"อุ้มผาง" ที่เดียวครบทุกอารมณ์ ทะเลหมอก ทะเลดาว และน้ำตกที่สวยสุดในประเทศไทย
หากจะพูดถึงอำเภอหนึ่งที่เรียกว่าไกลสุดๆ เท่าที่คนไทยเราจะคิดถึงได้
อำเภอ "อุ้มผาง" จะต้องไปติดในรายชื่อแน่นอน ความสะดวกสบายอาจจะน้อยกว่าปกติ
ภูมิประเทศที่มีแต่ภูเขาทำให้เดินทางลำบาก แต่ผลพลอยได้คือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ไปเร้นกายอยู่ตามหลืบในนั้น
ทำให้มันมีทั้งความสวย ความดิบ ที่ถูกรบกวนน้อยมาก แบบว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น
คนที่ชอบธรรมชาติ ถ้าได้มาจะหลงรักแบบหัวปักหัวปำ
คนที่ชอบความสงบ ถ้าได้มาจะหลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น
ส่วนคนที่ไม่ชอบอะไรเลย ถ้าได้มาคุณก็จะมีสิ่งที่ชอบเสียที
ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่อยากไป คงต้องอาศัยรูปกับคำบรรยายเป็นเครื่องยืนยันอีกครั้ง
แล้วจะเชื่อว่า "อุ้งผาง" นี่ละของจริงแท้ๆ ถ้าชีวิตหนึ่งไม่เคยมาเยือน เสียใจด้วยจริงๆครับ
"1219"
ไม่ใช่เลขใบหวย แต่มันคือจำนวนโค้งทั้งหมด
ที่เราจะต้องเผชิญในระหว่างทางหลวงสาย แม่สอด - อุ้งผาง ที่ตัดผ่านหุบเขาอันสลับซับซ้อน
จนบางครั้งไปวิ่งอยู่บนสันเขาเหนือม่านหมอก จนได้รับสมญานามว่า "ถนนลอยฟ้า"
ไม่มีทางลัดใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้ทางจะดูยากลำบาก แต่สิ่งที่รออยู่ปลายทาง คุ้มค่าแน่นอน
"น้ำตกพาเจริญ"
ถึงแม้ถนนจะทำให้เราเวียนหัว แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดนั้น ระหว่างทางที่โค้งไปโค้งมา
จนเขย่าเครื่องในของเราจนวุ่นวาย ก็ยังมีน้ำตกที่ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่สวยงาม ให้เราได้แวะพักทำใจก่อนไปต่อ
ผมว่าแค่ที่นี่ก็สวยแล้วนะ แต่คนท้องถิ่นกลับบอก "นี่เด็กๆน้อง ของจริงอยู่ที่อุ้มผางนู่น"
ผมฟังแล้วยิ่งขนลุกยิ่งกว่าเดิม
"กิจกรรมล่องเรือยาง"
เป็นกิจกรรมที่เรียกว่า "ต้องทำ" สำหรับทุกคนที่มาถึงอุ้มผาง
และต้องทำในตอนเช้า เพื่อเราจะไปให้ทันเวลาที่ "น้ำตกสายรุ้ง"
ที่จะมีสายรุ้งให้ดูในทุกๆวัน แบบว่ามาตามนัดเหมือนนัดแฟนที่ตรงต่อเวลา
รุ้งกินน้ำมันอยู่ใกล้จนอยากจะเอามือไปจับเลยว่ารูปร่างมันเป็นอย่างไร
"น้ำตกทีลอจ่อ" หรือ น้ำตกสายฝน
ตรงบริเวณนี้จะเป็นหน้าผาที่ทอดตัวไปตลอดลำห้วยแม่กลอง
แต่ดันมีกระแสน้ำตกลงมาทั้งวัน เมื่อกระทบกับเบื้องล่าง จึงเกิดเป็นละอองน้ำที่ฟุ้งคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เมื่อล่องแพผ่าน เหมือนกับเรากำลังโดนฝนสาด อยู่ท่ามกลางบรรยาศที่ร้อนแต่ดันเย็นสดชื่น
"บ่อน้ำร้อน" แอบมาซ่อนตัวอยู่กลางป่า
ทั้งชาวบ้านทั้งนักท่องเที่ยวมาแช่ตัวให้สบาย
เป็นการบริหารกายและบริหารใจไปในเวลาเดียวกัน
อย่างกับมาแช่ ออนเซ็น ที่ประเทศญี่ปุ่น
แต่ที่นี่กลับคือ อุ้มผาง
วันนี้ลำไส้กับกระเพาะอาหารแทบไม่ต้องย่อยเข้าเลยครับ
ซ้ายที ขวาที เบรกที อาหารมันคลุกเคล้ากันเรียบร้อยพร้อมดูดซึมไปแล้วละ
"น้ำตกทีลอซู"
ล่องเรือยางกันพอหอมปากหอมคอ สถานที่ต่อไปนี้ คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาที่นี่
ก่อนจะเดินเข้าไปที่ตัวน้ำตก ผมขอให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาฯ พานำทางขึ้นไปยังจุดชมวิวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ขาสองข้างเห็นจะไม่พอ เพราะมันทั้งชันทั้งสูง มือเลยต้องเอามาช่วย คล้ายกับเราจะเป็นลิง
แต่เมื่อพอปีนป่ายพ้นแนวเส้นขอบแนวต้นไม้ไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ตาของผมเห็น
"โอ้ววววว แม่เจ้าาาา"
ปกติผมเคยมักเห็นภาพจากมุมต่ำ แต่พอมาเห็นภาพจากมุมสูงเหมือนนกที่บินได้แล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสืออย่างไรดี
ผมเชื่อแล้วว่า น้ำตกทีลอซู มันยิ่งใหญ่สมกับคำร่ำลือมานาน
ว่า "สวยที่สุดในประเทศไทย" แถมยังไปติดอันดับน้ำตกที่ "สวยที่สุดในโลก" ด้วยซ้ำ
ถึงแม้ปัจจุบันจะมีโดรนไปถ่ายรูปจากบนฟ้าได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องไปลงแรงอะไรเมื่อยแล้ว
แต่ความรู้สึกที่ปีนจนมาถึงจุดนี้ได้ มันคงแตกต่างกันเยอะ ผมเชื่อเช่นนั้น
ผมเดินกลับลงมาที่ด้านล่างน้ำตก เป็นเส้นทางที่เทปูนอย่างดีความยาวประมาณ 1 กิโลกว่าๆ ถึงจะถึงตัวน้ำตกครับ
บริการกายกันไปพอประมาณ ให้เหงื่อออกพอชุ่มกายอีกครั้ง แล้วเราก็จะพบกับจุดหมายปลายทางของเรา
"น้ำตกทีลอซู"
สถาปัตยกรรมของธรรมชาติ คือ
สถาปัตยกรรมที่มนุษย์ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
ปกติทีลอซูเที่ยวได้ทั้งปีครับ แต่ถนนที่มาถึงจะเปิดเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น (ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ไป)
นอกเหนือจากนี้ต้องเดินเท้าเข้ามาอย่างเดียว ทีนี้ถ้าถามว่ามาฤดูไหนดีกว่ากัน
คำตอบคือ แล้วแต่ชอบ แล้วแต่สไตล์
หน้าฝน น้ำเยอะ น้ำแรงได้ใจ แต่ลำบากตัวเปียกปอนแน่นอน
หน้าหนาว น้ำลดลงเยอะ อาจจะไม่อลังการเท่าหน้าฝน แต่เดินทางได้ง่ายกว่า รถเข้าถึงครับ
น้ำที่ไหลลงมาน้อยลงไปมาก แต่ก็ยังถือว่าเยอะพอที่เราจะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในทุกๆตารางเมตร
ถ้าเล่นน้ำกันจนพอใจแล้ว ก็มีเส้นทางเดินป่าเล็กๆ ให้เราได้ปีนป่าย บริหารข้อเท้า
เดินดูน้ำตกไปเป็นชั้นๆ ถือว่าเป็นสิ่ง
ที่ชั้นสอง เป็นน้ำตกชั้นๆเล็ก ตรงนี้ไม่มีจุดนั่งปิคนิก เล่นน้ำได้อย่างเดียว
ชั้นบนๆคนจะน้อย เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป มีแก่ง มีโขดหินให้เล่นกับมุมภาพค่อนข้างเยอะ
ตรงช่วงระหว่างชั้นสองกับสาม ด้านนี้จะเป็นน้ำตกทางฝั่งขวาที่ไม่ได้เกาะกลุ่มกับเพื่อนเขา
น้ำตกทีลอซูชั้นบนสุด เท่าที่ทางเดินจะพาเรามาถึงได้
จะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ที่น้ำตกลงมาสร้างละอองฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ถึงแม้จะมีป้ายติดว่าห้ามเล่นก็ตาม เพราะมันอันตราย แต่คนไทยเราชอบความท้าทายเสมอ
ภาพสุดท้ายก่อนจากน้ำตกทีลอซู
ผมเดินทางกลับอำเภออุ้มผางไปเตรียมตัว สำหรับการผจญภัยในยามค่ำคืน
"ดอยหัวหมด"
เวลาสามทุ่ม ณ อำเภออุ้มผาง ผมเดินทางมาที่ จุดชมวิวบรรยากาศเขาหัวล้าน
ด้านไกลๆที่เห็นคือ แสงไฟของเมืองอุ้มผางที่ส่องประกายท้าทายท้องฟ้าท่ามกลางความมืดมิด
ดวงดาวนับล้านดวงมาเยือนตามนัด ในวันที่บรรยากาศเป็นใจ
ทางช้างเผือกจึงปรากฎกายให้แก่เราแบบไม่อายใคร
เล่นกับแสงสีสรรบนท้องฟ้าให้หนำใจ ก่อนจะกลับบ้านกันในวันพรุ่งนี้
ผมหันมาอีกด้านหนึ่ง ยังไม่ทันเช้าเลย แต่ทะเลหมอกก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวแล้ว
ไม่ต้องไปทำนายพยากรณ์อะไรให้ยุ่งยาก พรุ่งนี้ผมต้องเห็นทะเลหมอกที่สวยที่สุดของที่นี่แน่นอน
ผมกลับมาที่ "ดอยหัวหมด" อีกครั้งในเวลาใกล้รุ่ง
องค์ประกอบทุกอย่างเป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ บรรยากาศ และโอกาส
ทุกๆวินาทีที่เดินผ่านไป ไอหมอกจะค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามแนวต้นไม้เบื้องล่างจนปกคลุมไปทั่ว
ทุกอย่างดูเป็นพลวัตรที่ดำเนินไปในทุกๆวัน
สำหรับคนกรุงเทพแล้ว ที่ทุกวันเห็นแต่หมอกควัน อากาศที่แน่นรูจมูก เสียงบีบแตรรถ พระอาทิตย์ขึ้นเหนือยอดตึก
การได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ เห็นพระอาทิตย์มายิ้มทักทายเหนือยอดเขา
มันจึงเป็นความรู้สึกที่เหนือความสุขจริงๆครับ ผมรู้สึกตัวเองโชคดีมากที่ได้มาอุ้มผางในตอนนี้
อยู่ที่นี่ 1 วัน เหมือนกับต่ออายุตัวเองไปอีก 1 ปี
ถ้าใครที่กำลังมองหาจุดหมายปลางทางเพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย
ผมขอแนะนำให้มาที่อำเภออุ้มผางอย่างสุดหัวใจเลย
ไม่ต้องกลัวกับบรรยากาศอันแน่นบนยอดดอยยังกับปลากระป๋องแบบทางภาคเหนือๆ
ที่นี่มีพื้นที่ให้เราได้ใช้ชีวิตแบบ slow life ชิวๆ บนยอดดอยได้แบบไม่ต้องแย่งอากาศกันหายใจ
ถนนหนทางที่ขับรถมาในตอนเช้า ตอนนี้ได้ถูกหมอกกลืนกินหายไปแล้ว
ณ บัดนี้ หมอกได้ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณอำเภออุ้มผางเป็นที่เรียบร้อย
