พระธาตุเขี้ยวแก้ว |
สักการะพระเขี้ยวแก้ว
ความสุขทางใจที่มาได้ครั้งเดียว
ทั่วทั้งโลกมีแค่ที่เมืองจีนและที่ศรีลังกาเท่านั้น
ไทยยืมจีนมาแค่ 76 วันครับ
เมื่อเร็วๆนี้
เรามีโอกาสได้ไปกราบสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
(พระเขี้ยวแก้ว)
ที่หอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ
พุทธมณฑล
ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดหลิงกวง
กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
โดยพระเขี้ยวแก้วนี้จะอัญเชิญมาไว้ที่ประเทศไทยจนถึงวันที่
28 กุมภาพันธ์ 2546
เรานั่งแท็กซี่ไปทางพุทธมณฑลสาย
4 จากจุดนัด
จริงๆแล้วถ้าอยากประหยัดจะนั่งรถเมล์สาย
515
จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็ได้เหมือนกัน
(ถ้ามีรถมาเองก็จะสะดวกมาก)
หลังจากเลี้ยวรถเข้ามาในพุทธมณฑลตามสัญญาณมือของตำรวจจราจรผู้แข็งขันอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง
ก็เจอกับป้ายลูกศรบอกทางตรงไปยังหอสมุดฯ
มีรถยนต์จอดอยู่กันหลายคัน
หลายขนาดตามใต้ต้นไม้บริเวณลานกว้าง
เหล่าชาวประชาชีทั้งหญิงชาย
ทั้งแก่ทั้งสาว
มากหน้าหลายตาต่างพากันเดินไปสู่ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วราวกับนัดกันไว้มาเป็นอย่างดี
เราเดินถ่ายรูปรอบๆบริเวณพอหอมปากหอมคอ
จนมาถึงหน้าหอสมุดฯ
บริเวณนั้นมีเต๊นท์ตั้งอยู่มากมาย
ทั้งเต๊นท์ฝากของ เต๊นท์ขายเครื่องสักการะบูชา
เต๊นท์ปฐมพยาบาล
และที่มองไปทุกครั้งก็ต้องเจอทุกครั้ง
นอกจากคนเข้ามากราบไหว้และต้นไม้ใบหญ้าแล้ว
ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทหารมายืน
เดินเฝ้ารอบบริเวณดังกล่าวแทบทุกจุด
เรียกว่า
คุมกันตั้งแต่ทางเข้าเลยว่างั้นเถอะ
เล่าให้ฟังถึงความหมาย ประวัติความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วกันหน่อยดีกว่าว่า
พระบรมสารีริกธาตุนั้น
หมายถึง
พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า
ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะสักการะเพื่อน้อมขอพระบารมีให้คุ้มครองตนเองจากภัยอันตรายทั้งปวง
สำหรับพระธาตุเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาประดิษฐานนี้
ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า
เมื่อปี พ.ศ. 617 พระจักรพรรดิ์ในสมัยราชวงศ์ฮั่น
ได้ส่งอุปราช หวาง ซุน
และคณะไปอาราธนาพระสงฆ์อินเดีย
2 รูปจากประเทศดาโรชี (ปัจจุบันคือประเทศอัฟกานิสถาน)
เข้ามายังประเทศจีน และอีก
4 ปีต่อมา วัดม้าขาว
ซึ่งเป็นวัดพระพุทธศาสนาวัดแรกในประเทศจีนก็อุบัติ
เชื่อกันว่า
พระเขี้ยวแก้วนั้นมีอยู่ 2
องค์ องค์หนึ่งอยู่ที่แคนดี้
ประเทศศรีลังกา
อีกองค์หนึ่งอยู่ที่ประเทศจีน
ซึ่งถูกอัญเชิญมาเมื่อใดไม่ปรากฏชัด
ทราบแต่ว่าพระอาจารย์จีนฟาเหียนได้อัญเชิญจากเมืองโคทาน
(ในประเทศปากีสถาน)
มาที่นานจิง และต่อมาในปี พ.ศ.
1614
ได้ถูกเก็บซ่อนไว้ในเจดีย์
เซาเฉียน เจดีย์ที่วัดหลิงกวง
ซึ่งเป็นวัดใหญ่อยู่ที่เทือกเขาตะวันตกชานกรุงปักกิ่ง
จนถึงปี พ.ศ.2453
เกิดสงครามกับกองทัพพันธมิตร
8 ประเทศ เจดีย์เซาเฉียนถูกทำลายพังลงจึงได้พบพระเขี้ยวแก้วปรากฏอีกครั้ง
และทางการจึงได้สร้างเจดีย์ใหม่ไว้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ซึ่งเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม
13 ชั้น สูง 51 เมตร
อำนวยการสร้างโดยสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีน
ใช้เวลา 6
ปีเศษจึงแล้วเสร็จ
และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา
75 พรรษา คณะสงฆ์ รัฐบาลไทย
และคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และ
พัฒนาพุทธมณฑลจึงเห็นสมควรอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจาก
ประเทศจีนมาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นเวลา
76 วัน
เพื่อความเป็นสิริมงคลคุ้มครองในหลวง
ของปวงชนชาวไทยและเหล่าพสกนิกรทั้งหลายทั่วประเทศ
โดยคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย
เดินทางไปลงนามความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่า
การทบวงกิจการศาสนาของสาธารณรัฐประชาชนจีนในเรื่อง
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
(พระเขี้ยวแก้ว)
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม
ที่ผ่านมา
และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวาย
สักการะได้ตั้งแต่วันนี้-28
กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 08.30-17.00 น.
เราเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปข้างในหอสมุดฯ
ก่อนจะเข้าไปในส่วนที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วฯ
พอเข้าไปเห็นพระธาตุเขี้ยวแก้วที่ประดิษฐานอยู่บนที่ตั้งสูง
มีพระจีน 2
รูปนั่งคุกเข่าขนาบข้างบนพื้น
เสียงสวดของ
พระเป็นภาษาจีนฟังดูขรึมขลัง
แต่ก็รู้สึกได้ถึงความศรัทธาที่ทรงพลังอย่างมหาศาล
ที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนที่ต่างก็ก้มลงกราบไหว้ด้วยใจเคารพ
ฟังเสียงสวดของพระจีนได้ที่นี่
เรื่องโดย ....นายนก
|