รีวิวร้าน Fauchon ทูตวัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลก ตอนนี้มาไทยแล้ว สาขา Em Quartier ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะ! รู้ยัง? by ChingCanCook

รีวิวร้าน Fauchon ทูตวัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลก ตอนนี้มาไทยแล้ว สาขา Em Quartier ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะ! รู้ยัง? by ChingCanCook

รีวิวร้าน Fauchon ทูตวัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลก ตอนนี้มาไทยแล้ว สาขา Em Quartier ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะ! รู้ยัง? by ChingCanCook
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าพูดถึงอาหารฝรั่งเศส คนไทยที่ไปฝรั่งเศสมาต้องรู้จักร้าน Fauchon อย่างแน่นอน เหมือนใครมาประเทศไทยต้องไปสยามพารากอน วัดพระแก้วประมาณนั้นเลยค่ะ ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่มาก ก่อตั้งโดยโอกุสต์โฟชอง (AugusteFauchon) ตั้งแต่ปี 1880 จนมิเชล ดูโครส์  (Michel Ducros) เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นับตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา โฟชองก็ได้ขยายกิจการไปหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง ณ ตอนนี้มีร้านโฟซองอยู่ 2 สาขาในประเทศไทย คือที่สยามพารากอน (ให้บริการเฉพาะขนม) และเอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นสาขาที่ชิ้งมารีวิวในวันนี้ค่ะ และเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยน้า ให้บริการครบทั้งอาหาร ขนม ชา ของที่ระลึก พวกแยม เกาลัดเชื่อม นอกจากนี้ก็ยังมีไวน์ แชมเปญ ฯลฯ แถมเสิร์ฟตั้งแต่อาหารเช้า อาหารกลางวัน ดินเนอร์ ยาวไปจนเสิร์ฟเครื่องดื่มสำหรับปาร์ตี้กับเพื่อนๆเชียวนะ!

DSC05080_resize

ทางร้านบอกว่าเวลาลูกค้าเข้ามาในร้าน อยากให้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ของ F ทั้ง 4 อันได้แก่ French Food Fashion และ Fun

 

บรรยากาศร้านออกขาว ดำ หรูหรา แต่มีสีชมพูมาเจนต้ามาช่วยลดความสุขุม แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มสีสันให้น่าสนใจมากขึ้น ไม่งั้นชุ้งชิ้งไม่กล้าเข้าแน่ เพราะดูแพงนะก๊ะ ทางร้านบอกว่าอยากนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบฝรั่งเศสแท้ๆโดยที่ลูกค้าไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงฝรั่งเศส มีเก้าอี้สไตล์ปารีเซียงเก๋ๆเพิ่มความอบอุ่นด้วยค่ะ

 

และวันนี้ชิ้งจะรีวิวอาหารเซ็ตนี้ค่ะ เป็นเซ็ตเมนูอาหารประจำสัปดาห์หรือเรียกว่า Weekly special menu โดยเมนูจะเปลี่ยนทุกๆวันศุกร์ แต่ราคาเท่านี้แหล่ะ

DSC05039_resize

DSC05040_resize

เห็นราคาแล้วตกใจ เพราะนึกว่าจะแพงกว่านี้มาก ส่วนตัว ไม่เน้นของหวานเลย แค่ 1 starter + 1 จานหลัก 500 บาท เค้าก็อิ่มแร้น ยิ่งถ้าเหลือแค่ main course กับเอแคลร์นะ แค่ 375 บาทเท่านั้น! แบบนี้ค่อยยังชั่ว แหม! นั่งเกร็งอยู่ตั้งนาน

^ ^’

 

