สตาร์ครู๊ซส์สวรรค์กลางทะเล

สตาร์ครู๊ซส์สวรรค์กลางทะเล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อาทิตย์นี้บินเดี่ยว ขออนุญาติเพื่อนๆ ผิดนัดที่จะพาไปท่องราตรีบนสุขุมวิทอีกสักครั้ง อันเนื่องมาจากติดภาระกิจสำคัญ สัญญาว่าหลังจากเสร็จราชการงานด่วนเรียบร้อยแล้ว จะรีบกลับมาพาเพื่อนๆไปย่ำสุขุมวิทตามสัญญา ส่วนอาทิตย์นี้นายบินเดี่ยวขอคั่นโฆษณากับ เรื่องเล่าสนุกๆ จากเพื่อนนายบินเดี่ยว ที่โชคดีได้ไปล่อง เรือสำราญ เคล้าเกลียวคลื่น บนเส้นทางจาก กรุงเทพฯ สู่หมู่เกาะฟูค๊อก ประเทศเวียดนาม อ่านแล้วเชื่อว่า ใครหลายๆคนคงอยากออกไปท่องทะเลเป็นแน่"เรือรักเรือสำราญ" ฝันสีหวานที่เชื่อว่าใครหลายคนคงแอบหวัง ว่าสักวัน เราคงมีโอกาส ได้ไปชูคออยู่บนเรือสำราญลำใหญ่ กับคนที่เรารัก บ่ายสามโมงเศษๆของเย็นวันศุกร์ ผมกำลังบ่ายหน้าสู่แหลมฉบัง เพื่อเดินทางไปกับทริป ของสตาร์ครู๊ซส์ สู่เกาะฟูค๊อก ประเทศเวียดนาม ยอมรับว่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเกิดมา ในชีวิตก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เดินทางไกลๆ ไปกับเรือลำใหญ่ๆแบบนี้ หลังจากนำรถยนต์ส่วนตัวฝากเรียบร้อย ทางสตาร์ครู๊ซส์มีบริการรถรับส่ง ไปยัง จุดเทียบท่าของเรือสำราญขนาดใหญ่ ใหญ่ขนาดที่เมื่อแรกเห็นแล้ว อดทึ่งไม่ได้กับความ สามารถของมนุษย์ ในความพยายามต่อสู้กับธรรมชาติ เรือลำปัจจุบันที่ทางสตาร์ครู๊ซส์ใช้ บริการขณะนี้ เป็นลำที่ใหญ่และหรูหรากว่าลำก่อนที่ชื่อ "สตาร์ อะแควเรียส" ไม่หยอก ลำ ล่าสุดนี่ชื่อ "ซุปเปอร์สตาร์ เอริส" ก่อนจะได้ขึ้นเรือ ผู้โดยสารทุกคนต้องผ่านพิธีการเช็คอินและตรวจพาสปอร์ตให้เรียบร้อย กันก่อน ผมเองนั้นเรียบร้อยตั้งแต่บ่ายสี่โมงนิดๆเอง ตายล่ะหว่า กว่าเรือจะออกตั้ง 20.30 น. เราจะทำอะไรดีหนอ ตัดสินใจเข้าห้องพักอาบน้ำก่อนดีกว่า เปิดไปพบห้องพักของผมนั้น ประทับใจสุดประมาณจริงๆ มีมุมโปรดนั่งเล่นดูทีวี หรือจะนั่งคุย จิบชากาแฟ แถมมองออกไปนอกหน้าต่าง ยังเห็นวิวทะเลสุดสายตาทอดรออยู่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ มิพักชักช้า รีบเสนอหน้าออกมานอกห้องทันที เพื่อสำรวจ ดูว่า แม่สาวน้อยเอริสลำนี้ มีอะไรดีบ้าง แต่ก่อนอื่น..ผมนึกถึงภาษิต กองทัองเดินด้วยท้อง.. แล้วเวลาก็ใกล้ 6 โมงเย็นเต็มที อย่ากระนั้นเลย แวะไปจัดการกับดินเนอร์ที่ห้องท้ายเรือชั้น 9 ห้องอาหารคลิปเปอร์ก่อนดีกว่า หลังจากเดินสำรวจบุฟเฟต์อาหารคาวหวานอยู่หลายรอบ ก็ได้ของถูกใจหอบกลับโต๊ะมาหลาย อย่าง มีทั้งสลัดทูน่า, กุ้งอบเกลือทอดกระเทียม, แกงเผ็ดหมูย่าง ฯลฯ การดินเนอร์เคล้าเสียง คลื่นของผมจบลงด้วยอาการอิ่มถึงอิ่มมาก เอาล่ะ..