รู้จัก 8 ประเภท ชาเขียว ญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง รสชาติต่างกันไหม

รู้จัก 8 ประเภท ชาเขียว ญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง รสชาติต่างกันไหม

รู้จัก 8 ประเภท ชาเขียว ญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง รสชาติต่างกันไหม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงนี้ชาเขียวกลายเป็นเมนูยอดนิยม ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่มและขนม แต่รู้หรือไม่ นอกจากความอร่อยแล้ว ชาเขียวยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเผาผลาญ ควบคุมน้ำหนัก และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ วันนี้เราจะพามารู้จัก 8 ประเภทของชาเขียวญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง รสชาติแต่ละชาต่างกันไหม และเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาดูกัน

gettyimages-535650859-170667a

8 ประเภทของชาเขียวญี่ปุ่น

1. เซนฉะ (Sencha)

ชาเซนฉะเป็นชาเขียวที่ได้รับความนิยมและบริโภคมากที่สุดในญี่ปุ่น ผลิตโดยวิธีการทั่วไปคือการนำใบชาไปนึ่งแล้วม้วนให้เป็นเส้น ทำให้ได้รสชาติสดชื่น หอมละมุน และมีความฝาดอ่อน ๆ

gettyimages-1150384172-170667

2. ฟุคามุชิ เซนฉะ (Fukamushi Sencha)

ชาเซนฉะที่ผ่านการนึ่งนานกว่าปกติประมาณสองเท่า จึงเรียกว่า "ฟุคามุชิ" ซึ่งหมายถึง "การนึ่งเป็นเวลานาน" ใบชาจะมีเนื้อที่ละเอียดขึ้น ชามีสีเขียวเข้ม รสชาติเข้มข้นขึ้นแต่ไม่มีรสฝาดหรือกลิ่นหญ้า ทำให้สามารถดูดซึมสารอาหารจากชาได้ดีขึ้น

gettyimages-1134525310-170667

3. เกียวคุโระ (Gyokuro)

ชาเขียวชั้นสูงที่ต้องมีการคลุมต้นชาก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 20 วัน เพื่อป้องกันแสงแดดและลดการเปลี่ยนแปลงของอะมิโนแอซิดเป็นคาเทชิน ทำให้ชาเกียวคุโระมีรสชาติหวานนุ่ม ไม่มีความฝาด และมีกลิ่นหอมคล้ายสาหร่ายทะเล

gettyimages-563949409-170667a

4. คาบุเซฉะ (Kabusecha)

ชาเขียวที่ใช้วิธีคลุมต้นชาก่อนเก็บเกี่ยวเช่นเดียวกับเกียวคุโระ แต่ใช้เวลาสั้นกว่าเพียงประมาณ 1 สัปดาห์ ส่งผลให้มีสีเขียวเข้ม รสชาติเข้มข้น และมีความฝาดต่ำกว่าชาเซนฉะ

5. มัทฉะ (Matcha)

มัทฉะเป็นชาเขียวบดละเอียดที่ได้จาก "เทนฉะ" ซึ่งนำไปบดด้วยหินจนเป็นผงละเอียด มัทฉะแบบเข้มข้น (Koicha) ถูกใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสมหลักในขนมและอาหารต่าง ๆ อีกด้วย จุดเด่นของมัทฉะคือการดื่มแล้วได้รับสารอาหารจากใบชาแบบเต็ม ๆ

gettyimages-545985637-170667a

6. เทนฉะ (Tencha)

ชาเทนฉะเป็นชาที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตมัทฉะ โดยต้นชาจะถูกคลุมก่อนเก็บเกี่ยวคล้ายกับเกียวคุโระ แต่หลังจากการนึ่ง ใบชาจะถูกทำให้แห้งโดยไม่ผ่านการม้วน จากนั้นนำไปคัดแยกก้านและเส้นใบออกจนเหลือเป็นชิ้นใบบริสุทธิ์

7. เก็นไมฉะ (Genmaicha)

ชาเก็นไมฉะเป็นชาเขียวที่ผสมกับข้าวกล้องคั่ว ซึ่งทำให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากความหอมของข้าวคั่วและความสดชื่นของชาเซนฉะ คาเฟอีนต่ำ เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

gettyimages-1172299526-170667

8. โฮจิฉะ (Hojicha)

ชาโฮจิฉะได้จากการนำชาเซนฉะหรือชาชนิดอื่น ๆ มาคั่วในอุณหภูมิประมาณ 200°C ทำให้มีสีแดงน้ำตาลและมีกลิ่นหอมไหม้อ่อน ๆ คาเฟอีนลดลง ทำให้เป็นชาที่ดื่มง่ายเหมาะกับทุกเพศทุกวัย

gettyimages-535650889-170667a

 

ชาเขียวแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน เลือกชาที่ถูกใจ แล้วดื่มด่ำกับเสน่ห์ของชาเขียวญี่ปุ่นกันได้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook