เยือนเมืองเหนือ... กราบรอยพระแก้วมรกต กำแพงเพชร - ลำปาง - เชียงใหม่ - เชียงราย
นุ บางบ่อ ... เรื่อง / ภาพ ออนไลน์วันที่ 15 มิถุนายน 2548
เห็นชื่อเรื่อง และชื่อผู้เขียน คุณผู้อ่านทั้งหลายอย่าพึ่งตกอกตกใจไปเสียก่อน ว่าผมจะเปลี่ยนแนว เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่เคยเขียนเรื่องชวนเที่ยววัดเที่ยววาเลยสักครั้ง แม้อยุธยาจะเป็นบ้านเกิด และบ้านปัจจุบันของผมก็ตาม.. ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่เข้าวัด หรือ วัดวาอารามในของเมืองไทยเราไม่น่าสนใจ จนทำให้ผมต้องมองข้าม ความจริงแล้วผมมีเหตุผลอยู่ที่ว่า ผมไม่อยากเขียนเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัด และไม่มีความรู้มากพอ เกรงว่าหากนำมาเขียนๆ พิมพ์ๆ ลงไปแล้ว เดี๋ยวผิดๆ ถูกๆ คุณผู้อ่านผู้รู้จริงจะมาต่อว่าผมให้เสียคนเอาทีหลังได้ เรื่องนี้คงต้องขอออกตัวเอาไว้ก่อนว่า ถึงแม้ผมจะไม่รู้จริงแต่ก็พอมีที่มาที่ไปมาอ้างอิงข้อมูลที่ผมได้รับมา ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้น ผมได้ลงไว้ทางด้านท้ายเรื่องแล้ว (ไม่ได้เจตนาปัดความรับผิดชอบนะครับ เพียงแต่ขออ้างอิงกันก่อน เพราะเรื่องประวัติศาสตร์ หรือ ตำนานต่างๆ ในบ้านของเรานั้นยังเป็นเรื่องที่ผู้ต่างรู้หลายคน ถกกันไม่จบสิ้นก็ยังอีกหลายเรื่อง) และอีกเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ผมนำเสนอเรื่อง เยือนเมืองเหนือ กราบรอยพระแก้วมรกต นี้ก็คือผมเห็นว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ที่ทาง ททท. ได้ริเริ่มขึ้น จึงอยากนำมาบอกต่อกัน
สำหรับเรื่องนี้เมื่อคุณอ่านจบ สิ่งที่ผมหวังคือ ให้ท่านได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับรอยประวัติศาสตร์ การเดินทางที่ยาวไกลและเนิ่นนานขององค์พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของไทยเรา เผื่อว่าท่านใดต้องการหาทริปการเดินทางที่แปลกใหม่ ผมมั่นใจว่า "เส้นทางเยือนเมืองเหนือ กราบรอยพระแก้วมรกต" นี้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่นักเดินทางจะได้อะไรดีๆ กลับมาเหมือนผม
ที่ว่าได้อะไรดีๆ กลับมานั้น...เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริงๆ เหลือเชื่อแบบที่คนไม่เคยเชื่อไสยศาสตร์อย่างผมเองก็ต้องเชื่อ อย่าพึ่งคิดว่าผมเลอะเทอะจะโยงเข้าไสยศาสตร์ เพื่อชักชวนให้งมงายกันนะครับ เพียงแต่ว่าผมได้ประสบมากับตัวเอง และเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ใกล้ชิดผมคืนนั้น ก็มีอันต้องทึ่งไปตามๆ กัน
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า " ผม และ สื่อมวลชนท่านอื่นๆ ที่ได้ร่วมเดินทางกับคณะ ททท. ในทริปสำรวจเส้นทาง เยือนเมืองเหนือ กราบรอยพระแก้วมรกต ได้เดินทางมาถึงจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย ของการเดินทางในทริปนี้ ในคืนวันนั้น ทาง ททท. ได้จัดเลี้ยงอาหารค่ำที่ ร้านอาหารตองตึง มีการแสดง การฟ้อนรำ แบบล้านนา ได้สวยงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงคั่นรายการมีกิจกรรมการแจกตั๋วเดินทางท่องเที่ยวเมืองเชียงรุ่ง 4 วัน 3 คืน โดย บริษัท พีบี ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำรางวัลมาแจกสื่อมวลชนจำนวน 4 ใบ ในช่วงนั้นเองขณะที่ผมกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารหน้าตาสวยๆ บนโต๊ะ ท่ามกลางบรรยากาศแบบล้านนาอยู่ ผมก็ต้องหยุด หยุด หยุดเพราะอยากได้ตั๋วเดินทางไปเชียงรุ่ง เมืองหลวงแห่งสิบสองปันนา ดินแดนแห่งนกยูง และถิ่นอาศัยของชาวไตลื้อ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลยูนาน ประเทศจีน ผมใฝ่ฝันมานานแล้ว ยังไงผมก็ต้องหาโอกาสไปให้ได้ " ทำไงผมถึงจะได้ตั๋วฟรีที่ลอยล่องอยู่ตรงหน้านี้ล่ะ ?
