JAPAN ON A BUDGET เที่ยวญี่ปุ่นไม่แพงอย่างที่คิด ตอนที่ 3 ยูกะตะ ณ เกียวโต
ขออภัยที่ดองไว้นานนะคะ ช่วงนี้งานประจำยุ่งมาก ยังไงก็ลัดคิวเกียวโตให้ก่อน ตามคำขอค่าา
- ป้ายรถ Willer ที่ Gion Shijo
ก้าวแรกของเราในเกียวโต ลงจากรถบัสมาก็เจอแม่น้ำ Kamo เลยค่ะ ตอนนั้น 6 โมงกว่า ตัวเมืองเหมือนยังไม่ตื่น ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไป Fushimi inari แต่เช้าเลย เพราะที่นั่นไม่มีเวลาเปิดปิด
แต่เปลี่ยนแผน เพราะชอบบรรยากาศริมแม่น้ำยามเช้า เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจากเมืองอื่นยังไม่เข้ามา ทัวร์ยังไม่ลง เมืองมันดูมีชีวิต ดูจริง เราเลยเลือกแบกเป้เดินเล่นริมแม่น้ำ ลมเย็นสบาย น้ำใสมาก ดูแก๊งคุณลุงตกปลา แล้วก็ถ่ายรูปเป็ด รูปปลา ไปเรื่อยๆ ตามหาสะพานข้ามแม่น้ำที่เคยอ่านเจอว่าเก่าแก่และวิวสวย
ระหว่างทางได้เจอ homeless อาศัยอยู่ใต้สะพานหลายคนเลย
และพอได้เจอสะพานนั้น กล้องกากๆของเราก็เก็บภาพมาได้เท่านี้
เจอ lowson ที่ปลายสะพานพอดี แวะหาของกินซะหน่อยได้ข้าวปั้น กับโอเด้งมา 2 ชิ้น อยากชิมว่าสู้ที่ไต้หวันได้รึเปล่า สรุปว่าสู้ไม่ได้เลยยยย(สำหรับเรานะ) โอเด้งไต้หวันอร่อยกว่า และราคาถูกกว่า 3 เท่า ส่วนน้ำ grapefruit ไม่เคยกินมาก่อนเลยลองชิม รสออกเปรี้ยวๆ ขมๆ คล้ายๆมะนาว
แล้วเราก็ไปฝากเป้ไว้ที่ร้านกิโมโน ก่อนที่จะเดินเล่นย่าน gion รอเวลา เพราะนัดได้รอบ11โมงครึ่ง นอกนั้นเต็มหมดเลย ควรจองล่วงหน้าเป็นเดือนนะคะ
- สาวร่มแดงข้างหน้า คิดเอาเองว่าต้องเป็นเกอิชาหรือไม่ก็ไมโกะแน่ลย เดินมาแบบนิ่งมากสวยสง่า มีออร่า ทั้งที่แต่งตัวเรียบๆ อยากเห็นตอนแต่งชุดจัดเต็มจัง
เดินเล่นซักพักก็หิวค่ะ ไปลอง Okonomiyaki ร้านดังของเกียวโตดีกว่า เคยอ่านรีวิวเค้าว่าอร่อยกว่าที่ โอซาก้า, ฮิโรชิมา ต้องพิสูจน์ มาเป็นลูกค้าคนแรกของวันเลยค่ะ เพิ่งเปิดร้านเลย
- หน้าร้านเป็นเอกลักษณ์มาก
- มีสาวชุดกิโมโนนั่งเป็นเพื่อน หลายโต๊ะเลย
ร้านนี้มีเมนูเดียวเลยค่ะ โอโคโนมิยากิราคาหกร้อยกว่าเยน ดูไม่ค่อยเหมือนโอโคโนมิยากิที่เคยกินมาเลย ร้านนี้แป้งจะบางๆ เหมือนขนมเบื้อง ใส่ต้นหอม หมู ไข่เยิ้มๆ แล้วก็มีเม็ดคล้ายๆบุก สีออกดำๆ รวมๆก็จะอร่อยอยู่หรอก ถ้าไม่ราดซอสมาให้เยอะมากกกกกก เค็มสุดๆๆ สำหรับเรานะ ไม่ผ่านค่ะ มิน่าล่ะมีคนบอกว่าคนเกียวโตกินเค็ม
ถึงอาหารไม่ผ่าน แต่ร้านเค้าทำเหมือนพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ มีโมเดลบ้านเรือนแบบเก่าของญี่ปุ่นเต็มไปหมด เดินดูเพลินเลย ชอบมากๆ
Issen Yosyoku
ราคา Okonomiyaki 650 yen
เปิด 11:00–3:00
อิ่มแล้วก็ได้เวลาแต่งชุด yukata ค่าาา
เป้าหมายสูงสุดของเราในเกียวโตครั้งนี้ก็คือ อยากลองใส่ชุด yukataเดินเล่นในบรรยากาศเมืองเก่าของเกียวโต ก่อนมาเราเลยทำการบ้านหนักมากกก หาข้อมูลมายี่สิบร้านได้ สุดท้ายเราเลือกร้าน Kyoetsu เพราะ
1.ราคาไม่แพง(เมื่อจองล่วงหน้า) ถูกที่สุดในร้านทั้งหมดที่หาข้อมูลมาเลย
ค่าเช่า yukata รวมโอบิ, กระเป๋า, รองเท้า วันละ 2,000 yen ทำผมฟรี
ส่วน kimono รวมโอบิ, กระเป๋า, รองเท้า วันละ 2,500 yen ทำผมฟรีเหมือนกัน
2.ทำเลร้านอยู่ใกล้ที่เที่ยว 4 ที่ในระยะเดิน 5-10 นาที คือ Gion corner, Yasaka no to pagoda, Kodai-ji และ Kiyomizu Temple
3.ให้ฝากกระเป๋าได้ พอได้เวลาร้านกิโมโนเปิด ก็ไปฝากเป้ไว้ที่ร้านก่อนค่ะ ร้านนี้ใจดี รับฝากเป้ backpack ของพวกเราไว้ 2 ใบเลย ทั้งที่เช่าแค่คนเดียว
พอถึงร้าน อันดับแรกก็เลือกชุดที่ชอบก่อน มีให้เลือกเยอะดีนะคะ เรายืนเลือกอยู่นาน เลือกไม่ถูก พนักงานในร้านมีคนนึงหน้าตาน่ารัก และพูดภาษาอังกฤษเก่งมากกก เข้ามาช่วยเราเลือก แถมชวนคุย พอรู้ว่าเรามาจากประเทศไทย ก็เลือกตัวนี้ให้ บอกว่าตัวนี้ "สวยมาก" พูดไทยชัดเลย
คุยไปคุยมาเธอบอกว่าชอบประเทศไทยมาก ไปมาเป็นสิบครั้งแล้ว เคยทำงานเป็นแอร์ แต่ตอนหลังก็ลาออกมาทำงานร้านนี้ แอบถามเธอว่ามีคนไทยมาเช่าชุดที่นี่บ่อยไม๊ ได้คำตอบว่าเพิ่งเจอเราคนแรก ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น, เกาหลี และจีน
เลือกยูกะตะเสร็จก็ต้องมาเลือกโอบิต่อ อันไหนก็สวยไปหมด ได้สาวแอร์มาช่วยเลือกอีกแล้วค่ะ จัดมาตามนั้น เราเชื่อเธอ เพราะเธอสวย (เกี่ยวไม๊55)
เลือกได้แล้วก็หิ้วขึ้นไปแต่งตัวข้างบนชั้นสอง โซนนี้ถ่ายรูปไม่ได้แล้วค่ะ จะมีพนักงานมาช่วยแต่งตัวให้ ทั้งผ้าขนหนู, เข็มขัด รัดไปรัดมาหลายชั้นมากกกก ใส่เองไม่เป็นแน่นอน ก่อนใส่ต้องเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนนะคะ สำคัญมากๆ
แต่งตัวเสร็จก็มาเลือกทรงผม มีรูปให้เลือก 6 ทรงค่ะ ชอบทรงไหนก็ชี้เลย ช่างทำให้แป๊ปเดียวเสร็จแล้ว รวมเวลาแต่งตัวประมาณ 20 นาทีเอง ใครอยากได้ดอกไม้, เครื่องประดับติดผมก็เช่าได้เลย 500-1,000 yen เรามาแบบประหยัดก็สวยเท่าที่มีละกันน
Kyoetsu Gion Honten
เวบภาษาอังกฤษ http://kyoetsu-gion.com/en/
จองผ่านทางเว็บไซท์ได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 4วันนะคะ
เปิด9:00 - 18:30
