Kuppadeli @Center Point คาเฟ่สุดเก๋นั่งสบายใจกลางสยามสแควร์

Kuppadeli @Center Point คาเฟ่สุดเก๋นั่งสบายใจกลางสยามสแควร์

Kuppadeli @Center Point คาเฟ่สุดเก๋นั่งสบายใจกลางสยามสแควร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ

วันนี้มีร้านคาเฟ่น้องใหม่ "Kuppadeli" ที่เพิ่งมาเปิดที่ Center Point ได้ไม่นานมาแนะนำค่า

Kuppadeli 1

ใครที่เป็นคอกาแฟคงพอรู้จักร้านแม่คือ Kuppa ร้านอาหารอิตาเลียนและคอฟฟี่เฮาส์ในซอยสุขุมวิท 16 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องกาแฟอยู่ก่อนแล้ว

Kuppadeli จึงเป็นร้านลูกที่ต่อยอดทำออกมาในคอนเสปท์ร้านอาหารแบบ Deli อันเห็นได้บ่อยในต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นร้านแบบที่คนสามารถเดินเข้าเดินออกทั้งวันเพื่อหาเครื่องดื่มและอาหารง่ายๆ ปรุงสุกพร้อมทาน ไม่ว่าจะเป็น สลัด แซนด์วิช เบอร์เกอร์ และพายชนิดต่างๆ

และแน่นอนว่าที่ Kuppadeli  จะต้องขายกาแฟชั้นเลิศจาก Kuppa ให้คุณลูกค้าได้ชิมกัน

Kuppadeli 6

การออกแบบร้านทำได้เก๋ไก๋มีสไตล์ มีทั้งโทนขาว ทั้งพื้นผิวแบบไม้ ไปถึงโคมไฟสีดำที่ดูแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร

Kuppadeli 3

ร้านโปรงโล่งสบายด้วยการจัดมุมโต๊ะเก้าอี้หลากหลายการใช้สอย เช่น มีมุมโต๊ะยาวที่ให้กลุ่มเพื่อนมานั่งพูดคุยสังสรรค์กันเป็นกลุ่มใหญ่

Kuppadeli 2

หรือมุมเงียบๆ เป็นสัดส่วนด้านหลังที่ให้คุณได้จิบกาแฟกลิ่นกรุ่นพร้อมทำงานไปด้วยได้อย่างสบายใจ

Kuppadeli 4

ความน่านั่งนี่ส่วนตัวให้คะแนนเต็มไปเลย ทางร้านมีไวไฟฟรีแถมมีที่ให้เสียบปลั๊กกระจายหลายจุดในร้านเหมาะแก่การไปนั่งทำงานเพลินๆ มากเลยเชียวค่ะ

สำหรับในส่วนของกาแฟนั้น ทาง Kuppa สรรหาแต่เมล็ดกาแฟ Arabica ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลกมาทั้งจากบราซิล กัวเตมาลา เคนยา โคลัมเบีย และอีกมากมาย แถมยังมีตัวที่เป็นแบบเฉพาะของ Kuppa เองที่ blend กาแฟถึงหกแหล่งเข้าด้วยกันเพื่อรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อมอีกด้วย

Kuppadeli 5

วันนี้เราเลือกชิม Flat White (100B) ที่ใช้ house blend "Kuppa Espresso" มาชงเป็นกาแฟใส่ microfoam หรือฟองนมร้อนนุ่มๆ ตามแบบฉบับของออสเตรเลียอันเป็นต้นกำเนิดของกาแฟสูตรนี้

กาแฟของที่นี่กลิ่นหอมกรุ่นและรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นอย่างที่คาดไว้

Kuppadeli 11

ส่วนใครที่ชอบแนวน้ำปั่น แนะนำสองเมนูนี้ค่ะ

Mango Lassi (160B) ที่ใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ กลิ่นออกหอมแต่รสไม่หวานจัด ทานแล้วแสนจะสดชื่น

Kuppadeli 10

และ Avocado Lassi (165B) ที่ใส่น้ำผี้งลงไปด้วย จะได้รสสัมผัสนุ่มๆมันๆ ของอโวคาโดกับกลิ่นน้ำผึ้งหอมๆ อร่อยไปอีกแบบ

Kuppadeli 19

ได้เครื่องดื่มกันเรียบร้อยก็มาถึงเวลาพินิจพิจารณาเมนูค่ะ

เมนูที่นี่มีรายการอาหารให้เลือกมากมาย นอกจากจะมีอาหารนานาชาติหลายหมวดให้เลือกสรร

ไม่ว่าจะเป็น Breakfast, Salad /Pies/Snacks, Burgers/Sandwiches, Pasta และ Mains

ยิ่งไปกว่านั้นทางร้านยังเอาใจคนไทยด้วยหมวด Something Thai ที่จัดเมนูเด็ดที่ทุกคนคุ้นตามาให้กินเมื่อโหยหารสเผ็ดจัดจ้านแบบไทยๆ

เราเริ่มกันที่ Breakfast ที่นี่เสิร์ฟเมนูอาหารเช้าทั้งวัน ให้ได้ทานกันสบายๆ ถึงจะไม่ได้แวะเข้ามาแต่เช้า

Egg Benedict (S 190B; L320B ) ที่เราสั่งจานเล็กมาลองนั้นทำไข่มาเยิ้มได้ใจ

ตัว Spinach ด้านล่างจะไม่ปรุงรสมาเยอะมาก เพราะให้มาบาลานซ์กับ Procuitto di San Danielle ที่ตัวแฮมรสออกเค็มอยู่แล้ว เสิร์ฟมาบนขนมปังอิตาเลียนที่เรียกว่า Ciabatta

ที่ต้องชมเป็นพิเศษคือ Hallandaise Sauce ซอสหลักที่ถือว่ายากปราบเซียนแต่ที่นี่ทำออกมาได้รสชาติดี ออกเปรี้ยวนิดๆ ทำให้โดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ ที่เคยชิมมา

Kuppadeli 18

สำหรับ Sauteed Mushrooms (50B) ที่เห็นข้างๆ นั้นเป็นหนึ่งใน Breakfast extras ที่เราสั่งมาเพิ่ม

อันนี้ปรุงรสมาได้ดี รสชาติเข้มข้น ได้กลิ่นพริกไทยมาเต็ม แอบเข้ากันดีกับเมนู Egg benedict ที่สั่งมา

ถัดมาขอแนะนำเมนูไฮไลท์ของร้านที่อยากให้ทุกคนได้สั่งมาลองทาน

Egg en Cocotte (200B) เมนูไข่ที่ดูง่ายๆ แต่แฝงไปด้วยความพิเศษ

ที่เห็นในชามเป็นไข่และครีม ตัวไข่จะไม่เยิ้มเท่า egg benedict จะสุกกว่าอีกนิดจึงหนืดกว่าอีกหน่อยใส่เห็ด eringi แต่งกลิ่นด้วย truffle oil และโรย bacon bits กรอบๆ ลงไป

รสชาติกลมกล่อมลงตัวมากๆ จนบรรยายไม่ถูก ต้องมาชิมเองจริงๆ ค่ะ มันหอม นุ่ม กำลังดี เข้ากันไปซะหมด แถมกินกับขนมปัง Ciabatta กรอบๆ นี่ยิ่งฟิน

Kuppadeli 12

ส่วนของสลัดไม่ได้ชิมกันวันนี้ค่ะ แต่ได้ข่าวว่า Fig Rocket Chicken Salad นั้นเป็นเมนูยอดนิยมในหมวดสลัดค่ะ ตั้งใจว่าจะต้องกลับมาชิมให้ได้ในคราวต่อไป

ในหมวดเบอร์เกอร์เราเลือกของเด็ดอย่าง Wagyu Cop-the-lot Burger (450B) มาลองค่ะ

จริงๆ แล้วตัว bun มีให้เลือกได้สองแบบด้วยนะคะ ทั้ง sesame bun และ slim wholewheat

Kuppadeli 13

เบอร์เกอร์อันใหญ่ เนื้อชิ้นโตทำมาได้นุ่ม มีไข่ดาวกับเบคอนโปะเพิ่มอีก อันนี้นี่ชิ้นเดียวอิ่มจนจุกเลยค่ะ

Fries ที่เสิร์ฟมาคู่กันก็ทำมาได้กรอบทุกชิ้น แถมมีทีเด็ดที่ Truffle oil และ Parmesan ทำให้ฟรายที่นี่อร่อยทานเพลิน หมดไวแทบไม่รู้ตัว

Kuppadeli 14

ตบท้ายด้วยอีกเมนูยอดนิยม Spanish Chicken (320B)

อกไก่ชิ้นโตที่ทำมาได้นุ่มพอดี ทานกับ Chorizo เอย Green Pea เอย รวมทั้งมันฝรั่งและหัวหอม เข้ากั๊นเข้ากัน

Kuppadeli 15

ปกติเป็นคนไม่ชอบทานอกไก่เพราะดูจืดๆแห้งๆ แต่ที่นี่ทำมาได้นุ่มมากและไม่แห้งเลยสักนิด ด้านนอกก็ปรุงรสมาได้พอเหมาะพอเจาะ ทำให้คนไม่ชอบทานอกไก่อย่างเราทานได้จนหมดจาน

Kuppadeli 16

ปิดท้ายกันด้วยขนมหวาน ที่นี่มีขนมหวานเยอะมากเลือกแทบไม่ถูกเลยเดินออกมาเกาะตู้กระจกให้เค้กแต่ละชิ้นเรียกร้องความสนใจเผื่ออะไรจะเตะตา