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องอัตโนมัติ ที่เมื่อคนเราหาที่พึ่งพาไม่ได้เมื่อยามคับขัน สิ่งหนึ่งที่คนเรามักจะนึกถึงเสมอนั่นก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใช่แล้ว...ผมมาเยือนเมืองเหนือ ในครั้งนี้ก็เพื่อมาตามรอยพระแก้วมรกต ฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยผมได้ตอนนี้ก็คือ อำนาจลึกลับบางอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีอยู่จริงหรือเปล่า ... ผมใช้เวลาไม่นาน ที่จะกล่าวดังๆ ในใจ ว่า "ขอให้พระแก้วมรกต จงดลบันดาลให้ท่านที่อยู่ด้านหน้าเวทีตอนนี้ ผู้ที่มีหน้าที่จับฉลากจากนามบัตร 4 ใบ เพื่อค้นหาผู้โชคดี 4 ท่าน เดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองเชียงรุ่ง...จงจับได้นามบัตรของผมด้วยเถ๊อะ...สาธุ"
ไม่กี่วินาทีต่อมา ขณะผมดื่มน้ำยังไม่ทันได้กลืน ไม่น่าเชื่อครับว่า สิ่งที่ผมขอจากพระแก้วมรกตเมื่อสักครู่ กลับกลายเป็นความจริงเมื่อโฆษกประกาศชื่อของผม เป็นชื่อแรก ที่ได้ไปเยือนเมืองเชียงรุ่ง ดินแดนที่ผมฝันอยากจะไปมานานหลายปี วันนี้ผมได้มีโอกาสแล้ว !!!!
|
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) จึงเป็นอีกวัดหนึ่งที่ผมได้เดินทางไป ถึงตอนนี้อย่าพึ่งกล่าวหาผมว่า ต้องไปแก้บนนะครับ...แต่ก็มีส่วนอยู่ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมอยากจะไปตามรอยพระแก้วมรกต แบบให้ครบถ้วนสมบูรณ์กันไปเลย หลังจากกลับมาแล้ว ผมก็สบายใจ ที่ได้ท่องเที่ยวได้เดินทางพร้อมๆ กับการรับทราบข้อมูลที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน |
|
เรื่องที่ผมว่าได้อะไรดีๆ กลับมา ก็มีเพียงเท่านี้ ต่อไปก็เป็นเรื่องของข้อมูลที่ผมได้รับทราบมาแล้วมาเล่าสู่ต่อกันฟัง เผื่อท่านใดสนใจจะเดินทางไปกราบรอยพระแก้วมรกตบ้าง จะได้เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเดินทางต่อไป... |
ทริปการเดินทางท่องเที่ยว "เยือนเมืองเหนือ กราบรอยพระแก้วมรกต" นี้ได้ริเริ่มขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวสู่ภาคเหนือ และเพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วไปทราบถึงประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต ก่อนที่จะไปประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่กรุงเทพมหานคร
เกี่ยวกับรอยประวัติศาสตร์ของพระแก้วมรกต จากหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานทางโบราณคดีที่เป็นลายลักษณ์อักษร นั้นได้ปรากฏอยู่ในเอกสารโบราณมากมาย อาทิ เรื่องรัตน์พิมพ์วงค์ ตำนานพระแก้วมรกต เรื่องพระรัตนปฏิมา ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ พงศาวดารเหนือ ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ตำนานพระแก้วมรกตฉบับหลวงพระบาง และพงศาวดารโยนก เป็นต้น
จากเอกสารดังกล่าว สามารถประมวลได้ว่า พระแก้วมรกตสร้างขึ้นจากความดำริของ พระนาคเสนเถระ แห่งเมืองปาตลีบุตร ในชมพูทวีป (ประเทศอินเดียปัจจุบัน) เมื่อประมาณ พ.ศ. 500 จากนั้นได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามเมืองสำคัญต่างๆ ตามลำดับดังนี้
เกาะลังกา เมื่อประมาณปี พ.ศ. 800
เมืองนครธม ในอาณาจักรของโบราณ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1000
เมืองอโยชปุระ หรือ เมืองอโยธยาโบราณ ในสมัยเจ้าอาทิตยราช
เมืองกำแพงเพชร ในสมัยพระยาวิเชียรปราการ
เมืองเชียงราย ในสมัยเจ้าพระยามหาพรหม ประมาณปี พ.ศ. 1979
นครเขลางค์ หรือ เมืองลำปาง ระหว่างปี พ.ศ. 1979- พ.ศ. 2011
เมืองเชียงใหม่ ระหว่างปี พ.ศ. 2011 - พ.ศ. 2096
เมืองหลวงพระบาง ในปี พ.ศ. 2096
เมืองเวียงจันทน์ ระหว่างปี พ.ศ. 2096 - พ.ศ. 2322
กรุงธนบุรี ระหว่างปี พ.ศ. 2322 - พ.ศ. 2327
กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2327 - ปัจจุบัน
|
จากหลักฐานทางโบราณคดี ปัจจุบันในภาคเหนือของประเทศไทยยังคงปรากฏร่องรอยโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกตอยู่อย่างชัดเจนในหลายพื้นที่ ซึ่งแต่ละแห่งดังที่จะได้นำมาเสนอต่อไปนี้ ล้วนเป็นวัดที่องค์พระแก้วมรกต ได้เคยประดิษฐานอยู่ วันนี้ผมขอเริ่มแนะนำตั้งแต่วัดที่ตั้งอยู่ใต้สุดไปจนถึงเหนือสุด เพื่อให้ท่านสะดวกในการเดินทางไปเยือน ส่วนท่านที่ต้องการทราบประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต แบบเรียงลำดับตามประวัติการประดิษฐาน ผมขอให้ท่านดูข้อมูลได้จากด้านบน
|
รอยพระแก้วมรกตที่ วัดพระแก้ว เมืองกำแพงเพชร วัดพระแก้ว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโบราณของจังหวัดกำแพงเพชร แผนผังของวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนานไปกับกำแพงเมือง ภายในบริเวณวัดปรากฏร่องรอยฐานเจดีย์แบบต่างๆ รวม 35 ฐาน มีวิหารต่างๆ รวม 8 แห่ง และฐานโบสถ์รวม 3 แห่ง ซึ่งแสดงให้ทราบถึงการเป็นวัดใหญ่ที่มีความสำคัญมาก่อน บริเวณกลางวัดมีเจดีย์องค์ใหญ่แบบลังกา ที่ฐานโดยรอบทำเป็นซุ้มคูหามีสิงห์ยืนอยู่ภายใน
วัดพระแก้ว นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานมรดกโลก ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งตั้งอยู่กับติดกับตัวเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน
|
|
รอยพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม เมืองลำปาง วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ตั้งอยู่ที่ถนนสุชาดาราม ภายในตัวเมืองลำปาง เป็นเก่าแก่ที่สวยงาม มีอายุนับพันปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ตั้งแต่ปี พ.ศ.1979 ถึง พ.ศ. 2011 รวมเป็นระยะเวลาถึง 32 ปี ปูชนียสถานที่สำคัญภายในวัดนั้นได้แก่ องค์พระบรมธาตุดอนเต้า พระเจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า วิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่มีอายุเก่าแก่พอๆ กันกับวัดนี้ |
|
|
นอกจากนี้ยังมีวิหารหลวงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย วิหารพระเจ้าทองทิพย์ ที่สร้างโดยพระนางจามเทวี อายุกว่า 1,000 ปี เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทองทิพย์ศิลปะสมัยเชียงแสน มณฑป หรือ พญาธาตุศิลปะแบบพม่า วิหารลายคำสุชาดารามฝีมือช่างเชียงแสน ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังโดยมีลวดลายทองประดับตามส่วนต่างๆ งดงาม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเชียงแสน และยังมีพิพิธภัณฑสถานแห่งล้านนาอันเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะวัตถุแบบล้านนาอีกด้วย |
|
|
รอยพระแก้วมรกต ที่วัดเจดีย์หลวง เมืองเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ที่ถนนพระปกเกล้า บริเวณใจกลางเมืองเชียงใหม่ ภายในวัดมีเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสงเมือง มหากษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ต่อมาพระเจ้าติโลกราชโปรดให้ช่างขยายเจดีย์ให้สูงและกว้างกว่าเดิม และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานระหว่างปี พ.ศ. 2011 - พ.ศ. 2096 รวมระยะเวลายาวนานถึง 85 ปี |