ตอนนี้ร้านนี้เปิดอีกสาขานึงใกล้สถานีรถไฟ Kawaramachi นะคะ จะเหมาะกับคนที่อยากเช่าแล้วขึ้นรถไฟไปเที่ยวแถบอื่นต่อ พิกัดร้านค่ะ
คำเตือน : หลังจากนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่รูปเรานะคะ แทบไม่ได้ถ่ายวิวเลย ทนดูนิดนึงเนาะ^^
- ซอยใกล้ๆร้านกิโมโน ดูเป็นเกียวโตดี ชอบมากก
เดินเล่นได้แป๊ปเดียว กล้องถ่ายรูปก็ประท้วงว่าแบตจะหมด ตายยย เมื่อเช้ามัวแต่ถ่ายเป็ดถ่ายปลาริมแม่น้ำซะเยอะ ลืมคิดไปว่าไม่ได้ชาร์ตแบตกล้องบนรถ แถมแบตสำรองก็ทำหล่นหายเมื่อทริปไต้หวันครั้งก่อน ><
ยังไม่พอฝนก็เริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆ มีร่มแค่คันเดียวไม่พอละ ตัดสินใจไปซื้อร่มใสไซส์ใหญ่สุด(65cm) จากร้านสดวกซื้อ ราคา 540 yen แอบเสียดายที่ไม่เช่าร่มสวยๆมาจากที่ร้าน 500 yen เอง
พร้อมสู้ฝนแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่วัด Kiyomizu กัน
- แปลกใจเรื่องร่มนิดนึง ตอนอยู่โตเกียวคนส่วนใหญ่ใช้ร่มใสกัน แต่พอมาเกียวโตนี่ร่มหลากสีเลยจ้า คิดไปเองเปล่าไม่รู้
ในที่สุดกล้องเราก็สิ้นชีพเรียบร้อย ต้องพึ่งกล้องมือถือกะ xiaomi ละนะ
- มุมยอดฮิต
ขอบอกว่ามุมนี้สามารถมาได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้า 300 yen นะคะ ส่วนที่เสียค่าเข้าคืออาคารในรูปค่ะ ถ้าไม่ได้อยากเข้าอาคารก็เดินอ้อมไปด้านซ้ายได้เลยค่ะ
- หน้าร้านเป็นแบบนี้ค่ะ บังเอิญผ่านนี่ไม่รู้แน่นอน ว่าเป็นร้านกิโมโน
Mission completed yeh!
เดินทั่วแล้วก็ไปคืนชุดที่ร้าน แล้วแบกเป้ไป Fushimi inari กันต่อ ก่อนที่จะไปที่พักค่ะ ที่นี่ไม่เล่าอะไรมากละกัน ข้อมูลในเน็ทเยอะอยู่แล้วเนาะ
(ใช่ค่ะ ไปญี่ปุ่น 9 วัน สัมภาระเราแค่นี้ล่ะ เป้ 25 ลิตรใบเดียว)
วันนี้เรามาพร้อมทัวร์คุณป้าพอดี คนเยอะมากก แต่ไม่เป็นไร เค้าแย่งกันถ่ายรูปอยู่ช่วงหน้าๆ เราเดินตัดออกนอกเส้นทาง ไปทะลุอีกฝั่งนึง คนน้อยหน่อย ค่อยยังชั่ว
แต่ก็แอบรู้สึกเสียดายที่ไม่มาเมื่อเช้า คงจะเป็นอีกฟีลนึงเลย
ขอลาไปด้วยภาพนี้นะคะ พบกันใหม่ตอนหน้า มาดูว่าเราปั่นจักรยานไปไหนบ้าง แถมด้วยที่พักราคาคืนละ 719 บาท สำหรับสองคน (เป็นห้องส่วนตัว และมีจักรยานฟรีด้วย!!)
ความเดิม ตอนที่แล้ว
"ตอนที่1 JAPAN "BUS" PASS ทางเลือกคนงบน้อย"
"ตอนที่ 2 คุมงบยังไง ไปไหนมาบ้าง"
"ตอนที่ 4 ที่พักหลักหลักร้อย กับจักรยาน ในเกียวโต"
" 9 ที่ห้ามพลาดย่าน Kichijoji ช๊อปและชิลในย่านเดียว"
ติดตามตอนต่อไปได้ทาง http://travel.sanook.com/blog/author/earnonabudget/
และอย่าลืมแวะมาคุยกันที่เพจ www.facebook.com/earnonabudget นะค้า