ถึงเวลาสำรวจกันแล้ว ผมจัดแจงเดินลัดเลาะเพื่อทัศนะศึกษา แถมเป็นการย่อยอาหารไปในตัวด้วย สาวน้อยเอริสลำนี้ภายในบรรจุด้วย สิ่งที่ทำให้คุณบันเทิงได้อย่างครบทุกรูปแบบ ทั้งสระ ว่ายน้ำกลางแจ้งและในร่ม, คาราโอเกะ, ห้องสมุด, บูติค, สถานเสริมความงาม, วิดีโออาเขต, ฟิตเนส เซ็นเตอร์ นอกจากนั้นยังมีสถานที่ออกกำลังกาย สำหรับท่านที่รักการเสี่ยงโชคอีกด้วย ตามภาษาคนรักศิลปะ อะแฮ่ม..ผมตัดสินใจฝากค่ำคืนนั้นไว้ที่ห้องยุโรปเลาจน์ เพื่อชมการ แสดงจากทีมงานนักเต้นสาวสวยจากยุโรป และนักกายกรรมสาวสวยจากรัสเซีย ผู้มีนามกร ว่าเอลีน่า หลังจากดื่มด่ำกับการแสดงบนเวทีอีกหลายขนาน แกล้มด้วยว็อดก้าโทนิค แก้วแล้วแก้วเล่า คืนนั้นผมได้นอนฝันดี รุ่งขึ้นวันที่ 2 ของการเดินทาง หลังจากจัดการอาหารเช้าเสร็จ มีช็อยส์ให้ท่านเลือก มากมาย บางท่านอาจจะเลือกออกกำลังเบาๆด้วยการเล่นปิงปอง หรือพัตต์กอล์ฟที่ชั้นท้ายเรือ ชั้น 10 หรือไปร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางฝ่ายกิจกรรมของสตาร์ครูซส์จัดขึ้น ถัดมาระหว่างอาหาร มื้อเที่ยงมีข่าวร้ายว่า ทางกัปตันเรือตัดสินใจไม่แวะเข้าเกาะฟูค๊อก เนื่องจากทะเลคลื่นแรงมาก ไม่เป็นไร..ผมเลือกตรงดิ่งไปผลาญแคลอรี่ที่สะสมมา ที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ชั้น 2 ของเรือ ตามด้วย การเซาน่าและนวดตัว ตัวเบาเรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายคล้อยผมไปนั่งกินลมชมวิว แปลงร่างเป็นพระเอกมิวสิควิดีโอ ที่ระเบียงท้ายเรือ ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด พอรู้สึกตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็เริ่มขี้เกียจทำงาน เสียแล้ว.. ชีวิตกลางคืนมาเยือนอีกครั้ง ผมเริ่มต้นด้วยภาพยนตร์ที่ซีนีม่า เลา์ชั้น 9 ตามด้วย Las Vegas style cabaret show แล้วตบด้วยอาหารมื้อเที่ยงคืนที่ห้องอาหารแกรนด์ชั้น 7 หลังจากนั้นความตั้งใจที่จะไปเต้นระบำต่อเริ่มหมดไป นึกถึงแต่หมอนบนเตียงนอนที่แสน นุ่มเท่านั้น เช้าแล้ว เช้าสุดท้าย ที่ผมจะได้อยู่กับแม่สาวน้อยเอริส ใครบางคนกล่าวว่า "เวลาแห่งความสุข มักจะสั้นเสมอ" เวลาที่เหลือของผมในเช้าวั้นนั้น ก่อนที่เรือจะกลับ สู่แหลมฉบังหมดไปกับการ ตะลุยหาของที่ระลึกและการซื้อของในดิวตี้ฟรีช็อป ซึ่งบรรดา สาวๆนักช็อปทั้งหลายน่าจะถูกใจ เนื่องจากมีทั้งเครื่องสำอาง, น้ำหอม, กระเป๋า และ ช็อคโกเลตให้เลือกซื้อส่วนผมนั้นโฟกัสไปที่บรรดาของอบายมุขทั้งหลายอย่าง บุหรี่กับสุรา มากกว่า อาหารมื้อสายเคล้ากับเสียงเพลงจากกีต้าร์สไตล์ฮาวายเอี้ยน เข้ากับบรรยากาศบนเรือสำราญ ดีจริงๆ นับเป็นทริปที่วิเศษสำหรับการพักผ่อนและชาร์จแบตเตอรี่ ก่อนที่จะต้องกลับไปผจญ กับการทำงานและโลกแห่งความจริงอีกครั้ง 11.30 น. เรือกลับมาเทียบท่าที่แหลมฉบังอย่างสวัสดิภาพ ก่อนจะลงจากบันไดสู่ฝั่ง ผมหันกลับไปมองมันอีกครั้ง เหมือนจะเป็นการจูบลาแม่สาวน้อยเอริส ที่รับรองว่า..จะไม่มีวันลืม. เรื่องโดย "ธีรพัฒน์" ภาพประกอบจาก http://www.starcruises.com
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook