มหัศจรรย์แพรพรรณลุ่มภู รากเหง้าแห่งวิถีชีวิต สู่ความวิจิตรแห่งแพรพรรณ
เทือกเขาภูพานอันยิ่งใหญ่ แบ่งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือออกเป็น 2 ส่วน คือ แอ่งโคราช บริเวณพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำชี และแม่น้ำมูล ที่ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 3 ใน 4 ของภาคอีสาน และแอ่งสกลนคร พื้นที่บริเวณตอนเหนือของเทือกเขาภูพาน และบริเวณที่ราบลุ่มน้ำโขง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร
"เมืองหนองบัวลุ่มภู" ที่เพี้ยนชื่อเป็น "หนองบัวลำภู" ในปัจจุบันนั้น แม้จะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่ก็เปี่ยมล้นไปด้วยความงดงามของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ที่บรรพบุรุษได้มอบมรดกทางภูมิปัญญาไว้ให้ลูกหลานชาวหนองบัวลำภูร่วมกันสืบสานภูมิปัญญาที่งดงามนี่ไว้ให้คงสืบไป
วันนี้นวลจะพามาสัมผัสกับอีกหนึ่งรากเหง้าทางวัฒนธรรมของจังหวัดหนองบัวลำภูกันครับ นั้นก็คือผ้าทอเมืองหนองบัวลำภู แพรพรรณลุ่มภูที่ชาวหนองบัวลำภูภาคภูมิใจ ด้วยแม้ว่าชาวหนองบัวที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงโคราช นี้ จะประกอบด้วยกลุ่มชนหลากหลายชาติพันธุ์ แต่วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยึดมั่นอยู่ในจารีตประเพณี ที่เรียกว่า "ฮีตบ้านคองเมือง" และ "ฮีตสิบสอง คองสิบสี่" ที่ปลูกฝังให้ชาวหนองบัวลำภูช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ยามว่างจากฤดูทำนา จึงคิดสร้าง สรรค์งานศิลป์ในรูปแบบต่าง ๆ ผ้าไหมลวดลายงดงาม ผ้าฝ้ายทอมือที่นับวันจะหายาก ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องจักสาน และเครื่องปั้นดินเผา ที่สร้างรายได้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง
ความอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติที่งดงามแห่งเมืองลุ่มภูนี้ เป็นแหล่งรวมอารยธรรมโบราณนับพันปี ที่ทรงคุณค่า ทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนวัฒนธรรมพื้นบ้าน วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และความมีน้ำใจของชาวหนองบัวลำภู ยังคงเป็นเสน่ห์ที่มัดใจ ให้นวลกลับมาหนองบัวลำภูอีกครั้ง
ประวัติความเป็นมา “หนอง บัวลำภู” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาภูพาน และเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์นานมากกว่า 900 ปี ซึ่งในอดีตเคยเป็นดินแดนขึ้นตรงต่อกรุงศรีสัตตนาคนหุต (กรุงเวียงจันทร์) มีชื่อเดิมเรียกว่า “เมืองหนองบัวลำภูนครเขื่อนขันต์กาบแก้วบัวบาน” ใน ปี พ.ศ. 2117 สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ยกทัพไปตีเมืองล้านช้าง ซึ่งการเสด็จศึกครั้งนั้นได้ยกพลมาพักทัพในพื้นที่บริเวณริมหนองบัว ด้วยเหตุนี้เมืองหนองบัวลำภู จึงเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย ต่อ มาในปี พ.ศ. 2310 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช พระวอพระตา ได้รวบรวมไพร่พลหลบหนีภัยการเมืองการปกครอง ของ พระเจ้าศิริบุญสาร เจ้านครเวียงจันทร์ ลงมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองหนองบัวลำภู
เราเริ่มต้นทริปด้วยการสักการะขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลที่ ‘ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช’
เมืองหนองบัวลำภูมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาครับ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยยกทัพมาพักที่หนองบัวลำภู เพื่อเดินทัพปทำศึกที่นครเวียงจันทน์
โดยศาลแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ มาจังหวัดอุดรธานี (หนองบัวลำภูยังเป็นส่วนหนึ่งของอุดรธานีในสมัยนั้น) พระองค์มีพระราชดำริให้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน โดยพระบรมราชานุสาวรีย์ขนาดเท่าพระองค์จริงและศาลาออกแบบโดยกรมศิลปากร สร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2511
หอพระบาง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองหนองบัวลำภู โดยการสร้างของกรมศิลปากรที่ออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรมล้านช้าง โดยยึดจากจารึกใต้ฐานพระบางซึ่งเป็นภาษาล้านนา
พระบางเป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร มี 2 องค์คู่กันมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 2 องค์ โดยสามี-ภรรยา ที่ศรัทธาถวายไว้ในพระพุทธศาสนา เมื่อ พ.ศ. 2366 แล้วก็ได้กลายเป็นพระพุทธรูปประจำคู่บ้านคู่เมืองหนองบัวลำภู มาจนทุกวันนี้ 13 เมษายน ของทุกปี จะมีการแห่พระบางตามประเพณี ที่สืบทอดต่อกันมาช้านาน เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำพระบาง และยังเป็นการขอฝนตามความเชื่อโบราณอีกด้วยนะครับ
วันนี้นวลจะพามาสัมผัสกับอีกหนึ่งรากเหง้าทางวัฒนธรรมของจังหวัดหนองบัวลำภูกันครับ นั้นก็คือผ้าทอเมืองหนองบัวลำภู แพรพรรณลุ่มภูที่ชาวหนองบัวลำภูภาคภูมิใจ ด้วยแม้ว่าชาวหนองบัวที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงโคราช นี้ จะประกอบด้วยกลุ่มชนหลากหลายชาติพันธุ์ แต่วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยึดมั่นอยู่ในจารีตประเพณี ที่เรียกว่า "ฮีตบ้านคองเมือง" และ "ฮีตสิบสอง คองสิบสี่" ที่ปลูกฝังให้ชาวหนองบัวลำภูช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ยามว่างจากฤดูทำนา จึงคิดสร้าง สรรค์งานศิลป์ในรูปแบบต่าง ๆ ผ้าไหมลวดลายงดงาม ผ้าฝ้ายทอมือที่นับวันจะหายาก ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องจักสาน และเครื่องปั้นดินเผา ที่สร้างรายได้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง
กลุ่มทอผ้าพื้นบ้านบ้านโสกก้านเหลือง
บ้านโสกก้านเหลือง ตั้งอยู่ในพื้นที่แหล่งโบราณคดีกุดกวางสร้อย ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีเดียวกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี เอกลักษณ์ของผ้าทอบ้านโสกก้านเหลืองคือ การทอผ้ามัดหมี่ ย้อมด้วยสีธรรมชาติ และสีเคมี
ลายผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านโสกก้านเหลืองคือ “ลายไหกุดกวางสร้อย” โดยเป็นลวดลายมัดหมี่ที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของไหที่ขุดพบจากแหล่งโบราณคดีกุดกวางสร้อย
กลุ่มทอผ้าพื้นบ้านบ้านโสกก้านเหลือง
เราสามารถไปเรียนรู้วิธีการทอผ้ามัดหมี่จากแม่ ๆ กลุ่มทอผ้าได้ด้วยนะครับ โดยจะมีการสาธิตขั้นตอนการทอผ้า ตั้งแต่ก่อนทอจนถึงทอเสร็จเลยครับ หากแฟนจ๋าอยากจะมาสัมผัส และเรียนรู้การทอผ้าจากแม่ ๆ บ้านโสกก้านเหลือง สามารถติดต่อได้ที่ คุณแม่วรารัตน์ แสงเนียม โทร 065-7285288 ครับ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้นวลชื่นใจในทุก ๆ ครั้งที่ได้มาสัมผัส คือรอยยิ้มจากแม่ ๆ ที่ส่งมอบมาให้กับเรา การทอผ้าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน แล้วการอุดหนุนผ้าทอจากแม่ ๆ เป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนด้วยนะครับ
กลุ่มทอผ้าพื้นบ้านบ้านโสกก้านเหลือง
ภูริษาผ้าไทย
“ด้วยความรักลงสู่เม็ดฝ้าย จนเติบใหญ่กลายเป็นเส้นใยที่ที่ถักทอ จนเป็นผืนผ้าฝ้ายลวดลายงดงาม ผสมผสานกับการมัดหมี่ย้อมครามธรรมชาติ ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องที่ จนเกิดเป็นลวดลาย และความภาคภูมิใจของหมู่ชาวอีสาน ที่ถูกตัดเย็บและรังสรรค์ออกมาเป็นเคหะสิ่งทอ”
-พัชรินทร์ ชัยรัตน์-
กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์พื้นเมือง บ้านหินทรายขาว ที่ร่วมก่อตั้งโดยพี่อ้อย และพี่ต้น เพื่อฟื้นฟู และต่อยอดผ้าทอพื้นเมืองของหนองบัวลำภู โดยมุ่งเน้นการทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชน
พี่อ้อยเล่าให้นวลฟังว่า “ เรามุ่งเน้นการผลิตผ้าทอโดยใช้วัตถุดิบ และช่างฝีมือในท้องถิ่น ตั้งแต่การปลูกพืชให้สี ปลูกฝ้าย ปั่นเส้นฝ้าย ย้อมสีธรรมชาติ ทอผ้า ตัดเย็บแปรรูป ตกแต่งลวดลาย และจัดจำหน่าย ในทุก ๆกระบวนการเราใช้เทคโนโลยีสะอาด ใช้ทรัพยากรที่มีอย่างรู้คุณค่า เพื่อสร้างรายได้แก่ชุมชน เพิ่มคุณภาพชีวิต มันทำให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ทุกวันนี้พี่อ้อย และกลุ่มสมาชิกทอผ้าฝ้ายของพี่อ้อย จะมีการปลูกฝ้ายธรรมชาติ เพื่อนำมาทอ และตัดเย็บเป็นชุดในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ ภูริษาผ้าไทย แบรนด์สายเลือดชาวหนองบัวภู ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงเลยนะครับ ด้วยการที่นำผ้าฝ้ายธรรมชาติมาตัดเย็บเป็นชุดต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับงานผ้าฝ้ายธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่งมากเลยครับ
ภูริษาผ้าไทย
ที่ไร่ของพี่อ้อย เปิดให้ท่องเที่ยวด้วยนะครับ เราสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กระบวนการต่าง ๆ ในการทอผ้า การปลูกฝ้าย การย้อมสีธรรมชาติ การย้อมคราม และวิถีชีวิตพื้นบ้านที่อิงแอบกับธรรมชาติ
ติดต่อ พี่อ๋อย พัชรินทร์ ชัยรัตน์ โทร 081-5926185 , 087-2210295 , 092-5479545
ขวัญตา (Khwanta handicraft)
ผ้าทอบ้านขวัญตามีการดีไซน์อาคารให้ทันสมัย จัดดิสเพลย์ได้ดี มีการออกแบบลายผ้าและตัดเย็บชุดให้มีความเป็นสากล มีความร่วมสมัย กระทั่งงานออกแบบเสื้อผ้า และการตัดเย็บชุดมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศเลยครับ
นวลบุกมาถึงห้องทำงานของพี่อ๋อย และพี่วิทย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ขวัญตา เพื่อมาเรียนรู้ถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ขวัญตา
พี่อ๋อยเล่าให้นวลฟังว่า “พี่ตั้งใจให้แบรนด์มีความโดดเด่น ด้วยความที่พี่ผูกพันกับการทอผ้า ตัดเย็บ ผสานกับแรงบันดาลใจในวงการแฟชั่นเครื่องแต่งกาย และความรูเรื่องการออกแบบแฟชั่น เมื่อผสมผสานเข้ากับกลุ่มทอผ้าของหนองบัวลำภู จึงทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถูกใจชาวไทย และชาวต่างชาติ”
ทุกวันนี้โดยเฉพาะช่วงวันหยุด พี่อ๋อย และพี่วิทย์ จะเปิดบ้านต้อนรับเด็ก ๆ เยาวชน ที่สนใจในการทอผ้า ออกแบบ และตัดเย็บผ้า เพื่อมาเรียนรู้ และฝึกทักษะ เหมือนเป็นโรงเรียนชีวิตขนาดย่อมๆ ที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆได้มาเรียนรู้เพื่อเป็นความรู้ติดตัว และอาจเป็นอาชีพเลี้ยงตัวในอนาคตเลยก็ได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยรักษางานหัตถกรรมผ้าทอ ให้คงอยู่ไปกับชาวหนองบัวลำภูนาน ๆ
เสื้อผ้าที่ออกแบบ และตัดเย็บภายใต้แบรนด์ ขวัญตา ที่นำเอาผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์ของหนองบัวลำภู มาตัดเย็บให้ทันสมัย น่าใส่ยิ่งขึ้น
นอกจากจะได้เรียนรู้การทอผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว ยังมีเวิร์คชอฟการย้อมผ้าคราม จากธรรมชาติ โดยเอกลักษณ์ของสีย้อมครามของขวัญตาคือ การก่อหม้อสูตรต้มยำ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองเลยครับ
ติดต่อพี่อ๋อย โทร 062-8266929
เทวาผ้าไทย หรือกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ
เป็นอีกแบรนด์แห่งความภาคภูมิใจของชาวหนองบัวลำภู ที่นำพาเอาผ้าทอเมืองหนองลำภูออกสู่สายตาคนทั้งประเทศ และทำให้รู้จักผ้าทอเมืองหนองบัวลำภูมากยิ่งขึ้น
ผ้าทอที่โดดเด่นของเทวาผ้าไทยคือ ผ้ามัดหมี่ลายเชิงเทียน โดยใช้การทอพิเศษเพื่อให้ผ้าสามารถใช้ได้ทั้งสองด้าน โดยด้านนึงจะเป็นมัดหมี่ และอีกด้านจะเป็นผ้าลายยกดอกหรือลายขิด
นอกจากผ้าทอแล้ว ที่เทวาผ้าไทยยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกมากมายทั้ง ผ้าตัดเย็บดีไชน์ทันสมัย ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ รองเท้า กระเป๋า เป็นต้น
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณกิตติพันธ์ สุทธิสา โทร 086-9729787
แม่ครูลำดวน นันทะสุธา
เป็นผู้ก่อต้้งกลุ่มทอผ้าไหมกุดแห่ ทำหน้าที่ประธานกลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุดแห่ เมื่อปี 2536 จนถึงปัจจุบัน ได้เป็นผู้นำในการคิดประดิษฐ์ลายผ้าไหม ส่งเข้าประกวด ได้รับรางวัลพระราชทานจำนวนหลายรางวัลจากการประกวดผ้าไหมระดับประเทศหลายปีซ้อน
นอกจากนี้ ครูลำดวน ยังเป็นหนึ่งในครูช่างหัตถกรรม 40 ท่านที่ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติครูช่างในงานเทศกาลหัตถศิลป์ไทย เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2555 ที่ผ่านมาด้วยนะครับ
แม่ครูลำดวนเล่าให้นวลฟังว่า “เมื่อปี พ.ศ.2525 ชาวบ้านตำบลกุดแห่ จำนวน 5 คน ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่เสด็จ ณ วัดถ้ำกลองเพล เลยมีโอกาสถวายชิ้นงานให้กับพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านได้ทรงรับสั่งให้ทอผ้าถวายอีกในวโรกาสต่อไป นอกจากนี้ พระองค์ได้ทรงพระราชทานทุนทรัพย์ให้กับชาวบ้านที่ถวายงานเพื่อปลูกหม่อน เลี้ยงไหม รายละ 6,000 บาท จำนวน 5 ราย และทรงรับไว้ในมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระองค์ท่านด้วย”
ลายที่แม่ครูตั้งใจนำเสนอในครั้งนี้คือ ผ้าทอลายฝนหลวง ที่เคยได้รับรางวัลระดับประเทศมาแล้วด้วยนะครับ แรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผ้าทอผืนนี้เพื่อที่จะน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีต่อปวงชนชาวไทยครับ
นวลชวนรู้ : ตรานกยูงพระราชทาน
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานสัญลักษณ์นกยูงไทยให้เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย จำนวน 4 ชนิดได้แก่ นกยูงสีทอง (Royal Thai Silk) นกยูงสีเงิน (Classic Thai Silk) นกยูงสีน้ำเงิน (Thai Silk) และ นกยูงสีเขียว (Thai Silk Blend)
Royal Thai Silk นกยูงสีทอง
เป็นผ้าไหมที่ผลิตโดยใช้เส้นไหมและวัตถุดิบตลอดจนกระบวนการผลิตที่เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านดั้งเดิมของไทยอย่างแท้จริง ดังนี้
- ใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านเป็นทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน
- เส้นไหมต้องสาวด้วยมือผ่านพวงสาวลงภาชนะ
- ทอด้วยกี่ทอมือแบบพื้นบ้านชนิดพุ่งกระสวยด้วยมือ
- ย้อมด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
- ต้องผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
Classic Thai Silk นกยูงสีเงิน
เป็นผ้าไหมที่ผลิตขึ้นโดยยังคงอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านผสมผสานกับการประยุกต์ใช้เครื่องมือและกระบวนการผลิตในบางขั้นตอน ดังนี้
- ใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านหรือพันธุ์ไทยปรับปรุงเป็นเส้นพุ่งและ/หรือเส้นยืน
- เส้นไหมต้องสาวด้วยมือ หรือสาวด้วยอุปกรณ์ที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนไม่เกิน 5 แรงม้า
- ทอด้วยกี่ทอมือชนิดพุ่งกระสวยด้วยมือหรือกี่กระตุกก็ได้
- ต้องผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
Thai Silk นกยูงสีน้ำเงิน
เป็นผ้าไหมชนิดที่ผลิตด้วยภูมิปัญญาของไทยแบบประยุกต์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตเข้ากับสมัยนิยมและเชิงธุรกิจ ดังนี้
- ใช้เส้นไหมแท้เป็นเส้นพุ่งและเส้นยืน
- ย้อมด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
- ทอด้วยกี่แบบใดก็ได้
- ต้องผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
Thai Silk Blend นกยูงสีเขียว
เป็นผ้าไหมที่ผลิตด้วยกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับภูมิปัญญาไทยในด้านลวดลายและสีสันระหว่างเส้นใยไหมแท้กับเส้นใยอื่นที่มาจากธรรมชาติ หรือเส้นใยสังเคราะห์รูปแบบต่างๆ ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน หรือตามความต้องการของผู้บริโภค ดังนี้
- ใช้เส้นไหมแท้เป็นส่วนประกอบหลัก มีเส้นใยอื่นเป็นส่วนประกอบรอง
- ต้องระบุส่วนประกอบของเส้นใยอื่นให้ชัดเจน
- ทอด้วยกี่แบบใดก็ได้
- ย้อมด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
- ต้องผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://qsds.go.th/newqsds/inside_page.php?pageid=7
เมืองหนองบัวลำภูนอกจจากจะมีผ้าทอที่งดงามแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆเลยนะครับ นวลขออนุญาตพาไปเที่ยวสัก 3 – 4 ที่นะครับ
มาเริ่มกันที่ถ้ำเอราวัณ
ถ้ำเอราวัณ หรือ ถ้ำช้าง ตั้งอยู่ในตำบลวังทอง หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของหนองบัวลำภู เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเขาชาวบ้านเรียกเขานี้ว่า “ผาถ้ำช้าง” เนื่องจากลักษณะเหมือนกับช้างหมอบ ภายในแบ่งเป็นโถงถ้ำเล็กๆ งดงามด้วยหินงอกหินย้อยและหินที่มีรูปทรงแปลกตา โดยเฉพาะหินรูปพญาช้างนั่งคุกเข่า บริเวณปากถ้ำเอราวัณมีขนาดกว้างใหญ่ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า พระพุทธชัยศรีมหามุนีศรีโลกนาถ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองบัวลำภูประดิษฐานอยู่ มองเห็นได้แต่ไกล
การเดินทางด้วยรถยนต์
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 210 เมื่อถึง กม.ที่ 13 (หนองบัวลำภู-เลย) ประมาณ 60 กิโลเมตร
ก็จะถึงบ้านโนนภูทอง ตำบลวังทอง อำเภอนาวัง เมื่อเจอทางแยก ให้เลี้ยวขวาแล้วขับเข้าไปตามถนนลาดยาง
ประมาณ 3 กิโลเมตร มองออกไปจะเห็นเขาลูกใหญ่คล้ายช้างหมอบอยู่ด้านหน้า ก็จะถึงบริเวณถ้ำเอราวัณ
ถ้ำผาเจาะ วัดพุทธบรรพต
ถ้าจะให้ดี ให้รีบขับรถมาที่นี่ตั้งแต่ตอนเช้ามืด จะได้มาดูดาว ตอนเช้ารอสายหมอก
บ้านท่าลาด ชมความสวยงามของธรรมชาติช่วงพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมเรียนรู้การหาปลาของชาวบ้านที่เรียกว่า ‘การยก (สะดุ้ง) ยอยักษ์’
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ภูเก้า เขาคีรีวงกต
ติดต่อ : ผู้ใหญ่ธนทัต 092 728 2475
พิกัด : https://goo.gl/maps/j7HxhKUAoXBPeT2i9
ความอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติที่งดงามแห่งเมืองลุ่มภูนี้ เป็นแหล่งรวมอารยธรรมโบราณนับพันปี ที่ทรงคุณค่า ทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนวัฒนธรรมพื้นบ้าน วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และความมีน้ำใจของชาวหนองบัวลำภู ยังคงเป็นเสน่ห์ที่มัดใจ ให้นวลกลับมาหนองบัวลำภูอีกครั้ง
อัลบั้มภาพ 41 ภาพ