โบกี้หมายเลข 1981 สู่ยุคทองของงานกราฟิตี้นิวยอร์กที่ Aurum Gallery
ในพื้นที่โครงการ Warehouse 30 ยังมีอีกหนึ่งแกลเลอรีสุดเฉี่ยว Aurum Gallery แกลเลอรีแห่งใหม่ที่ก่อตั้งโดย Clifford Joseph Price นักดนตรี โปรดิวเซอร์ ดีเจ ควบตำแหน่งศิลปินชาวอังกฤษ หรือที่รู้จักในนาม Goldie ผู้ที่มีฟันสีทองอร่ามเป็นเอกลักษณ์ แกลเลอรีนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นพื้นที่รวบรวมผลงานศิลปะร่วมสมัยโดยเฉพาะแนว Urban Art และ Street Art จากศิลปินทั่วโลก
Aurum Gallery ไม่ได้เน้นการจัดงานแบบนิทรรศการ แต่เน้นการนำงานจากหลายศิลปินมาหมุนเวียนโชว์ในพื้นที่เดียวกันขนาด 500 ตารางเมตร เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในพื้นที่แกลเลอรีสิ่งที่สะดุดตาคือผนังด้านซ้ายที่ตกแต่งเป็นรูปโบกี้รถไฟใต้ดินพ่นสีทองอร่ามและหมายเลข 1981 เพื่อสื่อให้เห็นถึงยุคทองของงานกราฟิตี้ในนิวยอร์กช่วงปี 70s -80s ที่บรรดาศิลปินมักแอบเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อพ่นงานกราฟิตี้ตามโบกี้รถไฟและในสถานีรถไฟ โดยผลงานโบกี้รถไฟนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Goldie กับศิลปินไทยฉายาว่า Jecks
“โครงการ Warehouse 30 ตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ทำให้ผมนึกถึงย่าน Shoreditch ในลอนดอนที่มีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงยุคศตวรรษที่ 19 ที่นั่นเป็นย่านสายอาร์ตเต็มไปด้วยตึกเก่าที่มีสถาปัตยกรรมงดงามมาก ส่วนที่เลือกมาเปิดแกลเลอรีในกรุงเทพฯ เพราะที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางศิลปะแห่งหนึ่งและผมชอบกรุงเทพฯ มาก ๆ” Goldie ผู้ซึ่งคอหนังอาจจะคุ้นเคยกับบทบาทการแสดงในหนังเรื่อง James Bond ตอน The World is Not Enough และเรื่อง Snatch ให้สัมภาษณ์กับเรา
Goldie กล่าวว่าผลงานที่เลือกมาแสดงส่วนใหญ่เป็นงานของเพื่อนศิลปินที่รู้จักกันมายาวนาน และพยายามเลือกผลงานที่ยังไม่เคยแสดงที่กรุงเทพฯ มาก่อน ผู้ชมจะได้เห็นงานแนวคอลลาจของ Alexandre Farto หรือที่รู้จักในฉายา Vhils ศิลปินกราฟิตี้และสตรีตอาร์ตชาวโปรตุเกสที่มีชื่อเสียงในการทำงานแนวกราฟิตี้ด้วยเทคนิคการสกัดผนังคอนกรีตให้พื้นผิวกระเทาะเป็นร่องลึกต่างระดับจนเกิดเป็นรูปทรงต่าง ๆ หนึ่งในผลงานโดดเด่นของเขาที่ใช้เทคนิคนี้คือบนกำแพงสถานทูตโปรตุเกส ในซอยเจริญกรุง 30 ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโครงการ Warehouse 30 โดย Vhils ทำงานนี้เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของประชาชนทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ยังมีผลงานของศิลปินอื่น อาทิ Belin, Saturno, Ben Eine, Odeith, Bio, Crash, David Speedและ Toni Cogdell และผลงานของศิลปินไทยอย่าง P7, Wal Chirachaisakul, 2Choey, Benzilla และ Jecks ซึ่ง Goldie กล่าวว่าศิลปินไทยกลุ่มนี้มีศักยภาพเติบโตในเวทีศิลปะโลก
“90% ของงานที่นำมาจัดแสดงเป็นงานที่ผมเป็นคนเลือกมาเอง ส่วนตัวผมเองนั้นจริง ๆทำงานหลากหลายแนวโดยเริ่มจากงานแนวกราฟิตี้ แต่ปัจจุบันงานจะออกแนวคล้ายกับภาพพิมพ์หิน (lithograph) เมื่อคนดูจะให้ความรู้สึกเหมือนงานภาพพิมพ์หินในยุค 100 ปีที่แล้ว”
แกลเลอรีซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 ยังมีพื้นที่สำหรับเวิร์กชอปเพื่อแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ระหว่างศิลปินกับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะ และมีส่วนที่จำหน่ายงานภาพพิมพ์ของหลากหลายศิลปินที่ผลิตในจำนวนจำกัด แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย Goldie ยอมรับว่าส่งผลกระทบกับการขายงานศิลปะอยู่พอสมควร
“เรามีช่องทางขายงานผ่านทาง Artsy ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับนักสะสม ทำให้ประคับประคองไปได้ในสถานการณ์ตอนนี้” Goldie กล่าว
Fact File
โครงการ Warehouse 30 ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ
https://aurum.gallery/
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