นครธม
มหานครแห่งปราสาท
โดย ผู้จัดการออนไลน์
3 พฤศจิกายน 2547
ซุ้มประตูเมืองนครธมมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วย
รูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
4 ด้าน |
พระเจ้าชัยวรมันที่
7
หากเอ่ยถึงชื่อนี้ ผู้จัดการท่องเที่ยวเชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย
แม้ว่าจะไม่เคย
เรียนเรื่องราวของประวัติศาสตร์ขอมมาก็ตามที
พระเจ้าพระเจ้าชัยวรมันที่
7 (พ.ศ. 1724-1762)
นับเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งอาณาจักร
พระนคร (พ.ศ.1333-1974)
และถือเป็นมหาบุรุษที่คนเขมรนับจากอดีตถึงปัจจุบันให้ความเคารพยกย่องมากที่สุด
เรื่องนี้สูน เพียบไกด์ชาวเขมรที่พาเราทัวร์เสียมเรียบยืนยันมาจากปากของเขาเอง
พูดถึงอดีตอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าพระเจ้าชัยวรมันที่
7นั้นมีมากมายหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านการรบ
การปกครอง
การพัฒนาประเทศ
แต่สิ่งที่ชาวโลกยกย่องเป็นพิเศษเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และความน่าทึ่งของกษัตริย์องค์นี้ก็คือ
การสร้าง นครธม หรือ
Angkor Thom (ธมแปลว่าใหญ่)
เมืองหลวงแห่งอาณาจักรพระนคร
ซึ่งถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรขอม
เพราะหลังจากหมดยุคพระเจ้าชัยวรมันที่
7อาณาจักรพระนครก็เสื่อมลงตามลำดับ
และด้วยความที่นครธมสร้างหลังเกิดอาณาจักรพระนครมาได้
300 ปี
และเป็นการสร้างเมืองใหม่ขึ้นทับเขตเมืองเก่า
คือ ยโศธรปุระจึงทำให้มีปราสาทขอมทั้งในยุคนครธมและยุคก่อนนครธมกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
และปราสาทเหล่านั้นก็เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญในนครธม
ที่ในแต่ละวันอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ |
สำหรับการเดินทางเข้าสู่นครธมนั้น
อย่าละเลยการหยุดดูรวมถึงหยุดถ่ายรูปกับสะพานหินที่ทอดยาว
ผ่านคูน้ำเข้าสู่กำแพงและซุ้มประตูเมืองนครธม
ที่บนราวสะพานทั้ง 2 ฝั่ง
สร้างเป็นเรื่องราวของการกวนเกษียรสมุทรระหว่างเทวดากับอสูร
ซึ่งทั้ง 2
ฝ่ายต่างก็ดึงยุคนาคกันข้างละ
54 องค์และตน
ส่วนจะดูว่าฝั่งไหนเป็นเทวดาหรือฝั่งไหนเป็นอสูร
ก็ดูง่ายที่หน้าตา
ฝั่งไหนหน้าตายิ้มแย้มก็คือเทวดา
ส่วนฝั่งไหนหน้าตาดูดันบึ้งตึงก็เป็นอสูร
พูดถึงเรื่องราวระหว่างเทวดากับอสูรนี้
หากมองเผินๆ
เทวดาอาจเปรียบดังพระเอกที่ดูดีแถมหน้าตาดี
ส่วนอสูรก็เป็นผู้ร้ายที่โหดเหี้ยมหน้าตาดูร้าย
ซึ่งหากใครทราบถึงเรื่องราวของการกวนเกษียรสมุทรแล้วละก็จะรู้ว่า
เทวดานั้นแสบและขี้โกงกว่าอสูรเป็นไหนๆ
แต่ถึงกระนั้นก็พยายามรักษาภาพลักษณ์ไว้ว่าเป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งความดี
คล้ายๆกับหนักการเมืองบ้านเราบางคนที่สร้างภาพเป็นคนดูดี
มีการศึกษา
แต่จริงๆแล้วเป็นพวกมือถือสากปากคาบคัมภีร์เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น
(เรื่องการกวนเกษียรสมุทรผู้จัดการท่องเที่ยว
จะขอยกไปเล่าตอนที่เดินดูภาพสลักผนังในนครวัด)
|
แม้ว่าชานชาลาปราสาทบาปวนจะค่อนข้างยาว
แต่ว่าก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยนิยมขึ้นไปเดินทอดน่องบนนั้น |
เอาหละ!?!
เมื่อผ่านสะพานเข้าสู่ประตูเมือง
ก็อย่าลืมแหงนหน้าดูด้านบนของซุ้มประต
ูที่สร้างเป็นรูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
4 ด้าน (บางคนว่านี่คือพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่
7)
ครั้นพอผ่านซุ้มประตูเข้าสู่นครธมก็จะเห็นปราสาทและสถาปัตยกรรมขอมอยู่ทั่วไป
ซึ่งใครใคร่เดินชมสถาปัตยกรรมชิ้นไหนก็ตามแต่สะดวก
แต่ถ้าเป็นเส้นทางยอดนิยมก็ต้องเริ่มจากการไปชมปราสาทบันทายศรีในช่วงเช้า(เสนอไปในตอนที่แล้วชื่อ
ปราสาทบันทายศรีSmall is Beautiful)
จากนั้นก็จะเป็นการเดินทางเข้าสู่นครธมทางประตูทิศใต้
โดยก่อนถึงนครธมก็จะเห็นกำแพงของนครวัดตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ
ซึ่งนับว่าเป็นการนวดอารมณ์ของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มดีกรีความเร้าใจในการชมปราสาทขอมได้ชะงัดนัก
เพราะเมื่อเข้ามาชมสถาปัตยกรรมและชมไฮไลท์ของปราสาทในนครธมแล้ว
ไกด์ส่วนมากก็จะพาสู่นครวัด
1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของปราสาทขอม
แต่ว่าก่อนที่จะไปนครวัด ผู้จัดการท่องเที่ยว
ขอเบิ่งตาชมสถาปัตยกรรมขอมในนครธมก่อน
จุดแรกที่สูน
เพียบพาไปชมก็คือสนามหลวง
หรือ สนามหน้าหน้าจักรวรรดิ
ซึ่งมี ลานช้าง และ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน
อยู่ใกล้ๆกัน
สิ่งก่อสร้างทั้ง 2
แห่งเชื่อว่าสร้างในสมัยพระเจ้าพระเจ้าชัยวรมันที่
7
ปัจจุบันเหลือแค่ฐานพลับพลาของลานเสด็จพระราชดำเนินในอดีต
เป็นลานโล่งๆที่สามารถเดินขึ้นไชมวิวได้
เมื่อเดินเข้าเขตพระราชวังปราสาทพิมานอากาศ
ถือเป็นปราสาทแรกเราจะได้พบเห็น |
สำหรับลานช้างนั้นค่อนข้างเดาง่ายเพราะว่ามีรูปแกะสลักช้างตรงฐาน
เต็มไปหมด
ส่วนลานพระเจ้าขี้เรื้อนนี่สิดูยากหน่อย
ต้องเดินชมกันแบบใกล้ๆถึงจะเห็นถึงที่มาของชื่อลานพระขี้เรื้อน
โดยช่วงแรกของฐานลานพระเจ้าก็เป็นรูปแกะสลักเทพและนางอัปสราธรรมดาๆ
แต่ว่าพอเดินตามซอกเข้าไปเรื่อยๆ
รูปนางอัปสราชักเปลี๊ยนไป๋
คือเป็นนางอัปสราที่มีริ้วรอยตะปุ่มตะป่ำเต็มตัวและหน้าตา
สูน
เพียบได้เล่าว่าในยุคพระเจ้าชัยวรมันที่
7 มีโรคเรื้อนระบาด
พวกช่างจึงได้สลักรูปพวกนางอัปสราที่เป็นโรคเรื้อนเอาไว
้เป็นดังบันทึกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์
ซึ่งผู้จัดการท่องเที่ยวก็ไม่รู้ว่ามีช่างคนไหนแอบสลักหน้าของภรรยาตัวเอง
เอาไว้บ้างหรือเปล่า
พ้นจากรูปสลักที่ลานพระเจ้าขี้เรื้อน
สูน
เพียบพาเดินขึ้นไปบนลานช้างแล้วปล่อยให้เรายืนกินลมชมวิวชั่วขณะ
ซึ่งหากมองไปยังฝั่งตรงข้ามของลานหญ้าก็จะเห็นปราสาทเล็กๆ
12 หลังตั้งกระจายอยู่ |
ปราสาท 12
หลังเรียกว่า
ปราสาทสุออร์ปรัต
ที่สร้างไว้เพื่อให้นางสนมมานั่งเฝ้ากษัตริย์เขมร
บางคนก็เรียกปราสาทพวกนี้ว่าปราสาทนาง
12
สูน เพียบ
ชี้แจงข้อสงสัยเมื่อเห็นเรามองปราสาทเหล่านั้นด้วยความฉงน
ก่อนที่จะก็พาเดินไปตามลานหินเข้าสู่ซุ้มประตูเขตพระบรมมหาราชวัง
ที่ในปัจจุบันไม่มีพระราชวังให้เห็นเนื่องจากทำด้วยไม้จึงผุพังไปตามกาลเวลา
แต่ว่าในบริเวณราชวังก็ยังมีปราสาทพิมานอากาศตั้งโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าหลังจากเดินเข้าไป
ปราสาทพิมานอากาศ
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่
1(พ.ศ.1546-1593)
เป็นปราสาทขนาดย่อม
ซ้อนชั้นไป 3 ระดับ
และใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ขอมมาโดยตลอด
ซึ่งในนิทานปรัมปราเชื่อว่าปราสาทพิมานอากาศเป็นที่ให้กษัตริย์ขอมมาหลับนอนกับนาคตัวเมีย
ที่แปลงร่างมาเป็นผู้หญิง
(คนขอมโบราณเชื่อว่าพญานาคคือผู้ให้กำเนิดอาณาจักรขอม)
ก่อนที่จะไปนอนกับพระมเหสีหรือนางสนม
และหากไม่ทำตามก็จะต้องตาย
เรื่องนี้ฟังเอาสนุกก็น่าสนใจไม่น้อย
ส่วนจะจริง-เท็จยังไง ผู้จัดการท่องเที่ยวไม่รู้
แต่ที่รู้ก็คือเมื่อชมปราสาทพิมานอากาศแล้วก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงต่อการเดินไปชม
ปราสาทบาปวน
ที่อยู่ใกล้ๆกัน |
ลานช้างดูง่ายเดาง่ายเพราะมีรูปช้างสลักอยู่ |
ปราสาทบาปวนมีสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอุทิตยวรมันที่
2 (พ.ศ.1593-1609)ในปีพ.ศ.1060
ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเอากันตั้งแต่รูปทรงที่ดูเหมือนปิรามิดซ้อนระดับขึ้นไปสูงใหญ่
นอกจากนี้ก็ยังมีสะพานทางเดินสู่ปราสาทที่
2 ฟากมีน้ำล้อมรอบ
ที่มีนักท่องเที่ยวหลายๆคนนิยมไปเดินนวยนาดบนนั้น
โดยอาจจะลืมตัวคิดว่านี่คือแคทวอร์คขนาดใหญ่ก็ได้
ส่วนเสาของชานชาลาถ้าใครเดินจากปราสาทพิมานอากาศไปก็จะได้เห็นกับเสากลมที่สร้างได้อย่างสมส่วนรับชานชาลาที่ทอดยาวไปเกือบ
200 เมตร
แต่น่าเสียดายที่ปราสาทบาปวนนักท่องเที่ยวส่วนมากมักจะมองข้ามไปไม่ค่อยแวะชมทั้งๆที่เป็นปราสาทที่มีความเก่าแก่กว่านครวัด
นครธมเสียอีก
เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะปราสาทบาปวนช่วงนี้ไม่สามารถเดินชมได้อย่างเต็มที่เนื่องจากว่าอยู่ในช่วงการบูรณะ(คาดว่าอีก
2-3 ปี คงแล้วเสร็จ)
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นไปได้ว่านักท่องเที่ยวส่วนมากรีบเร่งที่จะไปดู
ปราสาทบายน
ไฮไลท์ของนครธม
ซึ่งจะมีความยิ่งใหญ่และน่าทึ่งขนาดไหนคงต้องติดตามในตอนต่อไป
นครธม เป็นเมืองโบราณ
ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดเสียมเรียบ
ประเทศกัมพูชา
สันนิษฐานว่าสร้างพร้อมๆกับการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่
7 พ.ศ. 1724
และมีการสร้างเติมแต่งบ้างภายหลังโดยกษัตริย์องค์ต่อๆมา
มีความยาวของกำแพงโดยรอบประมาณ
12 กม.
กำแพงแต่ละด้านยาวข้างละ 3
กม.
รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9
ตารางกม.
นครธม มีประตูทางเข้า 5
ประตูจาก 4 ทิศ (เหนือ ใต้
ตะวันออก ตะวันตก)
โดยด้านตะวันออกมี 2 ประตู
คือประตูตะวันออกและประตูชัย
ยโศธรปุระ
เป็นเมืองหลวงยุคที่ 2
ของอาณาจักรพระนคร (เมืองหลวงยุคแรกคือ
หริหราลัย
มีภูเขาพนมกุเลนเป็นศูนย์กลาง
สร้างขึ้นในสมัยยโศวรมันที่
1 (ครองราชย์ พ.ศ. 1432-1453)
มีภูเขาพนมบาเค็งเป็นศูนย์กลาง
ส่วนจังหวัดเสียมเรียบ
หรือ เสียมราฐ
นั้นถือเป็นจังหวัดเดียวกัน
โดยราชการไทยจำนวนหนึ่งนิยมให้เรียกเสียมราฐ
ซึ่งความนี้มีที่มาที่ไป
แต่ ผู้จัดการท่องเที่ยว
จะไม่ขอกล่าวถึง
เนื่องจากเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมา
ส่วนชื่อเสียมเรียบนั้นเป็นชื่อสากลที่คนใช้เรียกกัน
ทั้งนี้ผู้ที่ไปเที่ยวชมปราสาทขอมต่างๆในเมืองเสียมเรียบ
หากต้องการได้อรรถรสมากขึ้นควรหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม
ที่น่าสนใจก็มี
นิราศนครวัด:สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ,
ตำนานแห่งนครวัด:จิตร
ภูมิศักดิ์(หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงพระเจ้าชัยวรมันที่
7 ในแง่มุมที่แตกต่างออกไป),
เมืองพระนคร-นครวัดนครธม :
ยอร์ช เซเดส์ แปลโดย ปราณี
วงษ์เทศ, นครวัดนครธม
ชายชรากับบ่วงกรรมและคำสาป
: ธีรภาพ โลหิตกุล,
เที่ยวเขมร : วีระ ธีรภัทร
และการจะเที่ยวชมปราสาทขอมให้สนุก
ไม่ควรที่จะนำเรื่องราวในอดีตมาผสมรวมกับเรื่องราวในปัจจุบัน
สำหรับการเที่ยวชมปราสาทขอมในเขมรนั้นจะเสียค่าเที่ยวชม
20 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 1
พันบาท) ต่อวัน(เที่ยวได้ทุกปราสาทและทุกโบราณสถานในเสียมเรียบ)ส่วนถ้าอยากเที่ยวนานซื้อตั๋ว
3 วัน เสีย 40 เหรียญ
ส่วนค่าวีซ่าเข้าเขมรก็อยู่ที่
20 เหรียญเช่นกัน |