|
|
ระหว่างนั้นใน พ.ศ. 2088 สมัยพระนางจิระประภา ได้เกิดแผ่นดินไหวทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลง ปัจจุบันเจดีย์มีความสูงคงเหลือ 40.8 เมตร ฐานกว้างด้านละ 60 เมตร
วิหารหลวงของวัดนี้ เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารนญ์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 หน้าประตูทางเข้าวิหารมีบันไดนาคเลื้อยใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหารงดงามยิ่ง นาคคู่นี้เป็นฝีมือของช่างเก่าแก่ที่สร้างไว้แต่เดิม ได้ชื่อว่า เป็นนาคที่สวยที่สุดในภาคเหนือ
|
ภายในวัดบริเวณด้านหน้าวิหารมีเสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 1839 ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็ก เสาอินทขิล นี้สร้างด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ฝังอยู่ใต้ดินทุกปีในวันแรม 12 ค่ำ เดือน 8 (เหนือ) หรือ ประมาณเดือนพฤษภาคม จะมีประเพณีที่เรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นงานฉลองหลักเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคเหนือ ภายในจังหวัดประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายประเภท หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถคลิกได้ที่นี่
|
รอยพระแก้วมรกต ที่วัดพระแก้ว เมืองเชียงราย วัดพระแก้วเมืองเชียงราย ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ในตัวเมืองเชียงราย ตามประวัติเล่าว่า วัดนี้เดิมชื่อว่า วัดป่าเยี้ยะ (ไม้เยี้ยะ เป็นไม้ไผ่พันธุ์พื้นเมืองชนิดหนึ่ง) จนกระทั่งเกิดฟ้าฝ่าลงมาที่พระเจดีย์ และได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ |
|
|
ต่อมารักกะเทาะออกจึงได้พบว่า เป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่สร้างด้วยหยก คือ พระแก้วมรกต นั่นเอง ปัจจุบันวัดพระแก้วเชียงรายนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระหยก ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2534 ในวาระที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุครบ 90 พรรษา |
|
จากความสำคัญของวัดต่างๆ ดังที่ได้รวมรวมข้อมูลมานี้ ทำให้ทราบว่ากว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต จะมาประดิษฐานยังกรุงเทพมหานครนั้น ได้มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาค้นคว้า หรือเดินทางไปเยือนยังสถานที่ต่าง อันเป็นรอยประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง
|
และนอกจากท่านจะได้เดินทางไปเยือนเมืองเหนือ เพื่อกราบรอยพระแก้วมรกต แล้วนั้น เมืองเหนือของเรายังเป็นดินแดนที่พรั่งพร้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตตามแบบฉบับล้านนา ยากที่จะมีแห่งใดมาเสมอเหมือน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้ท่านได้แวะไปชม หรือ พักผ่อนระหว่างเส้นทางอยู่มากมาย ดังที่ผมได้นำตัวอย่างโปรแกรมการท่องเที่ยว ซึ่งจัดทำขึ้นโดย ททท. มาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ท่านได้ใช้เป็นแนวทางการเดินทางต่อไป |
ตัวอย่างรายการท่องเที่ยว " เยือนเมืองเหนือ กราบรอยพระแก้วมรกต" กรุงเทพฯ - กำแพงเพชร - ลำปาง - เชียงใหม่ - เชียงราย
รายการที่ 1 ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