Kuppadeli 7

ในที่สุดจึงลงเอยที่ Lemon Meringue Pie (180B) ชิ้นโต

เนื่องจากพายยังไม่ได้ตัดจึงได้โอกาสเห็นพายทั้งถาดที่ตัวเมอแรงก์ทำมาอย่างสวย

ทางร้านใช้มีดจุ่มน้ำร้อนก่อนแล้วจึงหั่นออกมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยมสวยงาม

ตัวเนื้อไส้ lemon ที่นี่จะแข็งๆ เด้งดึ๋ง ไม่ได้เป็นครีมๆ เหลวๆ เหมือนทั่วไป ส่วนของเมอแรงก์นั้นหวานน้อยกำลังดี เนื้อนุ่มเบาถูกใจ

Kuppadeli 17

ถึงจุดนี้อิ่มกันมากมายแต่ด้วยความตะกละจึงซื้อ Carrot Cake (180B) กลับมากินที่บ้าน

ตัวเนื้อเค้กนุ่มนิดๆ ไม่นุ่มมาก มีกลิ่น spice หอมๆ มี pecan โรยด้านหน้าและแทรกในตัวเค้ก ตัวครีมชีสด้านบนอร่อยสุดๆ จนอยากกลับไปซ้ำอีกสักรอบ

นอกจากเค้กอร่อยๆ ที่นี่ก็ยังมีไอศกรีมพรีเมียมชื่อเก๋ๆ อย่าง Guss Damn Good วางขายค่ะ

Kuppadeli 8

แต่ละรสชาติมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ฟังแล้วน่าสนใจพลอยให้อินกับไอศกรีมแต่ละรสเป็นอันมาก

Kuppadeli 9

ยิ่งพอได้ชิมแล้วนี่ เรียกว่าหลงรักเลยล่ะค่ะ

ใครอยากลองชิมไอศกรีมคุณภาพดีเนื้อเนียนแน่นเข้มข้น รสชาติแปลกใหม่เปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ แนะนำให้ลองทาน Guss Damn Good  กันดูค่ะ

 

สำหรับร้าน Kuppadeli สรุปว่า

ที่ตั้ง: ชั้น 4 ของ Center Point of Siam Square

การเดินทาง: สะดวกสบายมากเพราะเพียงนั่ง BTS มาลงสถานีสยาม แล้วเข้าทางเชื่อมที่ตรงข้ามกับ Siam Center มา ขึ้นบันไดอีกหนึ่งชั้นก็จะได้ยลโฉมค่าเฟ่สุดชิคอย่างเต็มตา ใครที่กลัวหายากหาไม่เจอ ให้สังเกต True Shop ที่ใหญ่ๆ ไว้ค่ะ จากชั้น 3 ขึ้นชั้น 4 จะเดินทะลุ True Shop ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอหน้าร้านเลยค่ะ

ราคา: หลายๆ คนเห็นร้านสวยอาจจะเริ่มเกร็งๆ กับราคา แต่จริงๆ แล้วราคาที่ตั้งไว้ถึงจะค่อนไปทางสูงก็ไม่ได้แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ ในโซนสยามมากมายค่ะ เครื่องดื่มอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยกว่าบาท อาหารจานละ 200-300 บาท เว้นแต่เมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบพรีเมียมเช่นวากิวก็จะแพงขึ้นมาอีกหน่อย เค้กชิ้นละราวๆ 200 บาทแต่ก็ชิ้นใหญ่อย่างน่าตกใจและรสชาติดี เมื่อเทียบกับคุณภาพและรสชาติที่ทำออกมาได้อย่างลงตัวก็ถือว่าคุ้มค่าสมราคาค่ะ

บริการ: ที่ร้านดูแลเป็นอย่างดี อาหารมาไว บริกรเอาใจใส่ตอนรับประทาน และนั่งทำงานต่อได้โดยไม่มีใครว่าหรือมารบกวน

โดยรวมแล้วถือว่าเป็นร้านที่ผ่านฉลุยในทุกๆ ด้าน กาแฟก็คุณภาพเยี่ยมสมกับที่ต่อยอดมาจาก Coffee House ที่มีชื่อเรื่องรู้ลึกรู้จริงถูกใจคอกาแฟ อาหารก็ปรุงรสออกมาได้ดีมีหลายๆ จานที่ถือว่าทำออกมาได้โดดเด่น แถมขนมหวานยังชิ้นใหญ่ไม่ธรรมดา จึงเป็นอีกร้านนั่งสบายที่อยากให้ได้ไปลองกันค่ะ

 

***

ติดตามงานเขียนอื่นๆ ของเราได้ที่ www.foodiesjournie.com และแวะไปพูดคุยทักทายกันได้ที่หน้าเพจ www.facebook.com/foodiesjournie นะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook