อินโดนีเซียจุดโคมอลังการ! ประกาศพัฒนา "บุโรพุทโธ" แหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ดึงดูดชาวพุทธทั่วโลก

อินโดนีเซียจัดงานวิสาขบูชาอย่างยิ่งใหญ่ ณ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ แหล่งมรดกโลกอันทรงคุณค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงศาสนาจากทั่วโลก พร้อมประกาศพัฒนา "บุโรพุทโธ" เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ หวังให้เป็นหมุดหมายสำคัญของชาวพุทธและผู้แสวงหาความสงบในจิตใจ โดยเฉพาะชาวไทยซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ

กิจกรรมวิสาขบูชาและการจุดโคมไฟอลังการ

ในวันที่ 23 พฤษภาคม ได้มีการจัดกิจกรรมจุดโคมไฟอลังการ มีนักท่องเที่ยวเชิงศาสนาเข้าร่วมมากกว่า 20,000 คน รวมทั้งพระสงฆ์และแม่ชีจากไทยเข้าร่วมสวดมนต์และภาวนา ก่อนจุดโคมไฟสร้างบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ สวยงาม ประทับใจ

กิจกรรมวันวิสาขบูชาไม่เพียงมุ่งเน้นกิจกรรมเฉพาะวันที่ 23 พ.ค. ซึ่งเป็นวันสำคัญที่บุคคลสำคัญของอินโดนีเซียและคณะทูตานุทูตเข้าร่วมเท่านั้น ก่อนหน้านี้ได้มีกิจกรรมธุดงค์ สวดมนต์ภาวนา ซึ่งมีพระแม่ชีจากหลายประเทศเข้าร่วมกิจกรรมมมาก่อนหน้าเป็นเวลา 4 วัน

พระธรรมทูตไทยประจำอินโดนีเซีย พระมหาเถระคำใส สุมโน ซึ่งจำพรรษาที่อินโดนีเซียมากว่า 30 พรรษา กล่าวว่า อินโดนีเซียเปิดกว้างรับความหลากหลายและเป็นมิตรต่อเพื่อนต่างศาสนา

เป้าหมายการพัฒนาและความร่วมมือ

อินโดนีเซียตั้งเป้าหมายพัฒนา "บุโรพุทโธ" ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิจวิญญาณ ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวพุทธและผู้แสวงหาความสงบทางจิตใจจากทั่วโลก โดยมุ่งหวังให้ "บุโรพุทโธ" เป็นจุดหมายสำคัญในการทำบุญและปฏิบัติธรรม พร้อมพัฒนาความร่วมมือกับประเทศไทยเพื่อให้การเดินทางและการเข้าถึงสถานที่นี้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิจวิญญาณในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับบุโรพุทโธให้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างครบวงจร

นางมายา วาโตโน กรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและการท่องเที่ยว บริษัท อินจอร์นี (InJourney) รัฐวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย เปิดเผยกับ Sanook.com ว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อินจอร์นีตั้งเป้าหมายพัฒนา "บุโรพุทโธ" ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวพุทธทั่วโลก

"บุโรพุทโธ" เป็นวัดพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ประกอบกับปัจจุบันมีชาวพุทธทั่วโลกกว่า 500 ล้านคน จึงมีความมั่นใจว่า "บุโรพุทโธ" จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่สำคัญ

นางเฮตตี เฮราวาตี กรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินจอร์นี เดสติเนชั่น แมเนจเมนท์ (InJourney Destination Management) กล่าวว่า หลังงานวิสาขบูชา ทางบริษัทจะเร่งพัฒนา "บุโรพุทโธ" ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบ โดยคำนึงถึงความยั่งยืน

"เราจะพัฒนาภูมิทัศน์รอบ 'บุโรพุทโธ' ให้สวยงาม ร่มรื่น สงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และทำสมาธิ พร้อมทั้งทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่"

มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากไทย เล็งเพิ่มเที่ยวบิน อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวสูงวัย

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ทางบริษัทเตรียมพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น ทางลาดขึ้นไปยังชั้นแรกของ "บุโรพุทโธ" ห้องสุขา ห้องพัก และสถานที่สำหรับทำกิจกรรมทางจิตวิญญาณอื่นๆ

ทั้งนี้นางมายา วาโตโนกลาวด้วยว่าทาง บริษัท อินจอร์นี (InJourney) ซึ่งบริหารการท่องเที่ยวครบวงจรตั้งแต่สายกา่รบิน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และการพัฒนาชุมชนรอบๆ แหล่งท่องเที่ยว กำลังพิจารณาเรื่องการเพิ่มเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ยอร์กยา รวมถึงการออกแบบแพ็คเกจสำหรับการท่องเที่ยวสั้นๆ เช่น 3 วัน 2 คืน ในราคาพิเศษเป็นต้น

การเดินทางจากประเทศไทยไปยังยอกยาการ์ตา

ปัจจุบันมีสายการบินการูดา สายการบินประจำชาติของอินโดนีเซียที่ให้บริการบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที

นอกจากนี้ อาจใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-จาการ์ต้า 3 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งมีหลายสายการบินให้บริการทั้งแบบฟูลเซอร์วิสและโลว์คอสต์ จากนั้นต่อสายการบินภายในประเทศของอินโดนีเซีย ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

สนามบิน

บินลงที่สนามบินนานาชาติยอกยาการ์ตา (YIA)

การเดินทางจากสนามบินไปยังบุโรพุทโธ

มีหลายวิธี:

• รถแท็กซี่: ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
• รถเช่า: สะดวกที่สุด เหมาะกับการเดินทางเป็นกลุ่ม หรือ ต้องการเที่ยวต่อในละแวกนั้น โดยอินโดนีเซียขับรถทางซ้ายเหมือนประเทศไทย

ด้วยความสะดวกในการเดินทางและความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว อินโดนีเซียหวังว่า "บุโรพุทโธ" จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญและเป็นที่นิยมของชาวพุทธทั่วโลก