นั่งรถ (ราง) เที่ยวรอบ (เกาะ) กรุง

ใครที่สัญจรผ่านไปมาแถวๆ สนามหลวง คงชินตากับภาพของรถรางสีเหลืองส้มที่ พานักท่องเที่ยวชมความงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ถึงแม้จะดูเป็นกิจกรรมที่หลายคนอาจมองว่าธรรมดาๆ แต่ถ้าใครได้ลองมานั่งรถรางอย่าง ส้มซ่า แล้ว จะต้องบอกว่าสนุก เพลิดเพลิน แถมได้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ช่างเป็น 30 นาทีที่คุ้มค่า และอิ่มเอมใจจริงๆค่ะ

พูดแบบนี้หลายคนคงสนใจจะมานั่งรถรางกันบ้างแล้ว แต่ก่อนอื่น ส้มซ่า มีข้อมูลเกี่ยวกับรถรางมาบอกค่ะ จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วก็ได้ทราบว่า รถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์นี้เกิดขึ้นจากความริเริ่มของ ศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร และมีมา 3 ปีแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยที่ คุณพิจิตต รัตกุล เป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ โดยปกติแล้วจะมีรถราง 2 คัน แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล อย่างเช่นสงกรานต์ ก็จะมีการเพิ่มจำนวน เพราะมีคนมาใช้บริการจำนวนมาก ราคาตั๋วก็แค่ 30 บาทเอง แล้วไม่ต้องกลัวนะคะว่ามาช้าแล้วจะไม่ได้นั่ง ขอบอกว่ารถออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ 9 โมงถึง 5 โมงเย็นค่ะ

เอาล่ะค่ะ ได้ข้อมูลกันไปพอสมควร เราไปนั่งรถรางกันดีกว่า พอได้ที่นั่งเรียบร้อย วิทยากรผู้ให้ความรู้ก็เตรียมพร้อมอยู่แล้วทางด้านหน้า รถรางออกตัวไปช้าๆ สถานที่ที่เราผ่านเป็นที่แรกก็คือ พระบรมมหาราชวัง ภายในจะมีสถานที่สำคัญๆ เช่น พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท วัดพระศรีรัตนศาสดารามวรมหาวิหาร หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า วัดพระแก้วนั่นเอง และวัดนี้ก็เป็นที่ประดิษฐ์สถานของพระพุทธรูปคู่บ้านบ้านคู่เมือง นั่นก็คือ พระแก้วมรกตและอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจที่เราผ่านแล้วต้องสะดุดตา ก็คือ กระทรวงกลาโหม มีปืนใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้าถึง 40 กระบอกด้วยกัน แต่ละกระบอกมีประวัติความเป็นมาที่แตกต่างกัน ใครสนใจเรื่องปืนเป็นพิเศษ ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยียนที่นี่นะคะ

ต่อมาสถานที่ที่เราผ่านก็คือ วังสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า วัดโพธิ์นั่นเอง ที่นี่มีพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐ์สถานอยู่ และถ้าใครปวดเมื่อยนะคะ ขอบอกว่าวัดโพธิ์ช่วยคุณได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมของยาแผนโบราณ และที่เด็ดมาก ทำเอาใครต่อใครติดใจกันมานักต่อนัก นั่นก็คือการนวดแผนไทยนั่นเอง และสถานที่ต่อไปที่เราผ่านคิดว่าคน ที่ชอบซื้อดอกไม้ต้องรู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ปากคลองตลาด ที่นี่เป็นท่าเรือที่สำคัญมากในอดีต จนถึงทุกวันนี้ที่นี่ก็ยังคงเป็นย่านค้าขายที่สำคัญมาก แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

ผ่านปากคลองตลาดไม่นาน เราก็มาถึงชุมชมท่าเตียน ซึ่งแถวนี้มีตึกรูปทรงที่สวยงามเก่าแก่ คาดว่าจะสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ค่ะ และอีกหนึ่งเกร็ดความรู้ที่ต้องบอกก็คือ ที่มาของชื่อชุมชนท่าเตียน ในอดีตที่ตรงนี้เคยเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ค่ะ ทำให้พื้นที่ที่ตรงนี้เตียนไปหมด นี่แหละค่ะที่มา และสำหรับใครที่มาชมการแสดงแม่น้ำของแผ่นดิน ก็คงรู้จักสถานที่ที่เราจะผ่านต่อไปเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ท่าราชวรดิษฐ์ ถัดไปอีกนิดก็จะเป็นท่าช้างค่ะ ทำไมต้องชื่อว่าท่าช่าง ทุกคนคงอยากทราบ ท่านี้ในอดีตเป็นที่ซึ่งควานช้างจะพาช้างมาอาบน้ำค่ะ และปิดท้ายในช่วงนี้ด้วย วัดพระศรีสรรเพชญ์ หรืออีกชื่อก็คือ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์

และแล้วรถรางก็ผ่านชุมชนท่าพระจันทร์ ใครหลายคนคงรู้จักที่นี่ดี เพราะเป็นแหล่งรวมของนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีของขายมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารหลากหลายชนิดที่เรียงรายติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และที่สำคัญยังเป็นท่าเรือที่จะข้ามไปฝั่งโรงพยาบาลศิริราชอีกด้วย พอรถเลี้ยวเลยบริเวณท่าพระจันทร์มา ก็จะผ่านถนนพระจันทร์ ซึ่งเรียงรายไปด้วยต้นประดู่ และร้านขายยาประเภทสมุนไพรจำนวนมาก และต่อมาที่รถรางผ่านก็คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โรงละครแห่งชาติ และศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยว

แล้วเราก็มาถึงถนนพระอาทิตย์ค่ะ ถนนเส้นนี้มีสถานที่สำคัญๆ มากมาย เช่น องค์การ Unicef FAO สวนสันติชัยปราการ ป้อมพระสุเมรุ ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพฯ เหลือเพียง 2 ป้อมเท่านั้น เนื่องจาการพัฒนาบ้านเมือง อีกหนึ่งป้อมที่เหลืออยู่ก็คือ ป้อมมหากาฬ ตั้งอยู่ที่ถนนมหาชัย และอีกหนึ่งย่านที่ขาช็อปต้องรู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ย่านบางลำภูนั่งเอง แถวนี้ครบครันจริงๆนะคะ คนระดับไหนก็มาได้ มีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าข้างทาง ที่นี่ขึ้นชื่อมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องของผ้าค่ะ และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญก็คือ วัดชนะสงครามนั่นเอง

เวลาแห่งความอิ่มเอมใกล้หมดลงแล้ว แหมงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกราค่ะ ช่วงสุดท้ายนี้เราผ่าน ตรอกข้าวสาร ที่นี่จะมีสีสันมากในตอนกลางคืนค่ะ ใครที่เป็นผีเสื้อราตรีคงต้องมาลองเที่ยวที่นี่ค่ะ ขนาดต่างชาติยังข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่กันเป็นเดือนๆ เห็นไหมคะที่นี่มีดีจริงๆ และแล้วรถรางก็มาจอดที่สนามหลวงแล้ว รายละเอียดอาจจะได้ไม่ครบถ้วน ส้มซ่าก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่จริงๆแล้วทุกคนคงอยากมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองมากกว่า แล้วคุณจะได้รับความอิ่มเอม และภูมิใจขึ้นอีกมากที่เป็นคนไทย เพราะชาติไทยของเรามีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าจริงๆค่ะ

...ส้มซ่า