ช่วงนี้
ผู้จัดการตระเวนกิน
ยังคงติดลมบน
ชอบไปชิมอาหารของเมืองนอกเมืองนา
ไม่ใช่ว่าหลงแสงสีหรือลืมรสน้ำพริกของไทยๆ
เพียงแต่ว่านานทีปีหนได้ไปเปิดหูเปิดตาดูสีสันการจัดตกแต่งและลิ้มลองรสชาติอะไรใหม่ๆ
ก็ถือเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การกินให้กับตัวเองได้บ้าง
|
|
|
ทุกวันเสาร์ช่วงค่ำจะมีนักร้องมาร้องโอเปร่าให้ฟังกันสดๆ |
|
|
เหมือนอย่างคราวนี้ที่
ผู้จัดการตระเวนกิน
ได้หนีบเพื่อนๆ 4-5 คน
ไปนั่งกินอาหารอิตาเลียนที่ร้าน
Papa Alfredos
(ออกเสียงว่า ปาป้า
อัลเฟรโด)
เพราะชอบสไตล์การจัดตกแต่งร้านที่ย้อนไปในปี
1930
ออกแนวบ้านเก่าหลังเล็กๆ
ของครอบครัวชาวอิตาลี
สร้างความรู้สึกสบายๆ
อบอุ่นเป็นกันเอง
ไม่ต้องมีพิธีรีตองในการกินหรือวางตัวมากนัก
และอีกหนึ่งความพิเศษที่จูงใจให้เรามาที่นี่
ก็คือทุกวันเสาร์ที่ร้านนี้จะมีการแสดง
Classic-Opera
ของคณะ Melodrama Opera
Group
ซึ่งเป็นเหล่าลูกศิษย์ฝีมือเฉียบของ
อาจารย์ดุษฎี พนมยงค์
ผู้ซึ่งมีรางวัลการันตีฝีมือด้านดนตรีและการขับร้องมานักต่อนัก
ฟังอย่างนี้หลายคนคงตั้งแง่ไว้ก่อนว่าการฟังเพลงโอเปร่าคงไม่ใช่แนวที่เราจะเข้าถึงได้ง่ายๆ
จะต้องปีนบันไดฟังเหมือนเสียงสูงๆยาวๆ
ของโอเปร่าด้วยหรือเปล่า
|
ซึ่งผู้จัดการตระเวนกิน
เองก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน
แต่จริงๆ
แล้วอาจารย์ดุษฎี
ได้ให้ความรู้มาว่าโอเปร่าไม่ใช่เพลงของชนชั้นสูง
สำหรับเมืองนอกเป็นเพลงที่ร้องข้างถนนด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นแนวดนตรีอีกทางเลือกหนึ่งที่อยากให้ลองฟัง
ยิ่งมารวมเข้ากับรสชาติและบรรยากาศความเป็นอิตาเลียน
ก็น่าจะทำให้มื้อนี้อิ่มเอมเปรมปรีดิ์เข้าไปอีก
ว่าแล้วไม่รอช้าสั่งเมนูแรกกันดีกว่า
Papa Antipasti Platter
(333 บาท) เป็นออเดิร์ฟรวมหลายๆอย่างในจานเดียวมีทั้ง
ผักโขมชีสอบเห็ด (Stuffed
Mushrooms)
หน้าตาชวนกินไม่พอยังได้กลิ่นหอมเตะจมูกของชีส
เบคอนและเห็ดหอมเข้าไปอีก
อีกชิ้นเป็นเห็ดผัดน้ำมันขนมปังกรอบ
(Bruschetta)
ชิ้นนี้ใช้เห็ดหอมผัดกับน้ำมันมะกอกวางบนขนมปังโรยหน้าด้วยชีสแล้วอบจนสุกกรอบ
ส่วนหอยลายอบชีส (Baked Clams)
และไส้กรอกหมูอิตาเลียน
(Italian Sausage)
ก็หอมน่ากินไม่แพ้กัน
|
เมนูต่อมาเป็น
Spaghetti Big Meatballs
(290 บาท)
กินแล้วก็รู้สึกได้ว่าสปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม
รสชาติเข้มข้นด้วยเนื้อบดที่ผสมเครื่องเทศปั้นเป็นก้อนกลมใหญ่ๆ
ราดหน้าด้วยซอสมะเขือเทศ
พอคลุกเคล้าเข้าด้วยกันก็ทำให้จานนี้ไม่เลี่ยน
และกินได้เรื่อยๆ
Fettuccine
(390 บาท)
เมนูจานสวยจัดตกแต่งเหมือนปลา
ส่วนที่เป็นตัวปลาเป็นเส้นสปาเกตตี้แบน
ผัดกับกุ้ง
ปลาหมึกชิ้นใหญ่ๆ
และซอสมารีนนาร่าที่เป็นซอสอิตาลี
ได้รสชาติเผ็ดนิดหน่อย
ส่วนที่จัดแต่งเป็นหางปลาก็มีทั้งหอยตลับและหอยแมลงภู่จากนิวซีแลนด์ตัวขนาดใหญ่
ทำให้กินได้เต็มปากเต็มคำผัดกับซอสมารีนนาร่าเช่นกัน
หรือถ้าอยากได้รสชาติอีกแบบจะเปลี่ยนเป็นซอสไวน์ขาวก็ได้
|
ปิดท้ายด้วย
Diavola (300
บาท) เป็นพิซซ่าแผ่นบางกรอบ
ใส่ซอสที่เข้มข้น
โรยหน้าด้วย Salami
เป็นแฮมหมูนั่นเอง
แต่จริงๆแล้วต้นตำรับดั้งเดิมเป็นแฮมเนื้อม้า
แต่อย่างว่าบ้านเราไม่นิยมกินก็เลยใช้แฮมหมูแทน
นอกจากนี้ก็ยังมีไส้กรอกอิตาเลีย่างไปจากพิซซ่าในร้านชื่อที่เราคุ้นเคยจริงๆ
ยังมีเมนูอื่นที่น่ากินอีกอย่าง
Caesar Salad (150
บาท) Lasagna Spinach
(230 บาท) Grilled Lamb Chops
(260 บาท) และอีกหลายอย่าง
แต่แค่กิน 4
จานนี้เข้าไปก็อิ่มแปล้
นี่ขนาดว่ามีเพื่อนช่วยกันกินตั้งหลายคน
ก็อาหารที่ยกมาแต่ละจานนั้นไม่ใช่เล็กๆ
แต่เป็นจานใหญ่มหึมา
ให้เหล่านักกินทั้งหลายได้อิ่มหนำเต็มที่กันทุกคน
พอถึงเวลาคิดค่าอาหารก็ช่วยกันจ่ายเหมือนที่ช่วยกันกิน
มื้อนี้ของ ผู้จัดการตระเวนกิน
ก็เลยคุ้มจริงๆ
*
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
* *
Papa
Alfredos
ตั้งอยู่ที่ชั้นล่าง
อาคารอื้อจือเหลียง
ซึ่งอยู่ถนนพระรามสี่
ตรงข้ามกับสวนลุมพินี
ร้านเปิดทุกวันเวลา 10.30
14.30 ซึ่งจะมี Special Set Menu
ราคาไม่แพงบริการด้วย
และอีกช่วงเวลาคือ 17.30
22.00 ทุกๆ
วันเสาร์มีการแสดงสดร้องเพลงโอเปร่าโดยคณะ
Melodrama Opera Group เสาร์ละ 2 คน
ในช่วงเวลา 20.00 - 21.30
ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.
0-2234-4357, 0-2632-4043 |