วันแรก |
|
เช้า |
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เมืองกำแพงเพชร ตามเส้นทางสิงห์บุรี - นครสวรรค์ - กำแพงเพชร ชมน้ำตกคลองลาน(Unseen Thailand) รับประทานอาหารกลางวันที่อำเภอคลองลาน และเดินทางสู่ที่พักเมืองกำแพงเพชร |
บ่าย |
กราบรอยพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้วในอุทยานประวัติศาสตร์ฯ แล้วนั่งรถไฟฟ้าชมโบราณสถานมรดกโลก เช่น กำแพงเมืองศิลาแลงโบราณ และวัดโบราณในเขตอรัญญิก ชมสวนกล้วยสองร้อยสายพันธุ์ และงานหัตถกรรมพื้นเมืองที่พิพิธภัณฑ์เรือนไทยฯ |
วันที่สอง |
|
เช้า |
ออกเดินทางสู่เมืองตาก กราบศาลพระเจ้าตากสินมหาราช แล้วเดินทางสู่เมืองลำปาง กราบรอยพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม และรับประทานอาหารกลางวันในเมืองลำปาง |
บ่าย |
กราบพระธาตุลำปางหลวง เยือนศูนย์อนุรักษ์ช้างห้างฉัตร แล้วเดินทางสู่ที่พักในเมืองเชียงใหม่ หรือ อาจเลือกไปเยือนเมืองลำพูน กราบพระธาตุหริภุญไชย ไหว้อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ก่อนเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ก็ได้ |
วันที่สาม |
|
เช้า |
กราบรอยพระแก้วมรกตที่เจดีย์หลวง วัดเจดีย์หลวง ชมแหล่งท่องเที่ยว และรับประทานอาหารกลางวันในเมืองเชียงใหม่ |
บ่าย |
เดินทางสู่เมืองเชียงราย และชมหอแก้วหอคำในไร่แม่ฟ้าหลวง ก่อนเข้าที่พักในเมืองเชียงราย |
วันที่สี่ |
|
เช้า |
กราบพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้วเชียงราย แล้วเดินทางไปยังเมืองเชียงแสน เยือนสามเหลี่ยมทองคำ หอฝิ่นฯ และรับประทานอาหารกลางวันริมแม่น้ำโขง |
บ่าย |
เยือนตลาดแม่สาย เดินทางกลับสู่เชียงราย และเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเครื่องบิน หรือ รถยนต์ |
รายการที่สอง ระยะเวลา 6 วัน 5 คืน
วันแรก - วันที่สาม เดินทางท่องเที่ยวตามรายการแรก
วันที่สี่ |
|
เช้า |
กราบรอยพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้วเชียงราย แล้วเดินทางไปชมโบราณสถานเชียงแสน เยือนสามเหลี่ยมทองคำ หอฝิ่นฯ และ รับประทานอาหารกลางวันริมแม่น้ำโขง |
บ่าย |
ช้อปปิงตลาดชายแดนไทย พม่า ที่ด่านแม่สาย เดินทางไปยังดอยตุง เยือนพระตำหนักดอยตุงชมดอกไม้นานาพรรณและพักที่ดอยตุง |
วันที่ห้า |
|
เช้า |
เดินทางกลับสู่เมืองเชียงราย ชมความงามของวัดร่องขุ่น งานศิลปะของคุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เดินทางไปชมแพะเมืองผี จังหวัดแพร่ และรับประทานอาหารกลางวันในเมืองแพร่ |
บ่าย |
นมัสการพระธาตุช่อแฮ แล้วเดินทางสู่เมืองอุตรดิตถ์ กราบอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก และชมพิพิธภัณฑ์ดาบเหล้กน้ำพี้ แล้วเดินทางสู่ที่พักในเมืองพิษณุโลก |
วันที่หก |
|
เช้า |
นมัสการพระพุธชินราช เยือนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี แล้วเดินางสู่เมืองพิจิตร นมัสการหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง และรับประทานอาหารกลางวันในเมืองพิจิตร |
บ่าย |
ชมฟาร์มนกกระจอกเทศที่ขจรฟาร์ม แล้วเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ |
|
ข้อมูลอ้างอิง
ข้อมูลประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต จากหนังสือ พระแก้วมรกต ISBN 974-323-017-3 ของสำนักพิมพ์มติชน
เอกสารแนะนำโครงการ เยือนเมืองเหนือ... กราบรอยพระแก้วมรกต จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
|