บ้านเวียคะดี้ ด่านเจดีย์ 2 องค์
ลมหนาวพัดมาแล้วนะ มีที่ไปสัมผัสความหนาวกันหรือยัง ถ้ายังไม่มีเราขอนำเสนอ “โฮมสเตย์ บ้านเวียคะดี้” โฮมสเตย์ของชาวกะเหรี่ยงโปว์สุดเขตประเทศไทย ที่ที่จะทำให้คุณสัมผัสได้ว่า กาลเวลาหยุดหมุนไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
บ้านเวียคะดี้ เป็นภาษากะเหรี่ยง โดยคำว่า “เวีย”แปลว่าทุ่ง ส่วนคำว่า “คะดี้” แปลว่า หวายขม ซึ่งแปลรวมๆ กันได้ว่า “หมู่บ้านทุ่งหวาย” ที่นี่เป็น เป็นศูนย์รวมของชนชาติพันธ์หลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็น พม่า ละว้า มอญ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงโปว์ อาชีพหลักของคนในชุมชนคือการทำเกษตรกรรมปลูกข้าวไร่ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรอให้คุณมาสัมผัส
การที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในหมู่บ้านเวียคะดี้แห่งนี้ จะต้องติดต่อผู้นำหมู่บ้านอย่างกำนันพุทธชาย หลวงวิเศษ หรือที่ชาวบ้านเรียกกัยว่า “กำนันชาย” เสียก่อนถึงจะเข้ามาเที่ยวชมหมู่บ้านได้ โดยกำนันมองว่า “ไม่อยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากเกินจนไป จนทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนตาม” ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีที่เราจะได้เห็นวิถีชีวิตจริงๆ ของชาวบ้าน แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปท่องเที่ยวในหมู่บ้านเวียคะดี้แห่งนี้ก็ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดชาวกะเหรี่ยงโปว์ เพื่อให้กลมกลืนกับชาวบ้านเสียก่อน ถ้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ตามมาได้เลย
ที่แรกที่เราจะพาไปก็คือ “ด้านเจดีย์ 2 องค์ “ ฟังไม่ผิดแน่นอน เพราะที่นี่มีโบราณสถานประจำหมู่บ้านที่สำคัญคือ พระเจดีย์อุณาโลมหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เจดีย์คู่” หรือ “เจดีย์สององค์” ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเรียบร้อยแล้ว โดยชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าสถานที่ตั้งขององค์เจดีย์ทั้งสองนี้ เป็นจุดแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างพระนเรศวรมหาราช กับพระพี่นางสุพรรณกัลยา ในบริเวณใกล้เคียงของเจดีย์สององค์นี้ก็ยังมีต้นลีลาวดีเก่าแก่ที่อายุกว่า 400 ปี ขนาด 3 คนโอบซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนเรศวรมหาราชแล้ว
สถานที่ต่อไปต้องออกกำลังขากันสักหน่อย เราจะพาขึ้นเขาไปไหว้พระใหญ่บนเขากัน ! เดินเท้าขึ้นเขาประมาณ 500 เมตร และสิ่งที่สะดุดตามาแต่ไกลก็คือพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะแบบพม่าองค์ใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา พระพุทธรูปองค์นี้มีนามว่า พระพุทธโพธิญาณมณี คนในหมู่บ้านให้ความศรัทธาเคารพถือถือเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนในชุมชนอีกด้วย
ไหว้พระใหญ่เสร็จก็เดินลัดเลาะเข้าไปตามป่า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่เจดีย์เจ หนทางอาจจะลำบากสักเล็กน้อย แต่ใครจะเชื่อว่าบนเนินเขาสูงขนาดนี้จะมีเจดีย์ตั้งอยู่ เจดีย์เจองค์นี้ชาวบ้านเชื่อกันว่าก่อนจะขึ้นมาสักการะบูชาจะต้องถือศีลกินเจก่อนถึงจะขึ้นมาได้ และเชื่อว่าหากได้ทำบุญบนที่สูงจะยิ่งได้บุญหนักเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
กราบสักการะสักพักก็ได้เวลาลงจากเขา อาหารกลางวันก็รอเราอยู่แล้ว ! บอกเลยมื้อนี้สนนราคาอยู่ที่คนละ 100 บาทเท่านั้น เป็นบุฟเฟ่ต์ส้มตำลาบสไตล์กะเหรี่ยง บอกได้ว่าความแซ่บไม่แพ้ส้มตำอีสานบ้านเฮาเลย มีทั้งตำถาดปลาร้ารสเด็ดนัวลิ้น ไก่ทอดที่กรอบนอกนุ่มใน และลาบขนุนที่ใช้ขนุนอ่อนมาทำก็อร่อยไปอีกแบบ ตบท้ายของหวานด้วยข้าวต้มหัวหงอก บอกเลยว่ามื้อนี้อิ่มสุดๆ
อิ่มท้องแล้วก็ไปนั่งชิลล์ๆ กันที่ลำธารบ้านเวียคะดี้ ลำธารที่นี่เป็นธารน้ำที่ไหลมาจากภูเขาทำให้น้ำเย็นตลอดทั้ง เหมาะแก่การลงเล่นคลายร้อนเป็นอย่างมาก ได้นั่งเอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความเครียดความรู้สึกเหนื่อยล้าให้ไหลไปกับสายน้ำ เป็นเหมือนการชาร์จพลังให้กับชีวิต ที่นี่เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่ก็เล่นดี เพราะธารน้ำไม่ลึกและไม่ตื่นจนเกินไป อีกอย่างยังเป็นส่วนตัวเอามากๆ
นั่งเล่นสักพักปล่อยให้อาหารย่อย ก็ได้เวลาเข้าที่พักโฮมสเตย์บ้านเวียคะดี้ โดยโฮมสเตย์ที่นี่ก็ไม่แพงอย่างที่คุณคิดเพียงราคาท่านละ 500 บาทรวมอาหารเย็น - อาหารเช้า และกิจกรรมเดินป่าไหว้พระและเจดีย์ 3 จุดฟรีไปเลย บอกเลยว่าคุ้มสุดๆ
ตะวันลับขอบฟ้า ท้องก็เริ่มร้องอีกแล้ว มื้อเย็นนี้เรานัดกันที่บ้านกำนันเพื่อรับประทานอาหารเย็น อาหารเย็นมื้อนี้เป็นอาหารชุดแบบฉบับกะเหรี่ยงโปว์ มีเมนูแปลกตาหลายเมนูที่เราไม่เคยเห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวยำแบบกะเหรี่ยงที่หน้าตาคล้ายกับข้าวคุกกะปิบ้านเราแต่รสชาติไม่เหมือนเลยสักนิดบอกเลยว่าต้องลอง ลาบปลาสูตรกะเหรี่ยงแท้ๆ ที่ใช้เนื้อปลาคุกเขากับเครื่องลาบบวกกับพริกกะเหรี่ยงรสชาติเผ็ดเด็ดถึงใจ
และไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือน้ำพริกแตงเปรี้ยว ผักพื้นถิ่นที่มีรสชาติเปรี้ยวใช้ใส่แทนการใส่มะนาวที่เคียงมากับผักนานาชนิด กินคู่กันอร่อยจนหยุดไม่อยู่เลยทีเดียว กินมื้อเย็นไปก็มีการแสดงจากคุณลงในหมู่บ้านที่มาพร้อมกับเครื่องดนตรีแปลกตาและคำร้องภาษาแปลก ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าที่นี่ช่างอบอุ่นจริงๆ
“โอ-ซุง-ลา-ไซ” เช้าวันใหม่กันด้วยสวัสดีภาษากระเหรี่ยง กับข้าวต้มร้อนๆ โอวัลตินอุ่นๆ 2 อย่างนี้นี้ช่างเข้ากับบรรยากาศหน้าหนาวสุดๆ ทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ก็มีกิจกรรมตักบาตรเช้ารอเราอยู่ โดยเราจะต้องตื่นมาซื้อของใส่บาตรกันที่ร้านชำในหมู่บ้าน ที่นี่เหมือนกาลเวลาหมุนไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ช่างแตกต่างกับเมืองที่แสนวุ่นวายแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
จากนั้นเราก็นัดกันที่บ้านกำนันอีกครั้งเพื่อไปดูวิถีชีวิตของคนในชุมชนนั่นก็คือการทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นและน้ำมันงาสกัดเย็น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชน ไปต่อกันที่บ้านทอผ้า ชมวิธีการทอผ้าของชาวกะเหรี่ยงแบบดั้งเดิมด้วยการทอแบบกี่เอวที่หาดูได้ยากแล้ว พี่สาวคนทอบอกว่ากว่าจะทอได้แต่ละตัวต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เห็นได้ว่าเสื้อแต่ละตัวผ้าแต่ละผืนที่ถูกทอออกมานั้นมีคุณค่าอย่างไร
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการพักโฮมสเตย์ ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์แห่งนี้รอให้คุณมาสัมผัสอยู่เสมอ เพราะที่นี่คือบ้านเวียคะดี้ ด่านเจดีย์ 2 องค์
ที่อยู่ : หมู่ 5 ตำบลหนอง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ติดต่อ : กำนันพุทธชาย หลวงวิเศษ 064-9698914
GPS : 15.186454, 98.327294