ขอชมเอ็กเซคคูทีฟเชฟโฟชองประเทศไทย คุณ บรูโน่ เลอ ฟรองซัวส์  ว่าเก่งมากๆ เพราะโจทย์ที่ทางร้านให้เชฟค่อนข้างยาก! โฟซองเองถึงแม้จะมีฐานแฟนคลับในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยทั่วไปให้มากขึ้น เพราะคนไทยยังไม่คุ้นกับอาหารฝรั่งเศสเท่าไหร่ เลยอยากตั้งราคาให้คุ้มค่า ไม่แพง เอื้อมถึง ในขณะที่ต้องไม่ลดมาตราฐานของโฟซองเอง ที่ใครๆก็รู้ว่าพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบมากๆ และต้องคงความอร่อยตามแบบฉบับดั้งเดิมสไตล์ปารีเซียงไว้ได้ เอาหล่ะ มาชมผลงานเชฟกันได้เลยค่า

 

อากาศร้อนๆแบบนี้ ขอจัด เวอร์จิ้นโมฮิโต้ (Virgin Mojito) มาดับร้อนให้ตัวเองซักแก้วนะคะ

 DSC04991 (2)_resize

แก้วนี้เป็นน้ำมะนาวสด มีน้ำตาลทรายแดง มิ้นท์และโซดา รสชาติเปรี้ยวๆแบบนี้สดชื่นจิงๆค่ะ ไม่หวานไปด้วย

1_resize

ก่อนเสิร์ฟ Starter กินขนมปังทาเนยไปก่อนนะก๊ะ ทางร้านจะเสิร์ฟแบบนี้ให้ทุกโต๊ะเลยจ้า วัฒนธรรมที่ถูกต้อง จะเริ่มที่ขนมปังก่อน แต่ไม่ต้องกินให้หมดก็ได้น้า เก็บส่วนหนึ่งไว้ทานระหว่างมื้อได้ค่า

5_resize7_resize

Starter ตลอดอาทิตย์นี้เป็น Tuna Tartare (ทูน่า ทาท่าร์) ค่ะ ดูศิลปะการแต่งจานเค้าสิคะ งดงามเน้อ ส่วนรสชาติจานนี้ จะออกรสเปรี้ยวๆนำ เพราะมีมะม่วงหั่นเต๋า ตามด้วยรสเค็มเล็กน้อยของ capres (เคเปอร์– เม็ดเขียวๆ) และมีกลิ่นหอมของขิงแต่รสชาติไม่ถึงกับเผ็ดร้อน พริกที่ใช้จะเป็นพริกที่ชื่อว่า espelette chili (พริกเอสเพอแลตต์ เค้าบอกว่าเป็นพริกที่มาจากหมู่บ้านเล็กๆทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสใกล้กับชายแดนประเทศสเปน) รสชาติจะไม่เผ็ดเลยหอมดี ส่วนตัวชอบที่โรยหน้าด้วยขนมปังกรอบ ที่หอมเนยและชีส คือตัวปลาทูน่า จะนุ่มๆ พอเจอกับขนมปังกรอบๆ มันทำให้มี texture ที่ contrast กันดี เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ดีเชียวค่ะ บอกเป็นความรู้อีกซักหน่อย คำว่า “ทาทาร์” คือจะต้องดิบค่ะ เมนูนี้ใช้เป็นปลาทูน่าดิบดองมะนาว เลยมีรสชาติเปรี้ยวๆ

 

หลังจากเจอ Starter ไป เครื่องติดเลยจ้า มาต่อด้วยซุปข้นหน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus Veloute) บอกเป็นความรู้นิดส์นุงว่า ปรกติซุปฝรั่งเศสจะใสๆ เค้าจะเรียกซุป แต่ถ้าข้นๆแบบนี้เค้าจะเรียกว่า Veloute

DSC04987 (2)_resize

ได้กลิ่นหน่อไม้ฝรั่งชัดเจน รสชาตินุ่ม ออกนวลๆ แต่ไม่เลี่ยน อร่อยดีค่ะ ความข้นนี่ไม่ได้ใส่แป้งนะคะ เค้าใช้หน่อไม้ฝรั่งปั่นกับน้ำสต๊อกไก่เอา และที่เห็นเป็นฟองขาวๆนั่นคือ Milk form มีเนื้อของหน่อไม้ฝรั่งเฉือนบางๆมาในถ้วยด้วยค่า กินหมดจนหยดสุดท้ายเลยแหล่ะ หึหึ

 

จานต่อไปเป็นสลัดค่ะ Spring vegetable salad เป็นสลัดเย็น มีผักทั้งหมด 11 ชนิด (ถ้านับไม่ผิดนะคะ ^ ^’) น้ำสลัดทางร้านใช้เป็น carrot ginger dressing เดาว่าน่าจะมีส่วนผสมของ น้ำแครอท ขิงสับ น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู ประมาณนี้ค่ะ รสชาติเปรี้ยวนำมาเลย แต่งจานมาสวยอลังมากจีจี

DSC05010 (2)_resize

DSC05012 (2)_resize

DSC05013_resize

มาถึง Main Course ซักที เพื่อนๆอาจรู้สึกขั้นตอนการเรียงจานแปลกๆ แต่อาหารฝรั่งเศสเค้าเรียงแบบนี้จีจี หลังจากเมนคอร์สแล้วเค้าจะต่อด้วย ขนมหวาน+ชา และตบท้ายด้วยชีส ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันเน้อ

 

เซ็ตเมนูนี้มี Main Course ให้เลือก 2 เมนู คือ แก้มเนื้อวัว “โพ โต ฟู” กับ ปลาบาสสา ฟูซิลลี่และซอสมะนาว ไหนๆวันนี้ถูกเชิญมาแล้ว จัดไปเต็มๆทั้ง 2 เมนูเลยจร้า ^ ^ เริ่มจาก...

1_resize

2_resize

4_resize

Main course จานแรกคือ แก้มเนื้อวัว “โพ โต ฟู” (Beef cheek “pot au feu” way) จานนี้เลิฟเลยค่ะ เนื้อตุ๋นมาได้นุ่มมากกกกกกกกกกกกกกก แทบไม่ต้องเคี้ยว คืออาม่าหรือใครใส่ฟันปลอมมา กินได้สบายแฮ! คงผ่านการตุ๋นมาหลายชั่วโมงเลยแหล่ะ รสชาติเข้มข้น ส่วนตัวชอบซอสขาวๆที่เสิร์ฟมาด้วย ชื่อว่าซอสลาวิโกร (ravigotte sauce) ครีมข้น ใส่ไข่ต้มบดละเอียดเลยได้รสชาติมันๆ เพิ่มรสเค็มจากเคเปอร์ (เม็ดเขียวๆ) พอกินซอสคู่กับเนื้อแก้มวัวนุ่มๆ เข้ากันมาก เสียอย่างเดียวมีน้อยไปหน่อย หรือชุ้งชิ้งกินจุไปไม่รู้ 555

 

Main Course เมนูที่ 2 คือจานนี้

DSC05016_resize

DSC05020_resize

DSC05017_resize

จานนี้คือ ปลาบาสสา ฟูซิลลี่และซอสมะนาว (Bassa fish fusilli and lemon sauce) ความพิเศษของเมนูนี้ คือ เนื้อปลาจะนุ่มมากกกกกกกกกกกกกก ทางร้านจะนำปลาไปทอด ก่อนนำไปเข้าเตาอบอีกที เพราะถ้าทอดจนสุก เนื้อปลาจะกระด้างค่ะ เสิร์ฟมาพร้อมพาสต้าเส้นเกลียว (fusilli pasta) ใน Lemon sauce และหอยลาย ส่วนตัวไม่รู้สึกถึงรสเปรี้ยวนะคะ รสชาติกลมกล่อม นวลๆ มากกว่า จานนี้แปลกมาก คือกินคำแรกแล้วหยุดไม่ได้ คืออร่อยเซอร์ไพรส์เลยค่ะ เห็นจากสายตาก็ธรรมดานะ แต่พอเข้าปากเท่านั้นแหล่ะ แป๊บเดียวหมดจานเลยจร้า >.<

 

เชื่อมั้ยคะ? ว่าชิ้งยังกินได้อีก ^ ^’ ทางร้านเลยสั่ง เป็ดราดซอสส้ม (Duck “a l’ orange) สูตรโบราณที่เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่ง กราแตงโดฟีนัวส์ (Potato gratin “Dauphinoise” style) มาให้อีกจาน

DSC05026_resize

DSC05029_resize

 DSC05024_resize

DSC05023_resize

หนังเป็ดกรอบมาก แต่เนื้อด้านในนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสส้มที่ใช้ส้มจริงคั้นสดๆ สมแล้วสำหรับตำแหน่งเมนูแนะนำของร้าน เมนูนี้ทำยากค่ะ เชฟบอกว่าจะต้องนำเป็ดไปนึ่งก่อน แล้วดึงเส้นเอ็นของเป็ดให้เรียบร้อย หมักด้วยสมุนไพรต่างๆ จากนั้นนำเป็ดใส่ถุงแล้วนึ่งในถุงสุญญากาศโดยควบคุมอุณหภูมิหรือที่เรียกว่า ซูวี (Sous Vide) เพื่อให้เนื้อเป็ดนุ่มและยังคงรสชาติไว้ให้ได้มากที่สุด สุดท้ายก็นำเป็ดลงทอดในน้ำมันร้อนๆ (เรียกการทอดในลักษณะนี้ว่า Seared-เซีย) เพื่อให้หนังกรอบกริ๊บนั่นเอง แต่ไม่ต้องทอดนาน เนื้อด้านในจะได้คงความฉ่ำ เพราะเป็ดสุกตั้งแต่ซูวีมาแล้ว

ส่วนซอสส้ม อย่างที่บอกว่าใช้ส้มจริงๆคั้นสด นำไปเคี่ยวกับน้ำตาล เติมน้ำส้มสายชูเชอร์รี่วินีการ์ไปซักหน่อย แล้วเคี่ยวจนซอสงวด รสชาติส้มมากๆ ออกเปรี้ยวหวาน

 

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ กราแตงโดฟีนัวส์ อร่อยฝุดๆๆๆๆๆๆ มันฝรั่งสไลด์เป็นแผ่นบางพอดี๊ พอดี นุ้มนุ่ม! หอมนม หอมครีม หอมเนย หอมชีส รสชาตินี่นวลเชียว แต่ไม่หนัก คือไม่เลี่ยนเลย ปรุงมาพอดีเป๊ะ อยากไปเรียนทำกราแตงจากเชฟจีจีเลย เวลาตัวเองทำจะหนักครีม หนักนมกว่านี้มาก วันนี้เจอกราแตงต้นฉบับในดวงใจแร้น จะกลับไปลองทำให้ได้ค่ะ

 

ของคาวผ่านไป มาต่อกันที่ของหวานเลยคร่า ขนมร้านโฟซอง "สวย!" พูดได้คำเดียวจริงๆค่ะ

DSC05134_resize

DSC05135_resize

DSC05136_resize

DSC05137_resize

DSC05138_resize

DSC05139_resize

วันนี้เหลือพื้นที่ในท้องไม่มาก ขอจัด 2 เมนูขนมหวานพร้อมชา 2 แบบดังนี้

2_resize

จานแรกคือ มิลเฟย วานิลลา (Millefeuille Vanilla) แปลเป็นไทยว่าขนมพันชั้น เป็นขนมพื้นบ้านของประเทศฝรั่งเศส  เค้านิยมกินกับชาร้อน ตัวแป้งพัฟเบาๆกรอบๆ หอมกลิ่นน้ำตาลคาราเมลที่เคลือบอยู่ด้านบน  สอดไส้ด้วยคัสตาร์ดวานิลลาเนื้อนุ่มๆ ยอมรับว่าไม่ชอบกินขนมเท่าไหร่ แต่ชอบเมนูนี้มากค่ะ มิน่าเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานที่ขายดีมากๆเลย

 

วิธีกินก็หั่นแบบนี้นะคะ...

3_resize

4_resize

ต่อมาเป็น เอแคลร์ สตรอเบอร์รี่ (Strawberry Éclair) 

DSC05046_resize

DSC05062_resize

DSC05061_resize

ดีนะที่ชิ้งเคยไปเรียนทำ เอแคลร์ ที่ กอร์ดองเบลอ มา ทำให้รู้ว่าเอแคลร์ฝรั่งเศสเค้าเป็นทรงยาวๆแบบนี้ ไม่ใช่กลมๆแบบที่เราเข้าใจ แถมต้องยาว 13 ซ.ม.ด้วยค่ะ จานนี้เป็นเอแคลร์สอดไส้ครีมสตรอเบอร์รี่และสตรอเบอร์รี่สด ด้านบนเคลือบด้วยช็อกโกแลตสีแดง และตกแต่งด้วยลายเส้นช็อกโกแลตเขียว และผงเงิน รสชาติสตรอเบอรี่เลยค่ะ วิธีกินจะใช้มีดหั่นก็ได้ หรือจะยกขึ้นมาทั้งชิ้นแล้วใช้นิ้วค่อยๆดันเอแคลร์ออกมาทานทีละคำก็ได้ค่ะ

 

กินขนมหวานก็ต้องกินคู่กับชา ถึงจะเข้ากัน จริงมั้ย? วันนี้ทางร้านเสิร์ฟชามา 2 แบบค่ะ

DSC05051_resize

พนักงานเสิร์ฟชามาพร้อม นาฬิกาทราย  ระบุเวลา 3-5นาที เก๋เน๊าะ เค้าให้มาเพื่อตั้งเวลาว่าเราชอบความเข้มข้นของชาแค่ไหน เพราะยิ่งแช่ใบชานาน รสชาติชาก็จะยิ่งเข้มนั่นเอง

DSC05054_resize

ถ้วยแรกเป็นชาซอลเท็ตคาราเมลอูหลง กลิ่นคาราเมลชัดเลย ดื่มแล้วลื่นคอดี

DSC05055_resize

ชาสีเข้มๆถ้วยนี้ คือ ชาโฟชองเบลนด์ (FAUCHON Blend Tea) เป็นชาดำจากจีนและศรีลังกา มีกุหลาบและดอกลาเวนเดอร์ รสชาติจะเข้มกว่าชาแบบแรก แต่ชิ้งว่าพอกินกับขนมหวานๆ ชาแบบนี้เข้ากว่าค่ะ

 

เมนูดีไซน์มาสวยมากค่ะ เมนูเครื่องดื่มมี 2 หน้า ส่วนเมนูอาหารเป็น 3 หน้า

DSC05003_resize

DSC05010_resize

DSC05007_resize

อิ่มแล้วก็มาชมบรรยากาศร้านกันนะคะ ทั้งด้านหน้าร้าน ในร้าน รวมไปถึงโซนขายขนม ขายแยม เกาลัดเชื่อมและของที่ระลึกต่างๆ ตามมาค่ะ

DSC05089_resize

DSC04995_resizeDSC05032_resizeDSC05033_resizeDSC05034_resizeDSC05087_resize

DSC05141_resize

DSC05142_resizeDSC05104_resizeDSC05106_resizeDSC05109_resizeDSC05110_resizeDSC05140_resizeDSC05030_resize

DSC05143_resize

DSC05075_resizeDSC05086_resize

DSC05091_resizeDSC05096_resizeDSC05097_resize

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook