โหวตเว็บระดับโลก 10 เมืองที่ "อาหารอร่อยที่สุด" ไทยมีติดด้วย 1 จังหวัด และไม่ใช่กรุงเทพ!

โหวตเว็บระดับโลก 10 เมืองที่ "อาหารอร่อยที่สุด" ไทยมีติดด้วย 1 จังหวัด และไม่ใช่กรุงเทพ!

โหวตเว็บระดับโลก 10 เมืองที่ "อาหารอร่อยที่สุด" ไทยมีติดด้วย 1 จังหวัด และไม่ใช่กรุงเทพ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

10 เมืองอาหารดีที่สุดในโลกปี 2025 การันตีจากโหวตผู้อ่าน Condé Nast Traveller “โตเกียว” ครองแชมป์ จังหวัดของไทยก็มีติดด้วย!

เมืองเหล่านี้คือจุดหมายปลายทางที่มีอาหารอร่อยที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการโหวตจากผู้อ่านในงาน Readers' Choice Awards ประจำปีนี้ของนิตยสาร Condé Nast Traveller อาหารถือเป็นสิ่งที่คู่กับการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง นักเดินทางมักจดจำพิซซ่าชิ้นโตที่กินในบรู๊กลินได้ดีกว่าทิวทัศน์ที่มองเห็นจากตึกเอ็มไพร์สเตต และก่อนออกเดินทาง หลายคนก็ใช้เวลาค้นหา “ร้านอร่อย” บนโซเชียลมีเดียอย่างไม่รู้จบ

ปีนี้วงการอาหารทั่วโลกคึกคักเป็นพิเศษ จนมีเพียงสองเมืองจากสิบอันดับของปีก่อนที่ยังติดโผอยู่ นั่นคือเคปทาวน์ที่อันดับลดลงเล็กน้อย และโตเกียวที่ความหลงใหลของนักชิมทั่วโลกช่วยผลักดันให้ขึ้นสู่อันดับสูงสุด บทความนี้จะพาไปชมว่าเมืองใดคือ “เมืองแห่งอาหารที่ดีที่สุดในโลก” ประจำปี 2025

 

10. นิวยอร์ก (New York)

ไม่มีที่ใดในสหรัฐอเมริกาหรือแม้แต่ทั่วโลกที่ทำให้นักชิมตื่นเต้นได้เท่านิวยอร์กอีกแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหารระดับตำนานควบคู่ไปกับร้านเปิดใหม่ที่ชื่อเสียงขึ้นอยู่กับรสนิยมของชาวนิวยอร์กผู้เร่งรีบ ทุกย่านเต็มไปด้วยพลังแห่งความทะเยอทะยานด้านอาหาร ตั้งแต่ร้านหรูอย่าง Carbone และ Nobu Downtown ไปจนถึงพุดดิ้งกล้วยจาก Magnolia Bakery ที่ใคร ๆ ก็พร้อมต่อคิวไม่ว่าจะอากาศแบบไหน นิวยอร์กจึงเป็นเมืองที่ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน สุดท้ายท้องของเราก็จะพากลับมาที่นี่เสมอ

9. ปัลมา (Palma)

ปัลมาคือเมืองในฝันริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีเมนูอาหารน่าหลงใหลพอ ๆ กับบรรยากาศริมฝั่งทะเล เชฟในเมืองนี้รังสรรค์อาหารแบบมาจอร์กันในรูปแบบใหม่ตามตรอกซอกซอยเก่าแก่ กลิ่นขนมอบลอยออกมาจากร้านเบเกอรี่ริมถนน ขณะที่นักท่องเที่ยวเลือกนั่งพักในมุมร่มเพื่อเพลิดเพลินกับของหวาน สดชื่นกับมื้อเที่ยงบนดาดฟ้าโรงแรม และเดินตลาดเช้าหรือร้านขายปลาเพื่อเลือกวัตถุดิบมาทำอาหารเองอย่างสนุกสนาน

8. ซาน เซบัสเตียน (San Sebastián)

ชื่อเสียงด้านอาหารของซาน เซบัสเตียนไม่ใช่ความลับ เมืองบาสก์แห่งนี้มีจำนวนร้านอาหารระดับมิชลินต่อประชากรสูงที่สุดในโลก จึงเป็นจุดหมายในฝันของนักชิมตัวจริง ทุกตรอกหินในเขตเมืองเก่าซ่อนร้านบาร์เล็ก ๆ ที่เสิร์ฟอาหารรสเลิศซึ่งไม่ค่อยมีในหนังสือท่องเที่ยว เพียงแค่นั่งดื่มเชอร์รีในบาร์แล้วพูดคุยกับคนท้องถิ่น คุณก็จะได้คำแนะนำที่ดีที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง

7. ลิสบอน (Lisbon)

ปลาซาร์ดีนย่าง ทาร์ตคัสตาร์ด และเหล้าเชอร์รีรสหวานอมเปรี้ยว คือสัญลักษณ์ของเมืองหลวงโปรตุเกสแห่งนี้ อาหารพื้นบ้านถ่ายทอดเรื่องราวของชาวลิสบอนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ตั้งแต่นักเดินเรือจนถึงคุณยายที่ทำอาหารด้วยรอยยิ้ม เมืองนี้อบอวลด้วยความจริงใจ และด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่ ทำให้คุณสามารถขอคำแนะนำร้านเด็ดจากคนท้องถิ่นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นไวน์บาร์หรูพร้อมวิวทะเล อาหารระดับมิชลินกลางแจ้ง หรือขนมพาสเทล เด นาตาที่ถือกินระหว่างทาง ทุกคำคือความอร่อยที่ควรลิ้มลอง

6. เคปทาวน์ (Cape Town)

แม้จะชื่อว่า “ทาวน์” แต่เมืองหลวงของแอฟริกาใต้แห่งนี้กลับกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยย่านหลากรสชาติ อาหารท้องถิ่นได้รับอิทธิพลจากแอฟริกัน ดัตช์ มลายู และอินเดีย จนกลายเป็นการผสมผสานที่โดดเด่น เดินเล่นริมท่าเรือพร้อมไวน์เย็น ๆ เคล้าเสียงสเต็กและอาหารทะเลสด ๆ บนเตา หรือไปเยี่ยมชมไร่องุ่นชื่อดัง Babylonstoren ในเขตไวน์แลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

5. กีโต้ (Quito)

ถึงอากาศจะบางเพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล แต่รสชาติอาหารในเมืองหลวงของเอกวาดอร์กลับเข้มข้นอย่างน่าทึ่ง ตลาดเต็มไปด้วยผลไม้เมืองร้อนสีสดและกลิ่นหอมจากอาหารริมทางอย่างเอมปานาดาและมันฝรั่งย่าง เชฟรุ่นใหม่ของประเทศนี้กำลังสร้างนิยามใหม่ให้กับอาหารเอกวาดอร์ ด้วยการยกระดับวัตถุดิบพื้นบ้านให้กลายเป็นจานสวยที่น่าประทับใจ

4. เชียงใหม่ (Chiang Mai)

เสียงกระทะที่ดังฉ่าและกลิ่นพริกเผ็ดร้อนคือเอกลักษณ์ของถนนในเชียงใหม่ นักเดินทาง แบ็กแพ็กเกอร์ และคนท้องถิ่นนั่งกินเคียงกันในตลาดกลางคืนอันคึกคัก เมนูยอดนิยมในเมืองเหนือแห่งนี้ได้แก่ ข้าวซอย และไส้อั่วที่ทำจากหมูและสมุนไพรหลากชนิด ตั้งแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง ไปจนถึงร้านอาหารริมแม่น้ำภายใต้แสงโคม หรืออาหารเช้าท่ามกลางขุนเขามีหมอก เมืองนี้คือสวรรค์ของนักกินอย่างแท้จริง

3. มาดริด (Madrid)

ชาวมาดริดมีความมั่นใจในการกิน และไม่น่าแปลกใจเลยในเมืองที่มีอาหารน่าลิ้มลองทุกมุม ตั้งแต่ร้านดังอย่าง Restaurante Los Montes de Galicia และ Sobrino de Botín ไปจนถึงร้านลับที่คนท้องถิ่นหวงแหน ชูร์โรสจุ่มช็อกโกแลตร้อนในยามเช้า แฮมอิเบริโกถูกหั่นอย่างประณีต และเชฟเสิร์ฟทาปาสที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากตลาดประจำวันอย่างสร้างสรรค์

2. ซานตาเฟ (Santa Fe)

ซานตาเฟ เมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาหลายศตวรรษในการหล่อหลอมรสชาติอาหารให้สมบูรณ์แบบ กลิ่นหอมของพริกย่างและข้าวโพดหวานลอยอยู่ในอากาศแห่งทะเลทรายสูง วัตถุดิบแต่ละอย่างสะท้อนถึงรากเหง้าของชนพื้นเมืองและประวัติศาสตร์ทางอาหาร ร้านอาหารผสมผสานรสเผ็ดร้อนกับความกลมกล่อมได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ทาโก้ริมถนนไปจนถึงร้านเชฟชื่อดังที่ตีความอาหารดั้งเดิมในรูปแบบใหม่

1. โตเกียว (Tokyo)

มหานครที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้ขึ้นสู่อันดับหนึ่ง คว้าตำแหน่ง “เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับอาหาร” ประจำปี 2025 เราเคยยกย่องโตเกียวว่าเป็นจุดหมายในฝันของนักชิม และดูเหมือนว่าทั่วโลกจะเห็นด้วยแล้ว ชั่วโมงในมหานครนีออนแห่งนี้คือเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นแท้ ตั้งแต่ซาชิมิในตลาดสึกิจิ ไปจนถึงมื้อหรูแบบหลายคอร์สในร้านมิชลินมากมาย แม้จะมีตารางท่องเที่ยวแน่นขนัด ก็ยังมีเวลานั่งกินราเมงอุ่น ๆ หรือซูชิแบบซื้อกลับบ้าน ก่อนปิดท้ายคืนด้วยสาเกอย่างคนท้องถิ่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล