"Thara Taste of Thai" ที่สุดแห่งอาหารไทยจากปลายจวักของเชฟมิชลินสตาร์อายุน้อยที่สุดในไทย!

"Thara Taste of Thai" ที่สุดแห่งอาหารไทยจากปลายจวักของเชฟมิชลินสตาร์อายุน้อยที่สุดในไทย!

"Thara Taste of Thai" ที่สุดแห่งอาหารไทยจากปลายจวักของเชฟมิชลินสตาร์อายุน้อยที่สุดในไทย!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Thara Taste of Thai ร้านอาหารไทยต้นตำรับ ที่เรากล้ายืนยันเลยว่าเมนูอาหารแต่ละอย่างนั้นถึงเครื่องถึงรสและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาหารไทยจริงๆ ซึ่งอาหารทุกจานของร้านนี้ล้วนมาจากฝีมือของเชฟ ป้อม พัชรา พิระภาค เชฟสาวคนเก่งที่เป็นผู้ทำให้ร้าน เสน่ห์จันทน์ ได้รับรางวัลร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในปี 2017 นั่นเอง และที่เซอร์ไพรซ์ไปกว่านั้นก็คือเชฟป้อมนั้นได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ในขณะที่มีอายุน้อยที่สุดอีกด้วย! เรียกได้ว่าแค่ได้ยินกิตติศัพท์ก็อยากจะลองชิมอาหารฝีมือเชฟกันแล้ว วันนี้เราได้มีโอกาสไปลองลิ้มชิมรสและได้รับเกียรติจากเชฟป้อมเปิดด้านในครัวให้เราได้เข้าไปชมวิธีการทำอาหารของเชฟกันจะสนุกตื่นเต้นและเอร็ดอร่อยขนาดไหนตามไปชมกัน

25620114_190114_0034

25620114_190114_0005

บรรยากาศของร้าน Thara Taste of Thai ตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามตั้งอยู่ด้านล่างโรงละครโจ หลุยซ์ ด้านใน Asiatique The Riverfront ถนนเจริญกรุง มีทั้งโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ให้ได้เลือกนั่งกัน 

25620114_190114_0038

25620114_190114_0039

25620114_190114_0035
25620114_190114_0036
ในส่วนของเมนูอาหารวันนี้เชฟป้อมได้จัดเตรียมไว้ให้เราแบบจัดเต็มถึง 5 เมนู โดยจะมีการทำอาหารให้เราได้ชมถึง 2 เมนูด้วยกันในวันนี้ แค่รู้ว่าจะได้เห็นฝีมือการทำอาหารของเชฟระดับมิชลินสตาร์ก็ทำให้เราทุกคนตื่นเต้นแล้ว ไม่รอช้ารีบตามเชฟเข้าครัวไปทำอาหารกันเลย

25620114_190114_0028

25620114_190114_0025

เริ่มต้นด้วยเมนูแรกของวันนี้กับข้าวคลุกกะปิ เมนูที่ฟังดูง่ายแต่ทำให้อร่อยยาก เชฟเริ่มต้นจากนำกะปิอย่างดีที่ทางเชฟเป็นคนไปเลือกมาเองจากเพชรบุรีนำมาคั่วให้เกิดกลิ่นหอมในกระทะก่อน ซึ่งเชฟบอกว่าวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้ในร้านนั้นเชฟจะเป็นคนเลือกและคัดสรรจุดเด่นจุดด้อยของวัตถุดิบจากทั่วประเทศด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความสมดุลในรสชาติอย่างที่เชฟต้องการมากที่สุด 

25620114_190114_0032

25620114_190114_0027
25620114_190114_0030

เมื่อนำกะปิมาคั่วในกระทะจนหอมแล้วก็นำข้าวสวยที่เพิ่งหุงเสร็จจากหม้อลงมาผัดกับกะปิให้กะปิซึมเข้ากับเนื้อข้าวจนเริ่มมีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วครัว หลังจากปรุงรสแล้วนำข้าวคลุกกะปิตักใส่จาน และใส่เครื่องข้าวคลุกกะปิแบบจัดเต็ม ประกอบไปด้วยกุ้งแห้งตัวโต หมูหวาน ถั่วฝักยาวหั่นแว่น หอมแดง และมะม่วงซอย เป็นอันเสร็จไปหนึ่งเมนู ซึ่งเมนูง่ายๆ ที่เราเคยได้เห็นทั่วไปในชีวิตประจำวันแต่เมื่อเชฟทำออกมาแล้วต้องบอกเลยว่าน่าทานมาก!

25620114_190114_0022
25620114_190114_0024

25620114_190114_0017
25620114_190114_0018
25620114_190114_0020

มาถึงเมนูต่อไปในวันนี้กับยำหัวปลี เมนูอาหารไทยแท้ๆ ที่หาทานยากในปัจจุบัน เชื่อว่าหลายๆ คนในชีวิตนี้อาจจะยังไม่เคยทานหัวปลีมาก่อนเลยก็ได้ แต่บอกเลยว่าเมนูนี้ทีเด็ดจริงๆ วิธีการทำเริ่มต้นเชฟนำหัวปีที่หั่นฝอยและแช่น้ำไว้มาสะเด็ดน้ำหลังจากนั้นก็นำมาใส่ในกะละมังขนาดเล็กเพื่อเตรียมคลุกกับเครื่องปรุง ซึ่งน้ำยำที่ใช้คลุกกับหัวปลีนั้นเชฟก็ทำเองสดๆ ใส่เต็มทั้งพริก น้ำปลา มะนาว และสารพัดผักต่างๆ และที่สำคัญทุกเมนูของร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสด้วย นี่ถือเป็นจุดเด่นและข้อดีมากๆ เมื่อคลุกเคล้าเครื่องปรุงเสร็จแล้วก็นำไก่ฉีกมาโรยด้านบนเป็นขั้นตอนสุดท้าย เตรียมเสิร์ฟขึ้นโต๊ะได้ทันที

25620114_190114_0016
25620114_190114_0013
25620114_190114_0014

25620114_190114_0008
25620114_190114_0009

ซึ่งตลอดเวลาที่เราได้เห็นการทำอาหารของเชฟนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นการทำอาหารที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนจริงๆ เริ่มต้นตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบที่ทำให้เราประทับใจเพราะเชฟเป็นคนไปเลือกมาเองทุกสิ่ง คัดสรรแต่ของดูๆ มาเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้ทาน การปรุงอาหารที่ไม่มีการใช้ผงชูรสแม้แต่น้อย ความละเมียดละไมในการจัดแต่งเมนูอาหารให้ออกมาน่าทาน และสุดท้ายที่เราทุกคนรอคอยนั้นก็คือส่วนของรสชาติอาหาร ทีเราจะได้ชิมกันต่อไปนี้

25620114_190114_0026

เมื่อถึงเวลาชิมอาหารเชฟก็นำ 2 เมนูที่เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อน อย่างข้าวคลุกกะปิ และยำหัวปลีมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะพร้อมด้วย อีก 3 เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านได้แก่ ผัดไทยเส้นจันท์ ไก่ขมิ้นน้ำจิ้มแจ่ว และต้มยำกุ้ง รวมเป็นทั้งหมด 5 เมนู

25620114_190114_0004

เริ่มต้นที่ข้าวคลุกกะปิซึ่งมีกลิ่นหอมยั่วยวนเราตั้งแต่ในครัวเป็นจานแรก เมื่อได้ลองชิมแล้วต้องบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ข้าวมีความร่วนและมีกลิ่นหอมไหม้ๆ ของกะปิที่คั่วลงในกระทะอย่างชัดเจน รสชาติเข้มข้นไม่จืดชืด ทานคู่กับเครื่องเคียงแล้วเข้ากัน เป็นหนึ่งในจานแนะนำที่อยากให้ทุกคนได้มาลอง

25620114_190114_0006

จานต่อมายำหัวปลี เมนูหาทานยากที่เชฟได้ทำให้เราดูในวันนี้ ยำหัวปลีมีความกรอบและอร่อยมากเมื่อคลุกเคล้าเข้ากับน้ำยำ มีไก่ฉีกมาเป็นตัวช่วยให้เคี้ยวสนุกและมีเทคเจอร์มากขึ้น เป็นอีกหนึ่งเมนูเฮลตี้ที่ไม่จืดชืดคนที่กำลังไดเอทอยู่ทานเมนูนี้ได้แบบไม่รู้สึกผิดเลย

25620114_190114_0007

25620114_190114_0010

จานที่ 3 ในวันนี้กับผัดไทยเส้นจันท์ ที่เชฟบอกกับเราว่าเส้นผัดไทยที่นำมาใช้นั้นส่งตรงมาจากจันทบุรีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นจุดเด่นของจานนี้จะอยู่ที่เส้นที่เชฟอยากให้เราได้ลองชิม ซึ่งเมื่อได้ลองชิมแล้วก็มีความแตกต่างจากเส้นผัดไทยทั่วไปจริงๆ เส้นมีความเหนียวนุ่มไม่เละ และมีกลิ่นหอมกระทะรสชาติกลมกล่อม ได้รสชาติผัดไทยแท้ๆ ที่เราไม่ได้ทานมานาน

25620114_190114_0003

อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของอาหารไทยอย่างต้มยำกุ้ง จานนี้แนะนำเลยสำหรับใครที่จะมาตามรอย ต้มยำของทางร้านเชฟเลือกใช้มันกุ้งเข้มข้นในการทำน้ำซุปต้มยำ โดยเลือกที่จะไม่ใส่นมจืดแบบที่ร้านทั่วๆ ไปเลือกใส่เพื่อให้ต้มยำมีความข้น แต่ก็จะออกรสชาติจืดจากน้ำนม ซึ่งเมื่อเชฟเลือกใช้มันกุ้งแทนแล้วซึ่งทีได้มาก็คือน้ำต้มยำที่เข้มข้นมากๆ และกลิ่นของกุ้งจากมันกุ้งที่ยังคงอยู่ เมื่อซดเข้าปากไปแล้วมีกลิ่นหอมของกุ้งเต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้ยังใส่เครื่องต้มยำมาอย่างจัดเต็มทั้งเห็ด ทั้งกุ้ง จนแทบจะล้นถ้วยเลยทีเดียว ใครมาร้านนี้บอกเลยว่าต้องสั่ง!

25620114_190114_0001
25620114_190114_0002

เมนูสุดท้ายของวันนี้ไก่ขมิ้นน้ำจิ้มแจ่ว จานนี้ถือเป็นอาหารทานเล่นที่อร่อยเลยทีเดียวตัวไก่ที่ทางเชฟนำไปเสียบไม้คลุกเคล้ากับขมิ้นได้อย่างลงตัว หอมกลิ่นขมิ้นชัดเจน ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสูตรเฉพาะของเชฟ เป็นการผสมผสานที่ลงตัว

25620114_190114_0040

โดยรวมแล้วต้องบอกเลยว่ารสชาติอาหารของเชฟนั้นสมราคาเชฟระดับมิชลินสตาร์จริงๆ เชฟทำให้รู้ว่าความอร่อยและคุณภาพของอาหารไทยนั้นไม่เป็นรองอาหารจากชาติอื่นเลยแม้แต่น้อย  

25620114_190114_0033

ในปัจจุบันนี้การจะหาร้านอาหารไทยอร่อยๆ สักร้านหนึ่งนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก อาจจะเป็นเพราะสูตรของอาหารไทยที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ซึ่งบางทีก็เปลี่ยนไปจนไม่เหลือไว้ซึ่งเอกลักษณ์และรสชาติที่แท้จริงของอาหารไทย แต่ในวันนี้ Sanook! Travel ได้ไปค้นพบแรร์ไอเทมสำหรับอาหารไทย ที่ต้องบอกเลยว่ารสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิมที่เราเคยได้ทานนั้นย้อนกลับมาสู่ประสาทสัมผัสของเราเมื่อได้ลองมาทาน ใครอยากจะลองลิ้มชิมรสชาติความเป็นไทยแบบนี้ ต้องลองมาทานกันดูที่ Thara Taste of Thai

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง Thara Taste of Thai : ด้านล่างโรงละคร โจ หลุยซ์ Asiatique The Riverfront  2194 ถนน เจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขต บางคอแหลม กรุงเทพมหานคร

ติดต่อ : 090 262 6653

เวลาเปิด - ปิด : 17.30 - 22.00 น.

หากใครอยากจะทานเมนูพิเศษที่ไม่มีในเมนูสามารถติดต่อเชฟป้อมล่วงหน้าได้ที่เบอร์ : 092 267 8807

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ ของ "Thara Taste of Thai" ที่สุดแห่งอาหารไทยจากปลายจวักของเชฟมิชลินสตาร์อายุน้อยที่สุดในไทย!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook