ไหว้ศาลหลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต

ไหว้ศาลหลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต

ไหว้ศาลหลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีคำบอกเล่าจากปู่ย่าตายายมาช้านานแล้วว่า ถ้าอยากที่จะเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานก็ต้องไปสักการะบูชาศาลหลักเมือง และในโอกาสปีใหม่หลังผ่านเหตุการณ์ร้ายสึนามิไปแล้ว ฉันจึงถือโอกาสเดินทางไปไหว้พระศาลหลักเมือง เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ส่วนไอ้การจะเจริญในหน้าที่การงานหรือไม่นั้น หากพูดกันตามทฤษฎีฉันว่ามันอยู่ที่ความสามารถและผลงานของคนๆนั้น ดังคำกล่าวที่ว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ส่วนถ้าพูดกันตามหลักการทำงานแบบไทยๆ ก็คงเป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร

เอาเถอะเรื่องนี้อย่าไปสนเลย หันกลับมาที่เรื่องของศาลหลักเมืองกรุงเทพฯกันดีกว่า สำหรับศาลหลักเมืองกรุงเทพฯนั้น สืบเนื่องมาจากประเพณีโบราณในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธีการยกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น เป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกรสำหรับยึดถือทางจิตใจว่าบ้านเมืองที่สร้างขึ้นนั้น มีรากฐานฝังไว้อย่างแน่นอนแล้ว ให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขรุ่งเรืองสถาพรตลอดไป

 ศาลหลักเมืองสักการะบูชาผูกผ้าแพรหลักเมืองจำลองที่ด้านนอก

รัชกาลที่1 โปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 การฝังเสาหลักเมืองมีพิธีรีตองตามพระตำราที่เรียกว่าพระราชพิธีพระนครสถาน ให้เอาไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง เอาไม้แก่นประดับนอก กำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดินแล้ว 10 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดสวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง การมาไหว้พระศาลหลักเมืองก็จะมาไหว้กันได้ทุกวัน แต่ถ้าเป็นคนเฒ่าคนแก่โบราณเขาก็จะถือกันว่าวันไหนเป็นวันโลกาวินาศก็จะไม่ออกมาไหว้กัน สิ่งของหลักๆ ที่ใช้ไหว้พระศาลหลักเมืองก็คือ ธูป เทียน แผ่นทอง พวงมาลัย 2 พวง(ไว้บูชาทั้งด้านนอกที่จุดธูปเทียนและด้านในพระหลักเมือง) ดอกบัว และผ้าสี ฉันไม่รีรอที่จะควักเงินจากกระเป๋ากางเกงมา 30 บาท (แต่ไม่ได้นำมารักษาทุกโรคนะ) เพื่อที่จะบูชาเครื่องสักการะ

สักการะเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่บ้านเมือง 5 องค์สักการะเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่บ้านเมือง 5 องค์

การจุดธูปเทียนบูชานั้นเขาจะจัดสถานที่ไว้บูชาด้านนอก รวมไปถึงผู้คนที่ชอบการเสี่ยงทายทำนายชีวิต เขาก็มีเซียมซีไว้ให้เสี่ยงทายถามหาเลขเด็ด เฮ้ย!!! ถามหาเรื่องราวชีวิตทุกข์สุขทั่วๆ ไป ฉันผูกผ้าสีไปก็นึกสงสัยว่าทำไมถึงต้องผูก จึงหันซ้ายหันขวาหาเจ้าหน้าที่สอบถาม แล้วได้คำตอบกลับมาว่า การที่ผูกผ้าสีกับพระศาลหลักเมืองเพราะมีความเชื่อในสมัยโบราณว่า ตามต้นไม้มักจะมีรุกขเทวดาอาศัยอยู่ชาวบ้านที่เคารพก็มักจะเอาผ้าสีมาผูก พระหลักเมืองก็ทำมาจากไม้ เราจึงยึดถือธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราณ เมื่อจุดธูปเทียนด้านนอกเสร็จ ก็จะเข้าไปในวิหารเพื่อกราบไหว้หลักเมือง บรรยากาศภายในเงียบสงบ มีผู้คนมาเคารพทั้งคนเฒ่าคนแก่ด้วยตลอดจนนักศึกษาและผู้ที่ทำอาชีพการงานแล้ว พระหลักเมืองจะมีแท่นและคำบูชาด้วยกันทั้งหมด 4 ด้าน รวมไปถึงตู้บริจาคเงิน ด้านข้างมีตู้จัดแสดงสิ่งของที่ขุดพบบริเวณศาลหลักเมืองในการปฏิสังขรณ์ เมื่อพ.ศ. 2527 นอกจากพระหลักเมืองแล้ว บริเวณศาลหลักเมืองยังมีเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่บ้านเมืองอีก 5 องค์ด้วยกัน คือ พระเสื้อเมือง มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน

ตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นก็รวบรวมแรงกายยกพระเสี่ยงทายตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นก็รวบรวมแรงกายยกพระเสี่ยงทาย

พระทรงเมือง มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี พระกาฬไชยศรี เป็นบริวารพระยมมีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก เจ้าพ่อเจตคุปต์ เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไปและอ่านประวัติผู้ตายเสนอพระยม เจ้าพ่อหอกลอง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน เกิดอัคคีภัย หรือมีข้าศึกศัตรูมาประชิดพระนคร

หลังจากที่กราบไหว้เทพารักษ์ทั้ง 5 แล้ว ฉันเห็นผู้คนรุมล้อมกันมากมาย ทุกคนล้วนถือขวดน้ำมันในมือ พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงถึงบางอ้อ ร้อง!อ๋อทันทีว่าตรงนี้เป็นพระประจำวันเกิด ฉันจึงไม่รอช้าเทน้ำมันรอบๆ พระประจำวันเกิดของฉันที่เป็นปางอุ้มบาตร การมาไหว้พระศาลหลักเมืองอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการยกองค์พระเสี่ยงทาย ในการยกพระนั้นมีขั้นตอนอยู่ว่า ผู้ยกองค์พระจะต้องตั้งจิตอธิษฐานให้เป็นสมาธิ ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นให้ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาล ขอพรให้การยกพระเสี่ยงทายครั้งนี้จงสัมฤทธิ์ผลดังที่ตั้งใจไว้ สอบถามในสิ่งที่ต้องการ แล้วอธิษฐานให้องค์พระหลักหรือเบาก็ได้ ที่สำคัญไม่ควรยกเกินกำลัง เมื่อฉันอ่านข้อปฏิบัติในการยกเสร็จก็รีบตั้งจิตอธิษฐานยกพระเสี่ยงทาย แต่ยกขึ้นหรือไม่นั้นฉันขอเก็บมันเอาไว้เป็นความลับในใจ(แบบฮิวโก้)ก็แล้วกัน ตรงข้ามกับศาลายกพระเสี่ยงทายเป็นโรงลิเก แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าที่ศาลหลักเมืองเขาจัดงานวัด เพราะที่เขาจัดแสดงนั้นเป็นการรำแก้บนไว้ให้ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ขอได้กลับมาแก้บนกัน


ในแต่ละวันศาลหลักเมืองกรุงเทพฯจะคราคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดิน ทางมาสักการะบูชารวมไปถึงบนบานศาลกล่าวในแต่ละวันศาลหลักเมืองกรุงเทพฯจะคราคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดิน ทางมาสักการะบูชารวมไปถึงบนบานศาลกล่าว

ครั้นเห็นผู้คนมากมายมากราบไหว้อธิษฐานขอพรจากพระหลักเมืองกันอย่างเนืองแน่นแล้ว ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ที่มาไหว้แต่ละคนเขาขอพรอะไรกันบ้างจึงเข้าไปสอบถามด้วยความอยากรู้ เริ่มต้นกันที่ศาลานั่งพักกับ พวงผกา ลิ้มสุวัฒน์ ที่มากันเป็นคณะ บอกว่ามีหมอนั่งสมาธิดูวันและเวลาที่สมควรไหว้ เขาแนะนำมาให้ไหว้ โดยนำผลไม้ 5 อย่าง หรือส้ม 5 ลูก มาบูชาพระหลักเมือง ในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละสถานที่ก็จะมีความหมายในตัวอยู่แล้ว อย่างที่พระหลักเมืองก็จะขอพรให้เป็นหลักชัยของชีวิต มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ซึ่งก่อนหน้านี้มาจากวัดพระแก้ว ไหว้พระแก้วมรกตพระคู่บ้านคู่เมืองความหมายก็คือ จะได้มีแก้วแหวนใช้ พอไหว้ที่นี่เสร็จก็จะไปที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 3 บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ความหมายนั่นก็คือจะได้มีเงินมีทองใช้ ในเรื่องของการยกพระเสี่ยงทายส่วนตัวแล้วเคยลองครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยยกอีกเลย เพราะเหมือนกับว่ามันเป็นการลองของ พวงผกา กล่าว ฉันเดินออกจากศาลาพักผ่อนเสร็จ ก็เจอนักศึกษาสาวกำลังผูกผ้าสีที่เสาหลักเมืองด้านนอก ฉันจึงตรงดิ่งเข้าไปถามว่านักศึกษาที่มาไหว้ เขาจะขอพรเรื่องหลักชัยในการเรียนหรือหลักชัยในการรักกันแน่

 

นักศึกษาสาว อารยา แซ่ตั๊น จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่ามาไหว้พระศาลหลักเมืองบ่อยเป็นประจำอยู่แล้วประมาณเดือนละครั้ง ส่วนใหญ่จะมากับคุณแม่เสมอ เพราะมาไหว้แล้วรู้สึกสบายใจ เวลาขออะไรก็มักจะเป็นไปตามที่ขอเอาไว้ เคยขอเรื่องการสอบเข้า ก็ได้ตามที่ขอ โดยส่วนตัวแล้วจะไม่บนบานศาลกล่าวจะเป็นการขอพรมากกว่า เพราะกลัวการบนว่าบนไปแล้วจะจำไม่ได้ ส่วนบางคนก็มาไหว้หลักเมืองกันแบบเป็นคู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นคู่รักหรือคู่เพื่อนพี่น้องกันแน่ อย่างเช่นคู่ของอัญชลี พลอยชูช่วย และธนภัทร หลิมสุนทร เริ่มต้นด้วย อัญชลี เผยความในใจในการไหว้หลักเมืองว่า มาไหว้ในช่วงปีใหม่นี้เพื่อที่จะได้เป็นหลักเป็นฐานในการทำงาน ในการไหว้ก็จะไหว้ผลไม้ 5 อย่าง ส่วนใหญ่ที่ขอก็จะเป็นเรื่องการงาน แต่ถ้าตัวเราไม่ตั้งใจทำงานด้วยก็คงจะไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นหนุ่มใหญ่ธนภัทร กล่าวทิ้งท้ายอีก ในการมาสักการะก็จะมาตามเทศกาลต่างๆ โดยจะมีแม่เป็นผู้แนะนำมา การขอพรก็จะขอตามความหมายของแต่ละสถานที่ต่างกันไป อย่างที่นี่ก็จะขอให้มีหลักชัยในชีวิต มีหน้าที่การงานที่มั่นคง เจอแต่สิ่งดีๆ ในปีใหม่ เมื่อรู้ความหมายของศาลหลักเมืองแล้ว ใครที่คิดว่าตนเองยังหาหลักให้กับชีวิตไม่ได้ ยังเป็นเพียงไม้หลักปักขี้เลนอยู่ละก็ ฉันก็ขอแนะนำให้มาไหว้หลักเมืองกับเขาซะหน่อย เผื่อที่จะได้มีหลักที่มั่นคงเหมือนกับคนอื่นบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตนเองเป็นหลัก ไม่ใช่รอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว

การเดินทางมาศาลหลักเมือง

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ที่ หัวมุมสนามหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง ถนน หลักเมือง แขวง พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร การเดินทางโดยรถประจำทางต้องขึ้นสาย 1,3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 64, 80, 82, 91, 201, 203 รถปรับอากาศสาย ปอ.501, 503, 508, 512 เปิดให้คนสักการะทุกวัน 05.30 - 19.30 น.

 

ไหว้หลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2548 18:17 น.
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook