล้ว ต่างก็อยากไปสัมผัสกับบรรยากาศการขึ้นรถไฟฟ้าเผื่อจะเจอเนื้อคู่สุดหล่อแบบพี่เคน...555

     วันนี้เราก็จะได้ขึ้นรถไฟเหมือนกัน...เย้ เย้ แต่เป็นรถไฟไทย(@_@) และไม่ใช่การขึ้นแบบธรรมดา แต่จะเป็นการขึ้นรถไฟไปเที่ยวเมือง 2 สมุทร คือ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร

     ตื่นเต้น ตื่นเต้น! ตั้งแต่ยังไม่ถึงจุดนัดพบ ซึ่งเริ่มด้วยจากการขึ้นรถแท็กซี่จากสถานีรถไฟฟ้าพญาไท เพื่อไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ เมื่อก้าวขึ้นรถแท็กซี่ก็ต้องตกใจกับหน้าตาคนขับที่ดูโหดมาก ในใจนั่งคิดว่าจะถึงที่หมายมั้ยเนี่ย แต่แล้วก็สามารถมาที่ศุนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์โดยปลอดภัย...เฮ้อ!

     เมื่อลงจากรถก็เจออุปสรรคมาขวางกั้นอีกแล้ว เพราะประตูมันมีเยอะเหลือเกิน จะเดินไปทางประตูไหนเนี่ย จากนั้นเลยโทรศัพท์ให้พี่ที่ทำการนัดหมายออกมารับ มิเช่นนั้นคงจะหลงทางอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาออกเดินทางก็ขึ้นไปนั่งบนรถโค้ชสีแดง ที่จะพาไปขึ้นรถไฟที่ท่าฉลอมจังหวัดสมุทรสาคร

     แต่ก่อนที่จะไปขึ้นรถไฟ ได้มาแวะสักการะหลวงปู่แก้ว ที่วัดช่องลม ซึ่งภายในวัดมีบรรยากาศที่ร่มรื่น มีสนามหญ้า และต้นไม้มากมาย เมื่อเข้าไปในโบสถ์ที่เป็นที่ตั้งศพ(ไม่เน่าไม่เปื่อย)อยู่ในโลงทองคำ ก็จะสังเกตุเห็นผนังโบสถ์เป็นสีขาว เกิดจากมูลนกนางแอ่น ที่มาอาศัยอยู่ในโบสถ์ ทำให้มองเป็นศิลปะที่สวยงามซึ่งเกิดจากการสร้างสรรค์ของนกได้อีกแบบ และเมื่อเดินออกมาแถวบริเวณวัด จะมีอนุสรณ์ของเสด็จพ่อ ร.5 ตั้งอยู่ให้เราได้สักการะ

    

 

    

     เมื่อเดินข้ามมาอีกฝั่งของวัดช่องลม ก็จะเป็นอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม ภายในจะมีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่และสวยงามมาก บริเวณอุทยานก็จะเป็นบรรยากาศแบบคนจีน เต็มไปด้วยโคมไฟที่ห้อยลงมาจากหลังคาข้างบนและตามบริเวณทางเดิน

    

 

    

    

     หลังจากนั้นก็ได้เวลาขึ้นรถไฟแล้ว รถไฟขบวนนี้จะมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ระหว่างการนั่งรถไฟสองข้างทางก็เต็มไปด้วยธรรมชาติของพรรณไม้ต่างๆ และบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ทำให้เหมือนเราอยู่ในสมัยโบราณเลยทีเดียว

 

    

     เมื่อเข้าสู่เขตสถานีรถไฟแม่กลอง จะต้องผ่านตลาดร่มหุบ ซึ่งเป็นตลาดที่ตั้งขายอยู่ริมรางรถไฟ เมื่อรถไฟมาทุกร้านค้าจะต้องรีบเก็บของและหุบร่มขายของเพื่อให้รถไฟผ่าน ถ้านั่งบนรถไฟจะมองไม่เห็นภาพ แต่เมื่อเราลงไปอยู่ในตัวตลาดจะเห็นภาพนี้ได้อย่างชัดเจน พร้อมกับบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น และลุ้นให้แม่ค้ารีบเก็บของได้ทันก่อนที่รถไฟจะมา

    

     เมื่อครั้งที่ไปตอนแรกไม่รู้นึกว่าเป็นรางรถไฟที่ไม่มีรถไฟผ่าน ก็เดินซื้อของทะเลกันอย่างเพลิดเพลินใจขณะที่กำลังซื้อรู้สึกว่าแม่ค้าจะรีบขายของให้เราแล้วบอกว่ารถไฟมา แค่นั้นแหละจากที่กำลังจะซื้อของกลายเป็นวิ่งหนีรถไฟเข้าไปหลบอยู่หลังร้าน ตกใจมากเพราะไม่รู้ว่าจะมีรถไฟผ่าน แต่เมื่อมองหน้าแม่ค้าที่ายของแล้วเค้านิ่งมาก สงสัยคงชินกับบรรยากาศนี้ไปแล้ว

     ซึ่งมารู้ทีหลังว่าตลาดนี้เรียกว่าตลาดร่มหุบ เมื่อรถไฟมาแม่ค้าก็จะเลื่อนของเข้าไปข้างหลัง เมื่อรถไฟผ่านไปแล้วก็เลื่อนของออกมาขายตามเดิม ซึ่งถ้าใครไปครั้งแรกก็คงจะตื่นเต้นเหมือนๆกัน เพราะกลัวรถไฟทับ...555

     ขณะที่นั่งรถไฟผ่านตลาดร่มหุบนี้จมูกของเราจะทำหน้าที่รับกลิ่นได้ดีมาก ทั้งกลิ่นของทะเล ของดอง ทุกกลิ่นมารวมตัวกันได้เป็นอย่างดี เราก็รับกลิ่นเข้ามาเต็มปอด...ชื่นใจ เลยทีเดียว และแล้วก็มาถึงสถานีรถไฟแม่กลองซึ่งเป็นเวลาเที่ยงพอดี เป็นเวลาที่เรารอคอยมานานจากการนั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า

     อาหารในมื้อนี้เป็นการรวบรวมครอบครัวเมนูที่ทำจากปลาทู ทั้งตับปลาตูผัดขิง ห่อหมกปลาทู และอีกมากมายที่ไม่รู้จัก แต่ขอบอกว่าอร่อยทุกอย่าง...ว้าว เมื่อพักกลางวันเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยังตลาดน้ำบางน้อย โดยรถโค้ชคันเดิม

     บรรยากาศของตลาดน้ำบางน้อยก็จะคล้ายๆกับตลาดน้ำอัมพวา แต่ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนไม่เยอะเท่าอัมพวา ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ร่มรื่นน่าเดินมาก ก๋วยเตี๋ยวหลอดของตลาดน้ำบางน้อยนี้อร่อยมาก แค่ 10 บาทเอง แถมกินในกระทงใบตองด้วย ทำให้น่ากินมากๆ เมื่อเดินชมทั่วตลาดแล้วก็ถึงเวลาลงเรือ เพื่อไปยังวัดบางกุ้ง ขณะที่นั่งอยู่บนเรือ ก็ชมวิวข้างทางทำให้อยากมีบ้านอยู่ริมน้ำเลยทีเดียว

     เมื่อมาถึงวัดบางกุ้ง ก็จะมีกรงสัตว์มากมาย ทั้งลิง ชะนี ห่าน นกยูง เต่าหกขา แต่ที่ชอบมากที่สุดคือ แพะ ที่ทางวัดล่ามเชือกไว้ไม่ได้ขังกรง น่ารักมาก แต่ไม่กล้าเข้าใกล้กลัวโดนกัด เมื่อชมสัตว์แล้วก็เดินมายัง โบสถ์ที่อยู่ภายในต้นโพธิ์ เดินมาถึงก็มองหาโบสถ์ว่าโบสถ์อยู่ไหน มีแต่ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ต้นโพธิ์จึงมองเห็นโบสถ์ ที่เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สวยงามมาก เพราะถูกปกคลุมไปด้วยต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นทอง แต่ก็ไม่รู้ว่าต้นไหนคือต้นอะไรเหมือนกัน...อิอิ

     เมื่อสักการะหลวงพ่อนิลมณีแล้ว เดินออกมาทางข้างๆโบสถ์จะมีรูปปั้นที่แสดงศิลปะการต่อสู้ ทั้งมวย และดาบ ถ้ามาตอนกลางคืนคงน่ากลัวมาก นึกว่าเป็นคนจริงๆ แน่ และแล้วก็สิ้นสุดเส้นทางที่นี่...เฮ้อ

     หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยรถโค้ชสีแดงคันเดิม ภายในวันเดียวเที่ยวคุ้มเลย ทั้งนั่งรถ นั่งรถไฟ นั่งเรือ แถมได้เที่ยวถึง 2 จังหวัดเลยที่เดียว ได้เที่ยวไปในอีกบรรยากาศนึง ได้สูดบรรยากาศธรรมชาติอย่างแท้จริง ก่อนที่จะกลับไปสูดกลิ่นควันในเมืองที่แออัดด้วยคนและรถ

......................................................................................................................

สนใจท่องเที่ยว "นั่งรถไฟ 2 จังหวัดสู่วิถีตลาดน้ำ เสน่ห์ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง"
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 1672

ขอขอบคุณ
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
- 5 สมาคมท่องเที่ยวมืออาชีพ
- การรถไฟแห่งประเทศไทย 

 

story / photo : กนิษฐา  กิ่งกังวาลย์ 


     

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook