เกริ่นไว้ในตอนที่แล้วว่า ทริปญี่ปุ่น 9 วัน 8คืนของเรา ใช้เงินไปประมาณ 15,000บาท รวมตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, อาหาร, ขนม, ค่าเดินทางทุกอย่าง, ค่าเข้าที่เที่ยว, รวมค่าเช่าชุด yukata แต่ไม่รวมช๊อปปิ้งนะคะ ถ้ารวมช๊อปของเราก็สองหมื่นปลาย เกือบ3หมื่นค่ะ ใครยังไม่อ่านตอนที่แล้วลองกลับไปอ่านดูก่อนนะคะ เดี๋ยวขาดๆหายๆ ตอนที่ 1 คลิ๊กเลยค่า
หลายคนรอดูอยู่ว่าใช้อะไรเท่าไหร่ ยังไงบ้าง ขอเริ่มตั้งแต่ก่อนเดินทางเลยนะคะ
1. ตั้งแต่ได้รู้จักกับ Ar-pae ที่ไหนไม่โปร เราไม่ไป 55 รักแปะมาก ทุกทริปเริ่มจากสอยตั๋วราคาโปรมาให้ได้ ทริปนี้เราได้ตั๋ว Airasia X ไปกลับนาริตะ ราคา 3,133 บาท ต่อคน + 500 big point (จองกี่คนก็ได้ ใช้ 500pointพอ)
จะบอกว่าช่วงที่เราจอง มีโปรราคาประมาณนี้ออกมาบ่อยมากๆ มีวันให้เลือกได้เพียบเลย ให้โอกาสเราคิดแล้วคิดอีกหลายรอบว่าจะไปดีไม๊ ที่ต้องคิดเยอะก็เพราะว่าช่วงกค.,สค. ที่เอามาโปรมันเป็นช่วงมรสุม อากาศก็ร้อน พายุก็เข้า หลายคนบอกว่า ถ้าจะไปญี่ปุ่นหน้าร้อน ไม่ต้องไปดีกว่า แต่เราตัดสินใจไป เพราะราคาแบบนี้ กะว่าไปกินไปช๊อป ไปเดินเล่นก็คุ้มแล้วสำหรับเรา พอไปจริงๆ เราเจออากาศเย็นสบาย เกือบทุกวันเลย ในโตเกียวมีฝนปรอยๆเหมือนพัดลมไอน้ำ เดินเที่ยวสนุกมาก
ราคาในรูปสำหรับ2คน ค่าตัดบัตรก็มีวิธีกันอยู่ ขอตัดออก 360บาทเนาะ
จากวันที่ในรูป ต้องขอบคุณ Airasia ที่ cancle flight ทำให้เรามีโอกาสเลือกวันเวลาที่ดีขึ้นได้ กลายมาเป็น 28 สค - 6 กย แทน ได้เที่ยว9วันเต็มๆ^^
2. หลังจากได้แผนคร่าวๆว่าอยากไปไหนบ้าง ก็มาจองที่พักค่ะ ส่วนใหญ่เราจองผ่าน Airbnbเจ้าเก่า เพราะชอบความบ้านๆ มีที่พักแปลกๆ หลากหลายและก็ เลือกราคาตามงบเราได้ค่ะ อย่างทริปนี้เราจองจาก Airbnb 4 คืน
ที่พักที่เราเลือกมา เราเลือกย่านที่สดวกในการเดินทาไปที่ๆเราอยากไป ส่วนใหญ่จะเป็นย่านที่คนญี่ปุ่นอยู่อาศัย เพราะไม่ชอบไปเที่ยวแล้วเจอแต่นักท่องเที่ยว อยากลองอยู่แบบคนญี่ปุ่นจริงๆ เราเชื่อว่าญี่ปุ่นบ้านๆ มักจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ แต่ก็จะเสียเปรียบเรื่องการเดินทาง ไม่สะดวกเท่าพักตามย่านยอดฮิตค่ะ แต่ที่เลือกมาทั้งหมดก็อยู่ในระยะเดิน 5นาทีถึงสถานีรถไฟนะ
" วิธีสมัคร Airbnb ให้ได้ส่วนลด900บาท ในการจองครั้งแรก " คลิกเลยค่า
3. ซื้อ Japan bus pass ผ่านทางเว็บ Willer express รูดบัตรไป 2,890 บาท/คน (รายละเอียดอยู่ใน ตอนที่ 1)
4. นี่เป็นทริปแรก ที่เราซื้อประกันการเดินทาง ก็รอบนี้รู้ตัวว่าต้องทรหดหน่อย ทั้งนอนบนบัส ทั้งปั่นจักรยานเที่ยว กลัวป่วยสิคะ เลยซื้อประกันการเดินทาง ของ Cigna ไป 10 วัน 328 บาท/คน (กลัวพายุเข้าด้วย เลยเลือกแบบจัดเต็มคุ้มครองกระเป๋า และชดเชย delay ด้วยจ่ายเพิ่มไม่กี่บาทเอง)
บริษัทนี้ดีไม่ดีไม่รู้ เพราะโชคดีไม่ได้เคลมประกัน ซื้อไว้เป็นยันต์กันภัย และก็ได้บัตร Starbuck มาคนละ 100บาท 55
ทริปนี้กันภัยได้ผลจริงๆ เครื่องไม่มีดีเลย์ พายุเข้าก่อนเราไป และแผ่นดินไหว+พายุอีกรอบหลังเรากลับมาแล้ว
5. สั่งซื้อ sim card 7 วัน 390บาท (คัดเลือกแล้วว่าคุ้มสุด) จาก http://www.sugoi-sim.com
เป็นเครือข่ายของ Docomo เจ้าใหญ่ในญี่ปุ่นซะด้วยนะ ใช้เนทความเร็วสูงได้วันละ 200MB ถ้าเกินนี้จะช้ามาก แต่ไม่รู้ช้าแค่ไหน เพราะเราใช้ไม่เคยหมดเลย รู้แค่เนทปกติเร็วมากกก แชร์ 2 เครื่องก็ยังได้ เราไม่ได้เล่นเต็มที่นะ กลับถึงที่พักก็ใช้ wifi เอา แต่ซิมไว้ใช้ social, ค้นข้อมูล, Google map เวลาอยู่นอกที่พัก มันช่วยให้ชีวิตดีมากก ไม่มีหลง ไปเที่ยวกันเองควรมีนะคะ
6. จากสนามบินเข้าเมือง วิธีประหยัดสุดคือจองตั๋ว Keisei bus ล่วงหน้าจะได้ราคา 900y
แต่เราขี้เกียจจองยุ่งยาก เลยไปขึ้น Access narita แทน ขาละ 1,000 y จาก Narita ใช้เวลา 1ชั่วโมง 10 นาทีก็ถึง Tokyo station เราต่อ JR ไป Nakano อีก 20กว่านาที จ่ายเพิ่ม 220 y รวม 1,220 จาก นาริตะมาที่พักเรา ได้หลับบนรถสบายๆกว่าที่หลับมาบนเครื่องเยอะเลย
TIP
- Terminal 2 ขึ้น Access narita ได้จาก Bus stop เบอร์.2 กับ เบอร์.19 แนะนำให้ไปรอที่ เบอร์ 2 นะคะ เพราะรถจะจอดเบอร์ 2ก่อน ไปถึง19ก็เกือบเต็มแล้วค่ะ
- ขากลับไปสนามบิน เราไปขึ้นจาก Ginza ต้นสายเช่นกัน
ตอนแรกเล็งไว้อีกอันนึงคือ NEX ราคาโปรตอนนี้ไปกลับอยู่ที่ 4,000 y ตกขาละ 2,000 y แต่ไปลงที่ Nakanoได้เลย
พอมาเชคเวลาถึงได้รู้ว่ามันก็ไม่ได้เร็วอย่างที่คิดนี่หว่า
ถ้านั่ง NEX กว่าจะถึง Shinjuku ต้องใช้เวลา 1ชั่วโมงครึ่ง -1 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งพอๆกันกับนั่งบัสมาต่อ JRเลย แต่ต้องจ่ายแพงกว่ากัน 780 y แล้วเราจะจ่ายแพงกว่าทำไม??
7. การเดินทางอื่นๆ เราศึกษา Pass ทุกอย่างอย่างดี แต่สุดท้ายก็ใช้วิธีซื้อ IC card ใบเดียวจบเลย ใช้ได้ทั่วญี่ปุ่น ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋ว คำนวนที่เราไปแล้วก็ถือว่าคิดถูกที่ไม่ซื้อพาส เพราะที่ๆเราไปต้องเดินทางหลายค่ายผสมกัน แต่จริงๆถ้าซื้อพาสเราคงจะไฟท์ไปหลายๆที่ในเส้นทางพาส ก็คงใช้ให้คุ้มได้
พอดีเจอตู้ Suica ก่อนอย่างอื่น เลยได้บัตร Suica มาค่ะ ซื้อบัตรเริ่มต้นที่ 1,000 y เป็นค่ามัดจำบัตร 500 y ใช้ได้ 500 y เวลาคืนบัตร ถ้าใช้เงินหมดก็ได้ค่ามัดจำคืนเต็มๆ แต่ถ้าใช้ไม่หมดจะโดนหักค่าธรรมเนียมขอเงินคืน 220 y ค่ะ
On a budget TIP
-ใครจะคืนบัตรIC แนะนำให้เข้าร้านสดวกซื้อตี๊ดซื้อขนมให้หมดเลยดีกว่านะคะ ไม่งั้นก็เก็บไว้ใช้รอบหน้าดีกว่า (บัตรจะหมดอายุเมื่อไม่ได้ใช้บัตร 10 ปีแหน่ะ)
-สังเกตเวลาใช้บัตร IC ใน Tokyo ค่าโดยสารจะถูกกว่าซื้อตั๋วปกตินิดหน่อย มาหาข้อมูลทีหลัง ถึงรู้ว่า ค่าโดยสารจะถูกปัดเศษขึ้นเป็นจำนวนเต็มเวลาซื้อตั๋วปกติ แต่เวลาใช้ ICจะคิดตามค่าโดยสารจริงๆ ก็เลยจะถูกลงเที่ยวละ 1-9y ค่ะ
https://www.jreast.co.jp/e/pass/suica.html
8. อาหารแต่ละมื้อ พยายามคุมงบให้ได้ มื้อละ 500 y/คน ยกเว้น hilight แต่ละที่กินแพงได้ อะไรที่เค้าว่าอร่อย ถ้าเป็นของชอบเรา แพงก็กินนะ มื้อแพงสุดก็ซูชิ 2,400 y , ข้าวหน้าปลาไหล 1,700 y , มื้อที่เพื่อนพาไปร้าน Izakaya กินไปคนละ 2,000 y , soft creamนี่ไม่ได้ถูก แต่กินไปหลายอันมาก กินทุกที่ ,ขนมอะไรที่เค้าว่าอร่อย ซื้อกินหมดค่ะ
เราไม่ใช่คนกินเยอะ ไม่ได้ลิ้นเทพ เลยคุมค่าอาหารได้ดีหน่อย แต่คือไม่ได้ไปอดๆอยากๆ เข้าใจตรงกันนะ?
จริงๆสำหรับเรา ร้านอาหารญี่ปุ่นบ้านๆ มื้อละไม่ถึง 500 y นี่มันก็อร่อยมากแล้วนะ รายละเอียดร้านอาหารประหยัดและอร่อย จะมาบอกอีกทีนะจ๊ะ
ไปไหนมาบ้าง?
ขอบอกก่อนว่านี่เป็นการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก แต่เราไปทัวร์มาครั้งนึงเมื่อปีที่แล้วค่ะ ได้เที่ยวเองในโตเกียว1วัน landmark หลายที่เลยตัดออก รอบนี้เราเที่ยวแบบไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก นั่งชิล สบายๆนะคะ ไม่เน้นเก็บจำนวน วางแผนก่อนไปแค่ว่าอยากไปย่านไหนบ้าง เที่ยวเป็นย่านๆ ไม่กลับไปกลับมา ค่าเดินทางในโตเกียวก็เลยไม่มาก
29 สค. Tokyo
30 สค. Tokyo
31 สค Kyoto
1 กย. Kyoto
2 กย. Osaka
3 กย. Hiroshima
4 กย. Hiroshima
5 กย. Tokyo
6 กย. Tokyo
ความเดิม ตอนที่แล้ว
"ตอนที่1 JAPAN "BUS" PASS ทางเลือกคนงบน้อย"
"ตอนที่ 2 คุมงบยังไง ไปไหนมาบ้าง"
"ตอนที่ 4 ที่พักหลักหลักร้อย กับจักรยาน ในเกียวโต"
" 9 ที่ห้ามพลาดย่าน Kichijoji ช๊อปและชิลในย่านเดียว"
ติดตามตอนต่อไปได้ทาง http://travel.sanook.com/blog/author/earnonabudget/
และอย่าลืมแวะมาคุยกันที่เพจ www.facebook.com/earnonabudget นะค้า