ผมอยากจะใช้เวลาที่นี่ให้นานกว่านี้ แต่ก็ต้องเดินทางกลับแม่สอดแล้ว หนทางยังอีกยาวไกล
แต่ประสบการณ์ได้รอบนี้ทำให้ผมมั่นใจได้เลยว่า มาอุ้มผางแค่ครั้งเดียว มันน้อยไป มันไม่พอ
ต้องมีครั้งที่สอง สาม และสี่ และครั้งต่อๆไป แน่นอน เชื่อเถอะ
สวัสดีอุ้มผาง สวัสดีเมืองตาก เอาไว้พบกันใหม่ในโอกาสถัดไปครับ
จะโดดทั้งทีต้องโดดให้สูงแล้วก็ต้องโดดให้ไกล
แต่รองเท้าดันหลุดซะก่อนเลยโดดได้แค่นี้เอง 555
การเดินทางไปเที่ยวอำเภออุ้มผาง
รถยนต์ส่วนตัว
ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร จนถึงตาก ระยะทางประมาณ 425 กิโลเมตร ก่อนถึงตัวเมืองตาก 7 กิโลเมตร แยกซ้ายมือสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอดอุ้มผาง) ระยะทาง 164 กิโลเมตร รวมระยะทางจากกรุงเทพฯ-อุ้มผาง ประมาณ 668 กิโลเมตร ระยะเวลาเดินทาง จากกรุงเทพฯ-อำเภอแม่สอด ประมาณ 9-10 ชั่วโมง และระยะเวลาการเดินทางจากอำเภอแม่สอดถึงอำเภออุ้มผาง ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
รถประจำทาง
กรุงเทพฯ - แม่สอด
|
- รถปรับอากาศบริษัทขนส่ง 99 ป1, 2 |
08.00, 19.15, 20.50 |
สถานีขนส่งสายเหนือ (หมดชิต) |
512 |
8.30 |
- รถปรับอากาศบริษัทขนส่ง 99 VIP |
21.00, 22.00 |
สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) |
512 |
8.30 |
|
- รถปรับอากาศบริษัทเชิดชัยทัวร์ |
09.00, 21.00, 21.30 |
สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) |
512 |
8.30 |
|
- รถปรับอากาศบริษัททันจิตต์ทัวร์ |
22.00, 22.30 |
สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) |
512 |
8.30 |
จาก บขส.แม่สอด ต้องหารถ แม่สอด-อุ้มผาง มีรถสองแถวประจำทาง ค่าโดยสาร คนละ 120 บาท
เครื่องบิน
มีสายการบิน "นกแอร์" Nok Air อันเดียวเท่านั้น บินวันละ 3 เที่ยว ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
บินตรง ดอนเมือง - แม่สอด เลยนะครับ
ราคาค่อนข้างแพงมากเมื่อเทียบกับรถบัส เพราะผูกขาดและความต้องการสูงตลอด มันก็เลยแพงนั่นแหละ
9:40 am
|
→
|
10:50 am
|
Nok Air 8116
|
S
|
M
|
T
|
W
|
T
|
F
|
S
|
DMK-MAQ
|
12:20 pm
|
→
|
1:30 pm
|
Nok Air 8122
|
-
|
-
|
T
|
-
|
T
|
-
|
S
|
DMK-MAQ
|
2:00 pm
|
→
|
3:10 pm
|
Nok Air 8124
|
S
|
M
|
T
|
W
|
T
|
F
|
S
|
DMK-MAQ
|
4:10 pm
|
→
|
5:20 pm
|
Nok Air 8126
|
S
|
M
|
T
|
W
|
T
|
F
|
S
|
DMK-MAQ
|
จากสนามบิน จะเช่ารถขับ หรือจะจ้างคนขับ หรือจะไปนั่งรถประจำทางไปอุ้มผางก็ได้ครับ
แม่สอด-อุ้มผาง มีรถสองแถวประจำทาง ค่าโดยสาร คนละ 120 บาท